รอบรู้เรื่องรถ
อย่าซื้อรถ ที่ไม่เคยลองขับ
ขณะที่นิตยสารฉบับนี้อยู่ในมือท่านผู้อ่าน น่าจะเป็นช่วงเวลาที่พวกเราจัดงานแสดงรถยนต์ “MOTOR EXPO” อยู่พอดีนะครับ จึงไม่น่าจะมีอะไรที่น่าเอ่ยถึง เท่ากับการเลือกซื้อรถคันใหม่ในงานนี้นะครับ ก่อนอื่นเลยผมขอยืนยันว่า มิได้ต้องการยุยงให้ใครก็ตาม ซื้อ หรือเปลี่ยนรถเป็นคันใหม่นะครับ เพราะเรื่องซื้อของชอบนี่ สำหรับคนไทยแล้ว จากประสบการณ์ส่วนตัวของผม ไม่ต้องรอให้ใครมา “ยุ” หรือสนับสนุน มีแต่ตรงกันข้ามเสียเป็นส่วนใหญ่ คือ ควรแก่การถูกทักท้วง หรือห้ามปรามมากกว่า แต่ก็ยังมีกลุ่มที่ผมอยากยุยงให้ซื้อรถใหม่อยู่เหมือนกัน ซึ่งก็คือพวกที่มีความพร้อม ครบถ้วนทุกอย่างแล้ว คือ มีเงินเก็บอยู่เหลือเฟือ ไม่มีภาระที่อาจจะต้องใช้เงินมากเป็นพิเศษ และรถคันที่ใช้อยู่ ก็เก่าแก่ สร้างปัญหาให้ต้องกังวล ในการซ่อมบำรุง พูดให้เข้าใจง่ายก็คือ หาเหตุผลที่จะต้องทนใช้มันต่อไป ไม่ได้เลยครับ แต่ผมไม่เคยทำได้สำเร็จแม้แต่เพียงรายเดียวครับ เพราะสาเหตุนั้นมาจากความตระหนี่ถี่เหนียว และยิ่งหากเป็นผู้สูงวัยด้วยแล้ว หมดหวังครับ เข้าทำนอง “ไม้แก่ ดัดยาก” ขนาดเตือนว่า จะเอาเงินที่มีอยู่ในธนาคาร “ใส่โลง” ไปใช้ในภพหน้าไม่ได้ ไม่ว่าจะไปสู่นรก หรือสวรรค์ก็ตาม ก็ไม่เคยได้ผล เพราะความตระหนี่ หรือ “ขี้เหนียว” นี่ ถ้ามันเกาะติดใครแล้ว แกะไม่ออกครับ
ผมเฝ้าดูพฤติกรรมในการเลือกซื้อรถของพวกเราชาวไทยมากว่า 30 ปีแล้ว ในช่วงแรกๆ ก็ไม่ค่อยแปลกใจเท่าใดนัก พยายามหาเหตุผลปลอบใจว่า สาเหตุที่พวกเราตัดสินใจซื้อรถกันได้ โดยไม่ต้องแม้แต่ลองขับ หรือลองนั่ง น่าจะเป็นเพราะมันเป็นผลิตภัณฑ์ของชาวตะวันตก และพวกเราอาจจะยังไม่คุ้นเคยกับวิถีชีวิตแบบตะวันตกเลย เวลาผ่านไปจนบัดนี้ ที่คงไม่ต้องเอ่ยถึงว่าพวกเราใช้ชีวิตใกล้เคียงชาวตะวันตก มีความคิดเอนไปทางตะวันตกมากเพียงใด ทั้งๆ ที่หลายๆ เรื่องก็ไม่ได้เหมาะสมกับชาวตะวันออกเลย แต่พฤติกรรมในการเลือกซื้อรถของพวกเราในวันนี้ ยังคงรูปแบบเดิม แม้กระทั่งคนในเมืองหลวง เพื่อน ญาติ ผู้คนที่ผมมีปฏิสัมพันธ์ด้วย มีเพียงส่วนน้อยเท่านั้น ที่เลือกซื้อรถในทางที่ควรจะเป็น ส่วนใหญ่แล้วมีบแรนด์ตายตัวเป็นตัวตั้งเลย อย่างอื่นเป็นเรื่องเล็กไปหมด
จากนั้นจึงดูงบประมาณว่าพอซื้อรถบแรนด์ดังกล่าวได้ในระดับใด ซึ่งแน่นอนว่ามันก็จะต้องมีอยู่รุ่นเดียว อาจจะพอเลือกความแตกต่างได้จากอุปกรณ์เสริมต่างๆ ในเมื่อตั้งเงื่อนไขมาตายตัวเช่นนี้ การทดลองขับ ซึ่งเป็นหัวข้อสำคัญในการเลือกซื้อรถ ก็หมดความหมายไปทันที ในเมื่อเราบอกตนเองว่า “ฉันมีเงินอยู่เท่านี้ และรถของฉันก็จะต้องเป็นบแรนด์นี้ด้วย” หลังจากนั้นจึงเป็นเรื่องของโชคแต่เพียงอย่างเดียว ว่ารถที่ซื้อมาจะสนองความหวัง และความต้องการได้มาก หรือน้อยเพียงใด
บ่อยครั้งที่ผมได้ฟังเสียงบ่น หรือไม่ก็แถมด้วยคำถามถึงวิธีแก้ไข ซึ่งส่วนใหญ่แล้วแก้ไม่ได้ เพราะมันเป็นคุณสมบัติของตัวรถ ที่เราควรจะศึกษาหาข้อมูล และทดลองขับก่อนตัดสินใจซื้อ หัวข้อที่ได้ฟังบ่อยก็คือ “ทำไมมันกินน้ำมันมากอย่างนี้” “ทำไมช่วงล่างมันกระด้างอย่างนี้” “ทำไมเครื่องยนต์มันแรงน้อยกว่าที่คาดไว้” มันเป็นปัญหาที่แก้ไขไม่ได้ แต่ว่าหลีกเลี่ยงได้ เพียงแต่เราต้องให้โอกาสบแรนด์อื่นบ้าง และข้อสำคัญ คือ ลองขับให้นานพอ ก่อนตัดสินใจซื้อ รถที่ถูกใจเพื่อน ไม่จำเป็นต้องเป็นรถที่เราขับแล้วถูกใจนะครับ
ถ้าจะเปรียบรถกับคนก็คงจะไม่แตกต่างกันมาก นั่นคือ ไม่มีรถอะไรที่ดีพร้อมไปหมดทุกด้าน และก็ไม่มีรถอะไรที่เลวไปหมดทุกด้านเหมือนกัน ผมจะขอยกเว้นผู้ที่มีเงินไม่จำกัดในการเลือกซื้อรถ ส่วนใหญ่แล้วเราจะมีงบประมาณจำกัดระดับหนึ่งสำหรับการซื้อรถ จากนั้นเราก็จะเลือกประเภทของรถ ขนาด และบแรนด์ มีอยู่ข้อหนึ่งที่ผมเองให้ความสำคัญมาก และอยากแนะนำให้ทุกคนที่กำลังจะซื้อรถใหม่ ให้ความสำคัญกับมันมากที่สุด นั่นคือ ความ “ไว้วางใจได้” ของรถนั้น เพราะไม่ว่ารถนั้นจะให้ความรู้สึกที่ดีสำหรับเราทุกด้านขณะขับเพียงใด ถ้ามันไว้วางใจไม่ได้ คือ เสียบ่อยโดยไม่มีเหตุผล คุณค่าด้านอื่นๆ ของมัน ก็จะหมดความหมายไปทันที เพราะมันมีหน้าที่รับใช้ให้เราสะดวกสบายขึ้น ไม่ใช่มาเพิ่มทุกข์ และปัญหาให้เรา
อีกข้อหนึ่งที่สำคัญรองลงมานิดหน่อย คือ คุณภาพของศูนย์บริการ ถ้ารถของเรามีปัญหาบ้างพอสมควร แล้วศูนย์บริการแก้ไขให้ราบรื่นในราคาสมเหตุสมผล เราก็จะไม่เสียความรู้สึกมากนัก มาถึงจุดนี้ก็คงมีคำถามต่อว่า “แล้วจะรู้ได้อย่างไร ว่าบแรนด์ไหน รุ่นไหน มันไว้วางใจได้เพียงใด และศูนย์บริการมีคุณภาพระดับไหน” ในประเทศที่พัฒนาแล้ว จะมี CONSUMER REPORTS ขาย ที่รวบรวมจากรถหลายพันถึงหลายหมื่นคัน พวกเราไม่ได้โชคดีเหมือนเขาครับ แต่ก็มีทางออก และหวังผลได้ด้วย ทั้งความไว้วางใจได้ และคุณภาพของศูนย์บริการ นั่นคือ การถามผู้ที่ใช้รถรุ่นที่เราสนใจโดยตรง เพราะเขาเหล่านั้นล้วนยินดีให้ข้อมูลแก่เรา โดยใช้เวลาไม่กี่นาที
ถ้ารถนั้น หรือศูนย์บริการของบแรนด์นั้นดี ผู้ใช้รถก็จะเล่าด้วยความปลาบปลื้ม ใครจะไม่อยากชมรถของตนให้คนอื่นฟังครับ ? แต่ถ้ารถนั้น หรือศูนย์บริการบแรนด์นั้นเลวร้าย เจ้าของรถก็จะยิ่งอยากระบายความเก็บกด คับแค้นใจ ที่สะสมมานาน ให้ใครก็ได้ที่พร้อมจะรับฟัง ผมแนะนำให้สอบถามจากผู้ใช้ให้มากที่สุด ให้ถึงประมาณ 10 คัน หรือมากกว่านั้นก็ยิ่งดีครับ เมื่อเลือกบแรนด์ และรุ่นได้แล้ว จึงค่อยไปขอลองขับที่โชว์รูม ไม่ต้องแปลกใจนะครับ ถ้าไปถึงแล้วได้คำตอบว่า “ที่นี่ไม่มีรถให้ลองขับ” แต่ถ้าจะชำระเงินเพื่อสั่งซื้อก็ยินดี เพราะพวกเราไม่เรียกร้องการทดลองขับก่อนตัดสินใจซื้อกันไงครับ ดีเลอร์เหล่านี้ก็เลยได้ใจ ผมเคยพบรายที่ยะโสโอหัง ถึงกับบอกว่าไม่มีนโยบายให้ลองขับ พวกเราเองต้องเปลี่ยนพฤติกรรมการซื้อรถให้ถูกต้อง แล้วดีเลอร์เลวๆ พวกนี้ มันก็ต้องปรับตัวเองอย่างแน่นอน หาข้อมูลตามวิธีที่ผมแนะนำ แล้วลองขับก่อนซื้อ โอกาสผิดหวังเกิดขึ้นได้ยากครับ สำหรับการซื้อรถใหม่สักคัน แต่ถ้ารถที่คุณจะซื้อเป็นรุ่นที่ออกใหม่ ขอแนะนำให้รอสัก 1 ปีขึ้นไปครับ เพื่อจะได้มีข้อมูลจากผู้ใช้รถรุ่นแรก ถ้าอดใจไม่ไหวก็คงต้องเปรียบเทียบคุณภาพจากรุ่นที่ใกล้เคียงกัน ซึ่งไม่น่าจะผิดพลาดมากนัก
แน่นอนว่าในงานของเรา จะมีรถไฟฟ้ามาให้เลือกในปีนี้ มากพอสมควร ผมขอแนะนำให้ตรวจสอบ การให้บริการหลังการขายอย่างละเอียด เช่น จำนวน และคุณภาพของศูนย์บริการ ถ้ามีความสงสัย อย่าเห็นแก่ความสะดวกสบายครับ หาโอกาสไปดู และตรวจสอบด้วยตนเองให้มั่นใจก่อนเลย จากประสบการณ์ส่วนตัวของผม ผมยังไม่เคยพบผู้ที่ได้ลองขับรถไฟฟ้า แล้วบอกว่า “สู้รถใช้น้ำมันไม่ได้” ทุกคนล้วนบอกว่าประทับใจ แต่ปัญหาของรถไม่ได้อยู่ที่ประเภทของพลังงานแต่เพียงอย่างเดียวครับ รถใช้น้ำมันก็ยังคงมีข้อดีอยู่มากพอสมควร เลือกรถให้เหมาะกับตัวเราเท่านั้น โปรดอยู่ให้ห่าง และอย่าหลงเชื่อ “เซียนรถ” ครับ เพราะเราซื้อด้วยเงินของเรา
ใครที่ชอบคุณสมบัติของรถไฟฟ้าทุกอย่าง ยกเว้นอย่างเดียว คือ ปัญหาในการชาร์จไฟ ระหว่างการเดินทางไกลเป็นพิเศษ ในช่วงเทศกาลสำคัญประจำปี ไม่ใช่เรื่องใหญ่ครับ ผมขอยกตัวอย่างให้เห็นวิธีคิด และปฏิบัติแค่ตัวอย่างเดียวให้ดู เช่น ถ้ารถไฟฟ้าของเราช่วยประหยัดค่าพลังงานได้ปีละหลายหมื่นบาท และเราไม่ต้องการเสียความรู้สึก จากความกังวลในการแย่งชิงสถานที่ หรือแท่นชาร์จไฟ ง่ายมากครับ เจียดเงินที่ประหยัดค่าพลังงานได้ทั้งปี มาแค่เศษเสี้ยว แล้วจองรถให้เช่า ที่ใช้น้ำมันเชื้อเพลิงไว้แต่เนิ่นๆ แค่ปีละครั้ง ปัญหานี้ก็หมดไปแล้วครับ