แบทเตอรี 12 โวลท์ ในรถยนต์ของเรามีอายุเฉลี่ยประมาณ 2-3 ปี หากให้ระบุวันเวลาที่ชัดเจนคงเป็นเรื่องยาก แต่ก็ใช่ว่าจะทำไม่ได้ DIY…คุณทำเองได้ ฉบับนี้ มีวิธีตรวจเชค “อายุแบทเตอรี” มาฝาก
CCA ตัวการสำคัญของอายุแบทเตอรี
ในการเลือกใช้แบทเตอรี ส่วนใหญ่จะเลือกที่ค่าโวลท์ (VOLTAGE) กับแอมพ์ (AMPERE HOUR) เป็นหลัก แต่ความจริงแล้วยังมีอีกค่าหนึ่งที่ร้านไม่เคยบอก นั่นคือ ค่า CCA ที่ย่อมาจาก COLD CRANKING AMPERE เป็นค่าของกระแสสูงสุด ที่แบทเตอรีสามารถจ่ายไฟได้ในระยะเวลา 30 วินาที (ที่อุณหภูมิ -28.8 องศาเซลเซียส) เพื่อใช้ในการสตาร์ทเครื่องยนต์ โดยมีหน่วยเป็น แอมพ์
สตาร์ทติดหรือไม่ อยู่ที่ค่า CCA
แบทเตอรีที่จะสตาร์ทเครื่องยนต์ให้ติดได้ ต้องมีค่า CCA ที่เพียงพอ บ่อยครั้งที่เจอปัญหารถสตาร์ทไม่ติด แต่อุปกรณ์ไฟฟ้าในรถยังสามารถใช้ได้ เนื่องมาจากการสตาร์ทเครื่องยนต์นั้น จำเป็นต้องใช้กำลังไฟสูงในช่วงเวลาสั้นๆ เพื่อออกแรงขับไดสตาร์ทไปหมุนเครื่องยนต์ให้ทำงาน (คล้ายการบีบสายยางเพื่อให้น้ำแรงขึ้น)
วิธีคำนวณค่า CCA ต่ำสุด ที่เครื่องยนต์จะสตาร์ทได้
ค่า CCA ของแบทเตอรีต้องใช้เครื่องมือเพื่อตรวจวัด แต่ค่า CCA ต่ำสุดที่เครื่องยนต์จะสตาร์ทได้ สามารถคำนวณได้เองจากสูตร (CCA (ต่ำสุด) = ความจุเครื่องยนต์ (ซีซี)x0.13) เช่น เครื่องยนต์ 1,500 ซีซี : 1,500x0.13 = 195 แอมพ์ หรือเครื่องยนต์ 2,000 ซีซี : 2,000x0.13 = 260 แอมพ์ เป็นต้น
อุปกรณ์
1. ถุงมือ
2. เครื่องมือวัด BATTERY TESTER
ขั้นตอนการตรวจเชค “อายุแบทเตอรี”
1. คำนวณค่า CCA ต่ำสุดของรถเรา ด้วยสูตร ความจุ (ซีซี)x0.13 = 390 แอมพ์
2. นำสายสีแดงของ BATTERY TESTER คีบกับขั้วบวกของแบทเตอรี
3. สายสีดำเครื่อง BATTERY TESTER คีบกับขั้วลบของแบทเตอรี
4. เมื่อไฟสถานะติด ให้เข้าไปที่เมนูแรก BATTERY TEST
5. เลือกประเภทของแบทเตอรีไปที่ REGULAR FLOODED
6. เลือกวัดค่า CCA ให้ตั้งค่า CCA ไว้ประมาณ 500 แอมพ์
7. กด TESTING ให้เครื่องประมวล จนได้ผลลัพธ์
8. ค่า CCA = 650 แอมพ์ เมื่อเทียบกับข้อ 1 แสดงว่าแบทเตอรียังใช้ได้อีกนาน