พิเศษ(4wheels)
ปิยะ เกษมธนกุล
บริษัท ลิมเกษม จำกัด เป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ ที่นำเข้าอุปกรณ์ตกแต่งรถ 4WD ชื่อก้องโลก เช่น ทีเจเอม ซีรีส์ 2000 เอกซ์จีเอส แอร์เทค สนอร์เกิล รูฟแรค สปอร์ทแรค และล่าสุดบุชยูรีเธน ซูเพอร์ โพร (SUPER PRO) จากประเทศออสเตรเลีย...4 WHEELS สัมภาษณ์ ปิยะ เกษมธนกุล หัวเรือใหญ่ของลิมเกษม
เขาจะมาพูดคุยให้เราฟังถึงกระแสความเปลี่ยนแปลงของธุรกิจในวงการรถ 4WD
4 WHEELS : การก่อตั้งบริษัท ฯ เริ่มจากแนวคิดใด ?
ปิยะ : แรกเริ่มเราทำด้านเครื่องเสียง ประมาณ 30 กว่าปี หลังจากนั้นจึงได้หันมานำเข้าสินค้าด้านอุปกรณ์ตกแต่งรถยนต์ เริ่มตั้งแต่ปี พศ. 2538 ประมาณ 9 ปี สินค้าที่นำเข้ามาทำตลาดในช่วงแรกๆ คือ ชอคอับ แรนโช จีทีเอส เป็นสินค้าพวกชุดเวเธอร์การ์ดต่างๆ กันแมลง กันสาด วอร์น บุชแวคเกอร์ ลูนด์
4 WHEELS : ปัจจุบันสินค้าที่ทำตลาดมีอะไรบ้าง และเน้นยี่ห้อใด ?
ปิยะ : ทีเจเอม ช่วงล่างเอกซ์จีเอส ซีรีส์ 2000 แอร์เทค สนอร์เกิล ของทีเจเอม สินค้าหลักเขาจะเป็นกันชน ถ้าเป็นช่วงล่างจะเป็นซีรีส์ 2000 เอกซ์จีเอส ปัจจุบันการนำเข้ากันชนคงน้อยลง เนื่องจากสินค้าในประเทศมีการพัฒนาเท่าเทียมกัน ราคาก็ค่อนข้างถูก ส่วนช่วงล่าง และสนอร์เกิล จะเป็นการนำเข้า เราเน้นช่วงล่างของออสเตรเลีย ถึงตลาดจะเงียบไปบ้าง แต่ก็ยังโอเค ตอนนี้ทำแต่สินค้าจากออสเตรเลีย ยกเว้น สปอร์ทแรค ซึ่งเป็นของแคนาดา จริงๆ ยังมี จาโอส ด้วย แต่การทำตลาดค่อนข้างยาก เนื่องจากราคาสูง เป็นสินค้าที่เน้นคุณภาพ สินค้าทั้งหมด ถ้าเป็นจาโอส เน้นรถเอสยูวี ไม่มีตลาดกระบะเลย แต่ถ้าเป็นทีเจเอม จะมีทั้งเอสยูวี และกระบะ ตลาดของบ้านเราเป็นรถกระบะ ฉะนั้นการนำเข้าสินค้าเกี่ยวกับกระบะจะมากกว่าสินค้าที่เรานำเข้าส่วนใหญ่จะฟิทรุ่นรถอยู่แล้ว ที่ผ่านมาเราก็ประสบความสำเร็จตามเป้าหมาย สำหรับรถแต่ละรุ่น ทั้งเอสยูวี และกระบะ
4 WHEELS : บริษัทแม่ในต่างประเทศ ให้การช่วยเหลือด้านใดบ้าง ?
ปิยะ : เราไม่เคยขอความช่วยเหลือเขา เราทำตลาดเองมาโดยตลอด ขอเขามาแล้วทำไม่ได้มันก็ไม่ค่อยดี ถ้าเราแยกสินค้าเป็นอย่างๆ ไป เช่น กรณีของจาโอส ต่อให้มีงบสนับสนุนจากต่างประเทศ จะทุ่มลงไปเท่าไหร่ก็ตาม แต่ตลาดมันค่อนข้างแคบ เพราะว่ารถเอสยูวี ที่เขาทำชุดแต่งในญี่ปุ่น อย่างในบ้านเราก็ไม่ค่อยมีขาย ที่ชัดเจนหน่อยก็ ฮอนดา ซีอาร์-วี เพราะฉะนั้นถ้าถามว่า เมนหลัก จากญี่ปุ่นอย่าง โตโยตา ปราโด หรือรัฟโฟร์ รถมันค่อนข้างน้อย บริษัทแม่ในไทยไม่ได้ทำเอง เลยทำให้มียอดขายน้อย จึงทำให้ตลาดตรงนี้ค่อนข้างเล็ก ผิดกับในต่างประเทศ บางครั้งมันก็เหมือนกับเป็นเหตุเป็นผลว่าต่อให้ทุ่มงบลงไป มันก็ไม่ได้ช่วยอะไรมากมาย ไม่ใช่ว่าเราไม่อยากได้งบจากต่างประเทศ
สไตล์การเล่นรถเอสยูวี ของญี่ปุ่นเขาเล่นยก 3 นิ้ว แต่ของบ้านเราพวกเอสยูวี อย่าง ปราโด ทรูเพอร์ ปาเจโร เป็นกลุ่มผู้ใหญ่ใช้รถ เขาใช้งานเดิมๆ มากกว่าที่จะไปยกสูง 3 นิ้ว ใส่ล้อโตๆ มันไม่ค่อยมี
4 WHEELS : แผนการตลาดปีนี้ เราเน้นไปที่จุดใด ?
ปิยะ : เราเน้นไปที่ช่วงล่างพอสมควร อย่างปีนี้เราเพิ่งเปิดตลาดสินค้าตัวใหม่ เป็นบุชยูรีเธน ส่วนชอคอับ หรืออุปกรณ์อื่นๆ ตลาดไปได้เรื่อยๆ ไม่หวือหวาเหมือนเมื่อ 4-5 ปีก่อนที่ตลาดมันคึกคัก โดยเฉพาะช่วงที่ผ่านมา 2-3 ปี เราต้องยอมรับว่า ตลาดรถขับเคลื่อนสี่ล้อ จากเดิมที่เป็นตลาดรถใหญ่ เป็นรถที่ค่อนข้างมีราคา หลังๆ พอเริ่มเปลี่ยนมาเป็นตลาดของรถกระบะ 4x4 จริงอยู่ว่า ยอดขายมันเยอะขึ้น แต่คนที่ซื้อก็ไม่มีเงินมาแต่งอะไรมากมาย ดังนั้นพวกกันชนตัวละ 3-4 หมื่นบาท ยอดขายมันเริ่มตก และผมเชื่อว่ามันก็จะตกทุกยี่ห้อ ก็เลยเป็นที่มาของอุปกรณ์ตกแต่ง พวกกันชน การ์ดหน้าที่ผลิตในนี้ค่อนข้างเยอะ
แล้วราคาก็ถูกลงมามาก เรียกว่าถูกแพงกว่ากันเกินครึ่ง ทำให้ตลาดส่วนใหญ่เอนเอียงไปใช้ของในประเทศ
ผมเชื่อว่าสินค้าที่นำเข้าจากต่างประเทศ เจอปัญหานี้กันเยอะ คือถ้าจะซื้อของดี ของนำเข้าแล้วต้องจ่ายเงินเพิ่มอีกเท่าตัว คงเป็นไปได้ยาก เราก็เลยเริ่มศึกษาเรื่องช่วงล่างมากขึ้น จากเดิมที่เราเคยขายแรนโช มาก่อน แต่เปลี่ยนตัวแทนจำหน่ายไป ในจังหวะเดียวกัน ทีเจเอม เริ่มแนะนำเอกซ์จีเอส ออกมา เดิมทีซีรีส์ 2000 จะเป็นช่วงล่างประเภทเฮฟวี ดิวที เหมาะสำหรับการตกแต่งรถที่ชอบลุย ใช้งานหนักได้
ช่วงหลังกระแสนิยมของการแต่งรถออกไปลุยต่างๆ มันเริ่มลดน้อยลง ส่วนใหญ่รถขับเคลื่อนสี่ล้อ บางครอบครัวก็กลายเป็นรถคันแรก แต่บางครอบครัวก็เป็นรถคันที่สอง แต่ว่าก็ยังวิ่งบนถนนเรียบตามปกติมาถึงตรงนั้นก็กลายเป็นว่า ชอคอับแบบเฮฟวี ดิวที ตลาดเริ่มหดตัว แต่มันไม่ได้หดไปไหน มันคงที่อยู่ตรงนั้น เพียงแต่ว่าความคงที่ต่อเนื่องมา 3-4 ปีหลัง เหมือนกับว่าตลาดไม่โต แต่ตลาดที่ไม่โต กลับไปแทนที่ตลาดชอคอับ สำหรับรถที่ขับบนทางเรียบ ทางทีเจเอม เลยออกซีรีส์ เอกซ์จีเอส ทำชอคอับที่เหมาะกับถนนทางเรียบ เน้นความนุ่มนวล แต่ใช้งานแบบเฮฟวี ดิวที ได้ด้วย ถ้าวิ่งบนถนนเรียบ ชอคอับจะแข็งมากกว่าปกติ เลยกลายเป็นว่า เราหันมาเน้นช่วงล่างมากขึ้น
พอมีบุชยูรีเธนเข้ามา เราก็เลยศึกษาโพรดัคท์ บุชยูรีเธน ซูเพอร์ โพร จะทำอย่างไรที่จะมาเปิดตลาดได้ ซึ่งยังไม่มีใครทำจริงจัง เราเริ่มศึกษาตรงนี้ แล้วก็เริ่มที่จะเปิดตลาด แต่ถ้าจะถามว่า มันขึ้น/ลงหวือหวาไหม ยังไม่ถึงขนาดนั้น เพราะส่วนหนึ่งต้องอาศัยความรู้ความเข้าใจที่จะไปสอนให้ผู้บริโภครู้ว่า บุชยูรีเธนมันดีกว่าบุชยางอย่างไร ถ้าเปลี่ยนไปแล้วการขับขี่มันเฟิร์มขึ้น การใช้งานมันทนทานเกือบจะเป็นไลฟ์ ไทม์ การันตี เป็นต้น ยังอยู่ในช่วงที่เราพยายามสื่อออกไป
สินค้าตัวนี้ เราเริ่มมีจำหน่ายในกลุ่มรถขับเคลื่อนสี่ล้อแล้ว คำว่ายูรีเธน เราเริ่มรู้จักเมื่อ 4-5 ปีก่อน มันอยู่ในชุดแหนบ อย่างหูแหนบบน/ล่าง หรือหูชอคอับ แต่บุชยูรีเธน ของซูเพอร์ โพร สามารถใส่ได้ทั้งคัน รวมไปถึงตลาดรถเก๋ง ยิ่งรถเก๋ง ยิ่งไม่รู้จักบุชยูรีเธน แต่บุชตัวนี้ใส่ได้กับรถแต่ละรุ่น เขามีเบอร์ 2 พันกว่าเบอร์ เราลองสั่งมาใส่กับรถรุ่นต่างๆ เราลองมากว่าหนึ่งปีแล้ว มันเยอะมาก เราเริ่มเป็นรูปธรรมประมาณ 1-2 เดือนที่ผ่านมา เราเริ่มในส่วนของรถ 4x4 ก่อน รถเก๋งยังศึกษาอยู่ ในความคิดของคนใช้รถเก๋งนั้น ยังอีกยาวไกล จุดเด่นของบุชยูรีเธน เรามีค่าความแข็งประมาณ 10-15 % ของบุชยาง ของยี่ห้ออื่นๆ
คุณต้องซื้อยกชุด แต่ของเราคุณเสียตรงส่วนไหน เช่น เสียเฉพาะโตงเตง ก็เปลี่ยนบุชยูรีเธนเฉพาะโตงเตง ซื้อแยกได้ทั้งตัวหน้า หรือตัวหลัง ไม่จำเป็นต้องยกชุด
4 WHEELS : มีการสนับสนุนหรือจัดกิจกรรมพิเศษ ด้านใดบ้าง ?
ปิยะ : ในส่วนของการส่งเสริมการขาย โดยสนับสนุนการแข่งขัน เรายังไม่เน้นมาก เนื่องจากว่ามันไม่ใช่ เราเคยสนับสนุนในส่วนการทเรนิง ที่โรงเรียนพัฒนาทักษะการขับขี่รถขับเคลื่อนสี่ล้อ ที่ไร่ของคุณป้อม ซึ่งเราสนับสนุนป้ายบอกทาง หรืออะไรก็แล้วแต่ สนับสนุนให้คนเข้าไปฝึกทักษะการขับรถขับเคลื่อนสี่ล้อ แน่นอนคนที่ใช้รถแบบนี้ในตลาด มีไม่ถึง 10 % ที่ไม่รู้ว่าจะใช้อย่างไร ไม่ใช่แค่คนไทย แม้แต่คนออสเตรเลียเองก็มีจำนวนมากที่ยังไม่รู้จักระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ น่าเสียดายที่ซื้อรถแพงแล้ว มันน่าจะมีประโยชน์มากกว่านั้น 4L คุณอาจจะไม่ค่อยได้ แต่ 4H มันมีประโยชน์โดยเฉพาะตอนฝนตก ถนนลื่น มันช่วยคุณได้ ส่วนกิจกรรมอื่น ๆ เราไม่ได้สนับสนุนอะไรมากนัก
4 WHEELS : มองตลาดรถ 4x4 ในปีนี้อย่างไร ?
ปิยะ : คงไม่หนีกันเท่าไหร่ ในแง่ของคนที่นำเข้าสินค้าด้านนี้ ชุดแต่งภายนอกทั้งหลาย ตลาดก็คงจะเป็นตามที่มันเกิดขึ้นในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา คงเน้นที่ช่วงล่าง เพราะสินค้าที่ผลิตในประเทศ ค่อนข้างน้อย เราเองก็มองตลาดส่วนนี้เหมือนกัน เพียงแต่ว่าเราจะมองหาสินค้าที่หลากหลายมากขึ้น แต่ต้องเกี่ยวกับช่วงล่าง ชอคอับ มันแข่งกันโดยปริยายอยู่แล้ว จากการที่เข้ามาทำตลาด บางทีก็แข่งกันหนักในเรื่องราคา ตรงนั้นมันก็ทำให้ตลาดคงที่ในระดับหนึ่ง
ส่วนยอดขายรถที่เพิ่มขึ้นมาในแต่ละปีนั้น ผมมองว่าตลาดรถกระบะ 4x4 ไม่ได้เพิ่มเท่าไหร่ ที่เพิ่มขึ้นมาเป็นนรถเก๋งมากกว่า เรามองตลาดช่วงล่างเป็นหลัก เพราะเรื่องของการเปลี่ยนช่วงล่างนั้น ส่วนหนึ่งอาจจะเป็นการเปลี่ยนเพื่อให้สมรรถนะดีขึ้น กับอีกส่วนหนึ่งอาจจะเป็นการซ่อม หรือบำรุงรักษา เช่น ใช้มาแล้ว 2-3 ปี คนก็จะเริ่มเปลี่ยน เรามองที่ อาฟเตอร์ มาร์เกท ของรถกระบะมากกว่า พอจะมีแผนไว้รองรับบ้างแล้ว
เรื่องโดย : ลิขิต น้าประเสริฐ
ภาพโดย : จินดา ลัยนันท์
นิตยสาร 417 ฉบับเดือน มิถุนายน ปี 2547
คอลัมน์ Online : พิเศษ(4wheels)
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/56507