HONDA CR-V E-HEV รถไฟฟ้าลูกผสม ที่พัฒนาได้อีกไกล

สำหรับ HONDA CR-V E-HEV (ฮอนดา ซีอาร์-วี อี-เอชอีวี) จะเรียกเป็นรถไฟฟ้าแบบ “ไฮบริด” ก็ได้ เพราะเป็นการขับเคลื่อนด้วยพลังงานจาก 2 แหล่งขึ้นไป ถ้าจะพูดให้เข้าใจง่าย คือ ตัวรถสามารถขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า 2 แบบด้วยกัน แบบแรก คือ พื้นฐานของตัวรถคือ “BEV” (BATTERY ELECTRIC VEHICLE) ที่เราชอบเรียกกันว่า “รถไฟฟ้า 100 %” นั่นแหละ ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าที่ใช้พลังงานจากแบทเตอรี พลังงานไฟฟ้าแบบที่ 2 ใช้เทคโนโลยี “FCEV” (FUEL CELL ELECTRIC VEHICLE) เป็นการผลิตพลังงานไฟฟ้าจาก “ไฮโดรเจน”

BEV ข้อจำกัด คือ ระยะเวลาชาร์จ

ใน HONDA CR-V E-HEV เป็นการผสมผสานเทคโนโลยีสะอาด 2 รูปแบบเข้าด้วยกัน พื้นฐานตัวรถ คือ รถไฟฟ้าใช้มอเตอร์ขับเคลื่อนมีกำลัง 174 แรงม้า แรงบิด 310 นิวตันเมตร สำหรับขับเคลื่อนตัวรถใช้แบทเตอรีความจุ 17.7 กิโลวัตต์ชั่วโมง ระยะทางขับเคลื่อนอยู่ที่ประมาณ 47 กม./การชาร์จ 1 ครั้ง สำหรับการขับเคลื่อนในรูปแบบ BEV แน่นอนว่ามันไม่เพียงพอสำหรับการใช้งาน ข้อจำกัดของรถพลังงานไฟฟ้าในเวลานี้ คือ ระยะเวลาในการจอดชาร์จ โดยเฉพาะการชาร์จระหว่างเดินทาง ทำให้ต้องบวกเวลาเพิ่มขึ้นอย่างน้อย 1 ชม. สำหรับการเดินทางระยะประมาณ 500 กม.

สร้างไฟฟ้าด้วยไฮโดรเจน คือ แนวคิดของ HONDA

แนวคิดของ HONDA คือ การลดระยะเวลาในการชาร์จให้ได้มากที่สุด แล้วจะทำอย่างไรให้ใกล้เคียงรถยนต์ที่ใช้น้ำมันเป็นเชื้อเพลิง จึงได้นำเทคโนโลยี FCEV เป็นการผลิตกระแสไฟฟ้าจากไฮโดรเจน เป็นเจเนอเรชันที่ 2 ของ HONDA อุปกรณ์ต่างๆ มีขนาดเล็กลงเหลือประมาณ 1 ใน 3 ทำให้สามารถติดตั้งในรถสำหรับการใช้งานจริงได้ กระบวนการผลิตกระแสไฟฟ้าในเซลล์เชื้อเพลิงนี้สามารถผลิตได้สูงสุดถึง 92.2 กิโลวัตต์ ซึ่งมากพอสำหรับการใช้งาน ถังไฮโดรเจนมีความจุ 4.3 กก. ถูกจัดเก็บในรูปแบบของแกสแรงดันสูงซึ่งถังไฮโดรเจนทนแรงดันได้ถึง 10,000 PSI ระยะทางในการขับเคลื่อนรวมของแบทเตอรี และไฮโดรเจนอยู่ที่ประมาณ 450 กม. จุดเด่น คือ การเติมไฮโดรเจนนั้นใช้เวลาสั้นพอกับการเติมน้ำมัน ทำการเดินทางไกลไม่เสียเวลาเพิ่มเหมือนรถ BEV

นำเทคโนโลยี FUEL CELL มาช่วยจ่ายไฟ

ถ้าจะพูดให้เข้าใจง่ายๆ คือ เจ้า HONDA CR-V E-HEV คันนี้ ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าที่ดึงพลังงานจากแบทเตอรี ในจังหวะที่ต้องการพลังงานไฟฟ้ามากๆ เทคโนโลยี FUEL CELL จะช่วยจ่ายไฟตรงไปยังมอเตอร์ขับเคลื่อน เพราะสามารถผลิตกระแสไฟได้ถึง 92.2 กิโลวัตต์ ในการขับขี่ปกติเมื่อแบทเตอรีลดต่ำลง ระบบก็จะชาร์จไฟเข้าไปยังแบทเตอรีโดยอัตโนมัติ จึงไม่จำเป็นต้องใช้แบทเตอรีขนาดใหญ่ที่มีความจุเยอะ อีกเหตุผล คือ ไฮโดรเจนสามารถผลิตได้จากหลากหลายกรรมวิธีเพราะมันอยู่รอบๆ ตัวเรา