เรื่องแปลกจาก MOTOR EXPO 2006

งานแสดงรถยนต์ที่จัดโดยบริษัท สื่อสากล จำกัด ซึ่งก็คือ บริษัทต้นสังกัดของนิตยสาร "ฟอร์มูลา" นี่ แหละครับ ผ่านไปด้วยความราบรื่นและประสบความสำเร็จทางธุรกิจกันไปถ้วนหน้า ทั้งผู้จัดและผู้เข้า ร่วมแสดงสินค้า แม้ว่าจะมีรถต้นแบบ และรถรุ่นใหม่เข้าร่วมน้อยไปบ้าง หวังว่าปีหน้าคงจะเป็นปีที่ดี ขึ้นของธุรกิจยานยนต์ และมีรถรุ่นแปลกใหม่ให้พวกเราได้ชมกันมากกว่าครั้งนี้ ท่ามกลางความอิ่มเอิบจากจำนวนรถที่ขายได้ในงาน ของบรรดาบริษัทที่เข้าร่วม มีอยู่รายหนึ่งที่โชค ร้ายพอสมควร ผมไม่ทราบว่าจำนวนรถที่ อัลฟา โรเมโอ ขายได้ในงานนี้เป็นเท่าใด ถึงเป้าหมายที่คาด หวังไว้ หรือถึงจุด "คุ้ม" หรือไม่ แต่สิ่งที่ผมได้เห็นอย่างชัดแจ้ง ก็คือการตกเป็นผู้ร้ายหรือจำเลยของ สังคมโดยไม่ได้ตั้งใจ นั่นคือ การแต่งกายของพวกพรีเซนเตอร์ชาวต่างชาติ ที่ปีที่แล้วล่อแหลมไปหน่อย แต่ในปีนี้ผมว่าอยู่ในระดับปกติ แต่กลับถูกสื่อมวลชนรายวัน ที่ "หิว" ข่าวอยู่เป็นธรรมชาติอยู่แล้ว โหม ประโคมข่าวเสียเละ มีการไปสัมภาษณ์บุคคลจากกระทรวงวัฒนธรรม ผมมองดูด้วยความสังเวชใจ กับการตื่นตูมในเรื่องไม่เป็นเรื่อง ไม่มีสาระของคนไทย ที่ชอบทำเรื่องเล็ก ให้เป็นเรื่องใหญ่ แต่เรื่องใหญ่จริงๆ ที่สมควรช่วยกันแก้ไข กลับเฉยเมยกันหมด ชุดที่สตรีต่างชาติทั้ง สามคนแต่งในงานนี้ ก็อยู่ในระดับเดียวกับชุดว่ายน้ำสองชิ้น ที่ชาวต่างชาติสวมใส่กันทุกแห่งบนชาย หาดของประเทศไทย ที่เด็กหรือคนวัยใดก็ตาม ที่บรรดานักหาเรื่องเหล่านี้ อ้างว่าไม่สมควรได้เห็น ก็มี สิทธิสัญจรไปมาอยู่แล้ว ถ้าบอกว่าชุดแบบนี้อยู่ในขั้นอนาจาร ก็ต้องห้ามใส่แข่งวอลเลบอลชายหาด หรือห้ามเด็กดูกีฬานี้ ที่ สระว่ายน้ำของโรงแรมชั้นดีทุกแห่ง ที่เด็กก็มีสิทธิ์ลงว่าย ผู้หญิงต่างชาติทุกคน ก็แต่งกายในระดับนี้กัน ทั้งนั้น ผมว่าถ้าบรรดาคุณหญิงคุณนาย โดยเฉพาะผู้ที่มีอำนาจ ห่วงใยต่อปัญหาทำนองนี้จริง กรุณา ไปจัดการกับสิ่งพิมพ์ ซีดี ลามก ทั้งหลาย ที่วางขายกันเกลื่อนเมือง ไม่ให้เยาวชนเข้าถึงได้ ผมไม่ ต้องการให้ลูกหลานของผมหรือของผู้อ่านก็ตาม สามารถซื้อสิ่งเหล่านี้มาดูได้ ไม่ได้หลับหูหลับตาต่อต้านนะครับ ผู้ใหญ่ควรมีสิทธิในการซื้อหาหรือครอบครอง ไม่ต้องดัดจริตบ้าจี้ ทำเป็นของผิดกฎหมายร้ายแรง เอาไว้เป็นช่องทางให้ตำรวจรีดไถยักยอก ถ้าผู้ใหญ่ทำกิจกรรมทาง เพศเองได้ ทำไมจะต้องถูกห้ามดูผู้อื่นแสดง ต้องมีขอบเขตที่ไม่ให้เด็กเข้าถึงเท่านั้นเอง พวกเราอยู่ใน สังคมดัดจริตเสแสร้ง สองมาตรฐาน หน้าไหว้หลังหลอก กันจนชินตา ตอนนี้ถึงขั้นมีการเสนอว่า ในปี หน้าสมควรกึ่งชักชวนกึ่งบังคับ ให้ "พรีเซนเตอร์" ของทุกบริษัทที่นำรถยนต์มาแสดง แต่งกายด้วยชุด ไทยเท่านั้น จะบ้าหรือเปล่าครับ ในเมื่อบุคลากรของบริษัททั้งหมด ไม่ว่าหญิงหรือชาย ก็แต่งกายแบบ สากล หรือเรียกง่ายๆ ว่าแบบ "ฝรั่ง" กันทั้งนั้น ผู้ชมก็แต่งกายแบบ "ฝรั่งนิยม" กันทุกคน ผมขอแสดงความเสียใจและเห็นใจ ต่อบริษัทผู้เคราะห์ร้ายนี้ โดยเฉพาะสตรีต่างชาติทั้งสามคน ที่ตั้งใจ ปฏิบัติหน้าที่สมกับเป็นมืออาชีพ แต่ต้องรับเคราะห์จากการสร้างภาพ สร้างข่าว ของคนจำนวนหนึ่ง รวมทั้งคนในสังคมที่ไร้จุดยืน แน่นอนครับ รถแต่ละตรา แต่ละรุ่น มีภาพพจน์ต่างกัน บางตราหรือบ แรนด์ อาจเหมาะกับชุดแต่งกายที่มิดชิดกว่านี้ของพรีเซนเตอร์ ผมเห็นตะโกนกันหลายฝ่ายว่าอยากให้ งานทำนองนี้ อยู่ในระดับสากลกับเขาบ้าง ต้องเข้าใจประเด็นให้ถ่องแท้ก่อนครับ แล้วถึงจะมุ่งมั่นให้ไป ถึงเป้าหมาย ผมผ่านพื้นที่แสดงรถยนต์ญี่ปุ่นตราหนึ่ง ซึ่งไม่มีโรงงานประกอบในไทย เป็นรถที่คุณภาพสูงมาก เพราะผู้ผลิตจริงจังกับด้านเทคนิค และเรื่องคุณภาพอย่างมาก ปีนี้เช่าพื้นที่กว้างเป็นพิเศษ ผมสนทนา กับพนักงานต้อนรับอยู่ครู่หนึ่ง จึงได้ทราบว่าขายรถได้น้อยกว่าที่คาด สำหรับผมขอบอกว่า ได้น้อยกว่า ที่ควร ผมดูคุณภาพและฝีมือประกอบ โดยเฉพาะห้องโดยสาร อยู่ในระดับสูงสุดของโลก ไม่แพ้รถชั้น นำจากยุโรป ดูราคาที่ขายก็สมเหตุสมผล เหมาะสมกับคุณภาพ แน่นอนว่าสูงกว่ารถที่ประกอบใน ประเทศไทย เพราะเสียภาษีในอัตราที่สูงกว่ามาก ผมพยายามหาคำตอบ (ซึ่งแน่นอนว่าไม่มีวันพิสูจน์ ได้ว่าถูกหรือไม่) และเชื่อว่าน่าจะมาจากความเชื่อที่ว่า รถญี่ปุ่นต้องมีคุณภาพและสมรรถนะ ด้อยกว่า รถจากยุโรปเสมอ และต้องขายราคาต่ำกว่าด้วย วันนี้เราผ่านยุคนี้มาแล้วครับ เลิกคิดอะไรทำนองนี้กันได้แล้ว ไม่ต้องไปสนใจสัญชาติกันแล้วครับ โดย ส่วนตัวผมไม่สนใจมานานแล้ว มีคำนึงถึงอยู่บ้าง ก็เรื่องความไว้วางใจ กับการบริการหลังการขาย ซึ่ง ฝ่ายญี่ปุ่นทำได้ดีกว่ามาก แน่นอนว่าในวันนี้ รถสัญชาติเยอรมัน ยังคงมีเสถียรภาพที่ความเร็วสูง เหนือกว่ารถญี่ปุ่นอยู่บ้าง ในย่านความเร็วที่ผิดกฎหมาย และค่อนข้างอันตรายสำหรับถนนในประเทศ เรา ความได้เปรียบนี้เป็นเพราะการไม่จำกัดความเร็วบนทางด่วนของประเทศเยอรมนี กลับมาเรื่องจำนวนที่ขายได้ ของรถที่ผมกล่าวถึงกันต่อครับ ผมลองคิดว่า อาจมีสาเหตุจากจำนวน ศูนย์บริการ แต่พอเปรียบเทียบกับ "รถฝรั่ง" บางราย ที่ขายดีกว่า ทั้งๆ ที่มีจำนวนศูนย์บริการน้อย เหมือนกัน ผมก็ต้องหาสาเหตุที่แท้จริงอีกครั้ง ถ้ามันเป็นเพราะสัญชาติของรถกับค่านิยมของคนไทย ผมก็พบว่า มีรถญี่ปุ่นที่ประกอบในญี่ปุ่นแล้วขายในราคาแพงกว่า บางทีแพงกว่ารถฝรั่งเสียด้วย แต่ก็ ยังขายได้มากพอสมควร มีสิ่งสนับสนุนอยู่สองข้อ คือ จำนวนศูนย์บริการ กับความเป็นตราที่ยกระดับ มาจากตรายอดนิยมของคนไทย ซึ่งก็เลยทำให้ผมหาคำตอบที่เชื่อว่าถูกต้อง ไม่ได้เลย ไม่ว่าความจริงจะเป็นอย่างไร ที่แน่นอนที่สุดก็คือ เราควรเลือกรถจากการเปรียบเทียบสิ่งที่ได้มากับสิ่งที่เสียไปเท่านั้น โดยไม่ต้องไปสนใจชื่อหรือสัญชาติ ของรถนั้น สิ่งที่เสียไปก็คือเงินของเราเท่ากับราคารถ ส่วนสิ่งที่ได้มาคือ คุณสมบัติของรถนั้นและการ บริการหลังการขายครับ ก็ขอให้กำลังใจต่อตัวแทนจำหน่ายรถญี่ปุ่นรายที่ผมกล่าวถึงนี้ ว่าวันหนึ่งคงมีคนไทยที่มีความเข้าใจรถ และ "ตาถึง" มากกว่านี้ ถ้าใช้คุณภาพของรถอย่างเดียวแล้วไม่พอ คงต้องใช้จิตวิทยาช่วยด้วย โดย เฉพาะข้อที่สาม ของจุดอ่อน 4 ข้อของคนไทย คือ ขี้โอ่ ชอบโอ้อวด อาจได้ผลขนาดคาดไม่ถึงก็ได้นะ ครับ