แล่นไปในสายน้ำ
SAXDOR 400 GTC
เรือธงรุ่นใหม่จาก SAXDOR นำเสนอประสบการณ์ใกล้เคียงกับเรือสปอร์ทที่สามารถปรับเปลี่ยนได้เต็มรูปแบบ พร้อมใช้งานได้ตลอดทั้งปี โดยเราได้ทดลองใช้งานแล้วในช่วงฤดูร้อน
สำหรับเรือที่มีชิ้นส่วนเคลื่อนไหวมากมายขนาดนี้ 400 GTC ให้ความรู้สึกแข็งแรง น่าเชื่อถือ และสะดวกสบายอย่างน่าชื่นชม
เมื่อ MERCEDES เปิดตัว SLK รุ่นแรกที่มาพร้อมหลังคาแข็งแบบพับได้ นำเสนอทั้งสไตล์ และประสบการณ์การขับขี่แบบเปิดประทุนที่แท้จริง โดยไม่ต้องเผชิญปัญหาหลังคารั่ว เสียงลมดัง และปัญหาด้านความปลอดภัย ที่มักมาพร้อมกับรถเปิดประทุนทั่วไป
แม้จะเร็วเกินไปที่จะบอกว่า SAXDOR 400 GTC รุ่นใหม่จะมีผลกระทบต่อตลาดเรือสปอร์ทเทียบเท่ากับ SLK ในตลาดรถยนต์ แต่เรือลำนี้ก็กำลังพยายามทำ สิ่งที่คล้ายกัน ถึงหลังคาจะไม่ได้พับเก็บเข้าไปในตัวเรือได้ แต่ด้วยประตูข้างแบบกระจกเลื่อน (แทนที่ผ้าคลุมอะคริลิคของรุ่น 400 GTO) ระเบียงแบบพับลงได้ หลังคาเปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้า ประตูหลังแบบพับคู่ และหน้าต่างด้านหลังที่ยกขึ้นได้ ทำให้เรือลำนี้ใกล้เคียงกับห้องควบคุมเรือแบบเปิดโล่งเต็มรูปแบบมากที่สุดสำหรับเรือสปอร์ท และที่สำคัญ คือ ไม่มีผ้าใบให้เห็นแม้แต่น้อย
คำถามสำคัญ คือ มันสามารถทำทั้งหมดนี้ได้อย่างรวดเร็ว เงียบ และน่าเชื่อถือ โดยไม่ลดทอนคุณภาพการขับขี่ได้หรือไม่ เรื่องนี้ มีเพียงทางเดียวที่จะรู้คำตอบ
การให้บริการครบวงจร
เรือที่เราได้ทดลองใช้ คือ เรือลำเดียวกับที่จัดแสดงในงาน DUSSELDORF SHOW ไม่เพียงแต่เป็นรุ่นต้นแบบการผลิตในช่วงแรกเท่านั้น แต่ยังมาพร้อมอุปกรณ์เสริมที่ครบครัน ทั้งอุปกรณ์เฉพาะทางอย่างแบทเตอรีลิเธียม-ไอออน และกล้องมอง กลางคืน รวมถึงอุปกรณ์เสริมมาตรฐาน เช่น ระบบทำความร้อนด้วยดีเซล พื้น FLEXITEEK ชุดพื้นที่นั่งเล่นด้านท้าย แพคเกจที่นั่งบริเวณหัวเรือ และอื่นๆ
สิ่งเหล่านี้ไม่เพียงทำให้ราคาของเรือที่ทดสอบสูงขึ้น แต่ยังเพิ่มน้ำหนักและความซับซ้อนของเรือด้วย ดังนั้น การติดตั้งเครื่องยนต์ MERCURY V10 ขนาด 400 แรงม้า ซึ่งทรงพลังยิ่งกว่ามาตรฐาน 350 แรงม้า จึงนับว่าเหมาะสมอย่างยิ่ง
เราได้ทดลองเรือลำนี้ในสภาพอากาศแบบ “อังกฤษ” แท้ๆ ซึ่งถือได้ว่าเป็นทั้งพร และคำสาป ด้วยลมแรง ทะเลคลั่ง เมฆที่เคลื่อนตัวรวดเร็ว และแสงแดดที่โผล่มาให้เห็นเป็นระยะ ทำให้การทดสอบสมรรถนะของเรือในทุกฤดูกาลสมบูรณ์แบบ
การทดสอบเริ่มต้นทันทีที่เราไปถึง ภายในไม่กี่วินาที ประตูหน้าและหลังถูกเปิด สวิทช์หลักถูกเปิดใช้งาน และเครื่องยนต์ VERRADOS ทำงานอย่างเงียบสงบในรอบเดินเบา สิ่งเดียวที่ควรคำนึงถึง คือ ห้องควบคุมของเรือถูกออกแบบให้เต็มความกว้างของลำเรือแทนที่จะมีทางเดินด้านข้าง ดังนั้น การจัดวางหรือเก็บกันชนเรือบริเวณกลางลำเรืออาจทำได้ไม่สะดวกนัก โชคดีที่การออกแบบผนังด้านข้างที่เรียบ และปุ่มกันชนแบบพับเก็บได้ซึ่งอยู่ในระยะเอื้อมจากห้องนั่งเล่นด้านหน้า และด้านท้ายเรือ ทำให้คุณสามารถใช้กันชนเพียงบริเวณด้านหน้า และด้านหลังเรือได้
อีกสิ่งที่น่าประทับใจ คือ SAXDOR 400 GTC มาพร้อมระบบควบคุมแบบจอยสติคเป็นมาตรฐาน ซึ่งช่วยให้การนำเรือออกจากพื้นที่จอดที่คับแคบง่ายกว่าที่คุณคาดไว้สำหรับเรือขนาด 40 ฟุตที่ใช้เครื่องยนต์นอกตัวเรือ และมีแรงต้านลมพอสมควร
ข่าวดียังคงดำเนินต่อไปเมื่อเราทดสอบแล่นลงแม่น้ำ ตัวเรือแบบ 2 ขั้น (TWIN- STEP HULL) สามารถรักษาเส้นทางได้ตรงโดยไม่ต้องปรับพวงมาลัยบ่อยนัก ห้องควบคุมมีทัศนวิสัยที่ชัดเจนในทุกทิศทาง และเครื่องยนต์ทำงานเงียบสนิทที่ความเร็ว 6 นอท
เมื่อออกจากเขตจำกัดความเร็ว เครื่องยนต์ V10 ที่ทรงพลังสามารถเร่งความเร็วได้อย่างมั่นคง แม้ว่าจะไม่ถึงกับแรงจนศีรษะหงาย และแตกต่างจากเรือสปอร์ทบางลำ แต่ 400 GTC ก็ขับเคลื่อนได้อย่างราบรื่น ที่ความเร็ว 12-16 นอท ซึ่งเป็นประโยชน์หากคุณต้องการแล่นในทะเลที่มีคลื่นใหญ่ด้วยความเร็วที่ช้าลง
ที่น่าสนใจ คือ อัตราการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงที่ผันแปรแบบเกือบเป็นสัดส่วนโดยตรงกับความเร็ว แสดงให้เห็นถึงตัวเรือที่สามารถแล่นได้ดีในเกือบทุกช่วงความเร็วนั่นเอง
ตามปกติ การแล่นเรือผ่านช่องแคบ มักต้องประสบกับสภาวะคลื่นที่ซับซ้อน ซึ่ง 400 GTC ก็สามารถรับมือได้อย่างน่าประทับใจ แม้ว่าอาจไม่สามารถจัดการได้อย่างมั่นคงเหมือน BOTNIA TARGA และไม่มีความนุ่มนวลแบบ “พรมวิเศษ” เหมือน WINDY CAMIRA 39 แต่สำหรับเรือขนาด 40 ฟุตที่มีหัวเรือตั้งตรงและชิ้นส่วนเคลื่อนไหวจำนวนมาก เรือรุ่นนี้ก็ยังให้ความรู้สึกแข็งแรง สะดวกสบาย และน่าไว้วางใจอย่างน่าชื่นชม
เมื่อทุกส่วนถูกปิดสนิท ห้องควบคุม และห้องนั่งเล่นจะได้รับการปกป้องจากสภาพอากาศอย่างเต็มที่
บาร์เปียกกลางแจ้ง มีไว้เสริมการใช้งานห้องครัวในตัวเรือ
สมอเรือสามารถพับเก็บเข้าไปในช่องเก็บเมื่อไม่ได้ใช้งาน
ตัวเรือแบบ 2 ขั้นให้การเลี้ยวที่คล่องตัวเหมือนเรือขนาด 25 ฟุต แต่ยังคงความมั่นคงในทะเลเหมือนเรือขนาด 40 ฟุต
สิ่งที่สำคัญกว่า คือ เรายังคงรู้สึกอบอุ่น และแห้งสบาย อยู่ภายในห้องควบคุมที่ปิดสนิท กระทั่งกระจกหน้าต่างก็ยังถูก ออกแบบมาอย่างดี จนใช้ที่ปัดน้ำฝนเช็ดเพียงแค่เล็กน้อยก็กลับมามองเห็นได้ชัดเจน สิ่งที่น่ารำคาญเพียงอย่างเดียวที่เกิดขึ้น คือ การหาสวิทช์ที่ถูกต้องในเวลาฉุกเฉิน เรามักจะชอบสวิทช์ทางกายภาพมากกว่าระบบสัมผัส แต่การจัดกลุ่มสวิทช์ 28 ตัวที่เหมือนกันใน 2 แถวยาวทำให้ยากต่อการหาสวิทช์ที่ต้องการขณะเรือลอยตัวไปในทะเล เราเข้าใจว่า SAXDOR กำลังพิจารณาการจัดกลุ่มสวิทช์เป็นหมวดหมู่ เช่น ไฟ ปั๊ม ที่ปัดน้ำฝน หลังคา ฯลฯ โดยที่สวิทช์ที่สำคัญที่สุดจะอยู่ใกล้ พวงมาลัย
สภาพลมที่พัดตรงข้ามกับน้ำขึ้นน้ำลง ดูเหมือนพยายามจะทำให้การทดสอบสมรรถนะของเราล้มเหลว แต่เรายังคงสามารถทำการทดสอบต่อไปได้ โดยบันทึกค่าเฉลี่ย 2 ทิศทางที่ 43 นอท บ่งชี้ถึงความเร็วในน้ำเรียบ และการบรรทุกที่เบาอย่างน้อย 45 นอท การใช้น้ำมันประมาณ 5-5.5 ลิตร/นอททะเลที่ความเร็ว 20-30 นอทอาจจะไม่เด่นเท่าไร (เรือ AXOPAR 45 SUN TOP ที่ใช้เครื่องยนต์ 300 แรงม้า 3 ตัวเร็วกว่ามาก และประหยัดน้ำมันกว่า) แต่ถังน้ำมันขนาด 1,000 ลิตร ก็ทำให้มั่นใจได้ว่าเรือจะสามารถแล่นได้ไกลถึง 150 ไมล์ทะเล และยังเหลือน้ำมันสำรองอยู่อีกประมาณ 20 %
การควบคุมเรือก็ทำได้ดีเช่นกัน โดยผสมผสานการเอียงสูง และความคล่องตัวในการเลี้ยวของเรือขนาดเล็กที่มีลักษณะสปอร์ท กับความเสถียร และความสามารถในการรับมือกับทะเลของเรือขนาด 40 ฟุต ข้อเสียเพียงอย่างเดียวของมุมเอียงสูงเหล่านี้ คือคุณต้องมองออกจากหน้าต่างข้างก่อนที่จะเลี้ยวไปทางซ้ายอย่างแรง เพราะหลังคาจะบังทัศนวิสัยของคุณเมื่อคุณเริ่มหมุนพวงมาลัย
เปิด และปิด
หลังจากที่เราพอใจกับสมรรถนะแล้ว เราก็หาสถานที่ที่มีที่กำบังจากลม และกดปุ่ม SKYHOOK (อีกฟีเจอร์มาตรฐานของการควบคุมด้วยจอยสติค) เพื่อให้เรือยังคงอยู่ในตำแหน่งที่คงที่โดยไม่ต้องทิ้งสมอ ขณะที่เราทำการเปิดส่วนต่างๆ ของตัวเรือ
ส่วนใหญ่การเปิดทำได้อย่างรวดเร็ว และง่ายดาย ระเบียง 2 ข้างต้องปลดลอคด้วยมือ ก่อนแล้วจึงกดปุ่มคู่เพื่อให้มันลดลงจนอยู่ที่ประมาณ 18 นิ้วเหนือระดับน้ำ เมื่อเปิดลงแล้วจะรู้สึกมั่นคงใต้ฝ่าเท้า และไม่เพียงแต่ทำให้ใกล้ชิดกับผืนน้ำ (เด็กๆ จะชอบกระโดดลงจากที่นั่น) แต่ยังเพิ่มพื้นที่ในห้องนั่งเล่น และทำให้การเคลื่อนที่รอบเรือทำได้ง่ายขึ้น
ประตูข้างก็เปิดง่าย และให้ความรู้สึกมั่นคง โดยการเลื่อนอย่างราบรื่นในราง และลอค อย่างปลอดภัยที่ปลายทั้ง 2 ข้าง หน้าต่างขนาดใหญ่ด้านหลังที่เปิดด้วยระบบไฟฟ้าจะค่อยๆ ยกขึ้นช้าๆ ในขณะที่หลังคากลับเปิดได้อย่างรวดเร็ว และเงียบสงบ การติดตั้ง บางจุด ดูไม่แข็งแรงเท่าที่เราคาดหวัง โดยเฉพาะที่จับลอค/ปลดลอคสำหรับส่วนที่เปิดของกระจกหน้าต่าง แต่เมื่อมองข้ามเรื่องนี้ไป ก็ถือว่าทุกระบบทำงานได้ดี เปิดได้ง่าย และผลลัพธ์ที่ได้น่าพอใจ
เมื่อทุกอย่างเปิดออก 400 GTC ก็ให้ความรู้สึกเหมือนเป็นการผสมผสานระหว่างเรือสปอร์ตสไตล์เมดิเตอร์เรเนียน และเรือผจญภัยที่ปิดมิดชิด จุดขัดใจเดียวของเรา คือเมื่อระเบียงถูกลดลง คุณจะรู้สึกค่อนข้างโหวงเหวง จึงไม่ควรเปิดมันในที่ซึ่งไม่มีที่กำบังจากลม แต่ก็ยังมีความเสี่ยงที่คลื่นขนาดใหญ่จะซัดขึ้นมาใส่ระเบียง หรืออาจทำให้เรือเอียงพอที่จะทำให้ส่วนระเบียงจมน้ำได้
อย่างไรก็ตาม 400 GTC ก็ยังมีสิ่งดีๆ มากมายให้เราได้เพลิดเพลิน ไม่ว่าจะเป็น ห้องนั่งเล่นด้านหลัง ที่มาพร้อมตู้เก็บของข้าง 2 ข้าง และตู้เก็บของกลางขนาดใหญ่เป็นมาตรฐาน แต่เราคาดว่าผู้ซื้อส่วนใหญ่จะเลือกแทนที่ตู้เก็บของกลาง ด้วยห้องโดยสารด้านหลัง (ราคา 7,929 ปอนด์) และเบาะรองนอนสำหรับอาบแดด (ราคา 7,295 ปอนด์)
ระเบียงพับได้ และประตูข้างเลื่อนช่วยเปลี่ยนประสบการณ์การนั่งในขณะที่ทิ้งสมอ
ส่วนหน้าของโต๊ะกินข้าวสามารถหมุนกลับ และยกขึ้นเพื่อกลายเป็นม้านั่งหันหน้าไปข้างหน้า
ครัวหลักอยู่ภายในห้องนั่งเล่น และสามารถติดตั้งเตาแกสที่ใช้พลังงานจากดีเซลได้
กระจกหลังเรือ และเก้าอี้ยาวพับได้ช่วยให้ใช้พื้นที่ในห้องนั่งเล่นด้านท้ายได้อย่างเต็มที่
หากจะจัดพาร์ทีเต็มรูปแบบ เรายังสามารถเพิ่มประตูหลังที่เป็นกระจก และบาร์เปียกพร้อมกับเตาบาร์บีคิว และอ่างล้างจานที่อยู่เหนือช่องเก็บของด้านซ้ายได้ เรือห้องหน้าก็สามารถเพิ่มโต๊ะเสริม (ราคา 2,220 ปอนด์) และหมอนรองนั่ง (ราคา 2,093 ปอนด์) เพื่อใช้ประโยชน์จากพื้นที่อย่างมีประสิทธิภาพที่สุด
ภายในห้องควบคุม การจัดวางมาตรฐาน จะประกอบด้วยโต๊ะกินข้าวที่มีรูปทรงสี่เหลี่ยม และสามารถนั่งสังสรรค์ได้ที่ด้านท้าย ครัวขนาดดีตามด้านซ้าย และเก้าอี้สำหรับควบคุม 3 ตัวที่อยู่ด้านหน้า (มีม้านั่งขนาดพอดีสำหรับ 2 คน และเก้าอี้เดี่ยวสำหรับผู้ขับ) คำถามเดียว คือว่า จะเพิ่มกลไกการพับไฟฟ้าที่แปลงส่วนหน้าของการนั่งโต๊ะจากม้านั่งที่หันหลัง ไปเป็นม้านั่งที่หันไปข้างหน้า และยกขึ้นได้หรือไม่ มันทำงานได้ดี แต่เมื่อมีที่นั่งหันไปข้างหน้าหลายตัวและม้านั่งที่หันข้างสองตัวที่มีอยู่แล้ว คุณน่าจะสามารถประหยัดค่าใช้จ่าย 5,180 ปอนด์ สำหรับอุปกรณ์เสริมนี้ได้
แม้ว่าเรือ GTC จะมีห้องควบคุมที่เป็นพื้นที่ปิดที่ปลอดภัย แต่ก็มีประตูพลาสติคใสที่เลื่อนเข้าไปในทางเข้าของชั้นล่าง (น่าจะเป็นเพราะต้องการให้ลอคได้) บันไดที่ค่อนข้างชันนำลงไปยังพื้นที่ห้องนอน ขณะที่หน้าต่างด้านข้างขนาดใหญ่ที่ติดตั้งถาวร และหน้าต่างบนหลังคาช่วยให้แสงธรรมชาติเข้ามาได้มากขึ้น (แม้ว่าจะไม่ได้มองเห็นวิวมากนักก็ตาม)
ที่นั่งบนทั้งสี่ด้านของห้องนั่งเล่นช่วยสร้างการจัดวางที่สามารถสังสรรค์ได้จริง
ระเบียงที่เลื่อนลงมา ค่อนข้างมันเปราะบางต่อคลื่นใหญ่
ห้องนอนด้านหน้ามีแสงสว่างมากเป็นพิเศษเนื่องจากขนาดของหน้าต่างด้านข้าง และหน้าต่างบนหลังคา
ห้องนอนด้านท้ายที่สามารถเลือกเพิ่มได้มีขนาดใหญ่ และสว่างกว่าที่คาดไว้
ห้องน้ำไม่ใหญ่มาก แต่มีความเป็นส่วนตัว สว่าง และมีฝักบัวที่ใช้งานได้
เตียง มีลักษณะแคบลงไปทางหัวเรือ และอาจไม่ได้สบายนัก แต่ก็เพียงพอสำหรับคู่รักที่ไปเที่ยวสุดสัปดาห์ยาวๆ ห้องน้ำก็ถือว่าใช้ได้ ความสูงของห้องจำกัดอยู่ที่ประมาณ 5 ฟุต 10 นิ้ว และไม่มีห้องอาบน้ำแยก แต่ยังคงสว่าง ใช้งานได้ และมีความเป็นส่วนตัว นอกจากนี้ ยังมีพื้นที่เก็บของที่สะดวกมากสำหรับเก็บกระเป๋าใหญ่ และกล่อง อยู่บริเวณด้านหลังบันไดแบบพับได้ ซึ่งคุณสามารถเลือกติดตั้งที่นอนบริเวณนี้ เพื่อใช้เป็นห้องสำหรับเด็กได้เช่นกัน
สำหรับผู้ที่อายุเกิน 6 ปี ควรเลือกห้องนอนท้ายที่สามารถเลือกเพิ่มได้จะดีกว่า ทางเข้าของห้องนี้ ซ่อนอยู่อย่างมิดชิดจนผู้โดยสารส่วนใหญ่ไม่รู้ว่ามีอยู่ แต่เพียงยกฐานที่นั่งของม้านั่งด้านหลังของโต๊ะกินข้าว และส่วนของพื้นห้องนั่งเล่นที่อยู่ข้างกัน ก็จะพบกับขั้นบันไดที่นำไปสู่ห้องนอนขนาดเล็กที่น่ารัก มีหน้าต่าง 3 ด้าน และฝาครอบที่เปิดได้ 2 ตัว
ยังสามารถขึ้นนั่ง และอ่านหนังสือบนเตียง มันเป็นที่หลบภัยที่แสนสบายที่รู้สึกอบอุ่นแทนที่จะอึดอัด และเหมาะสำหรับเด็ก 2 คน หรือผู้ใหญ่ที่รูปร่างเพรียวบาง
คำตัดสิน
อันตรายของการออกแบบอะไรก็ตาม ที่มีเป้าหมายเพื่อตอบสนองความต้องการที่ต่างกันอย่างสุดขั้วทั้ง 2 ด้าน คือ เราอาจจะได้ผลลัพธ์ที่เป็นการประนีประนอม ที่ไปไม่สุดทั้ง 2 ทาง แต่หากทำได้ดี เช่นเดียวกับที่ MERCEDES SLK ทำในปี 1996 คุณจะได้รับรางวัลจากการออกแบบนั้น SAXDOR 400 GTC เกือบจะทำได้สำเร็จเช่นกัน มันยังคงขับเหมือนเรือผจญภัยที่มีความสปอร์ท แต่สามารถทำให้ผู้โดยสารอบอุ่น และตัวไม่เปียก โดยไม่มีการลดทอนสมรรถนะ ความสามารถในการรับมือกับทะเล หรือความหรูหรา
และเมื่อคุณมาถึงจุดหมายแล้ว ประตูเลื่อนด้านข้าง ระเบียงที่พับได้ หลังคาเปิด และหน้าต่างด้านหลังที่ยกขึ้น จะเปลี่ยนมันให้กลายเป็นพแลทฟอร์มพาร์ทีที่สนุกสนาน และสามารถสังสรรค์ได้มากกว่าที่เคยเห็นจากเรือลำอื่นแน่นอน
หากคุณกำลังมองหาเรือสุดสปอร์ทสำหรับวันหยุดสุดสัปดาห์ที่สามารถใช้งานได้ตลอดทั้งปี ซึ่งสนุกทั้งตอนจอดเทียบท่า หรือขณะเดินเรือ คุณไม่ต้องมองหาที่ไหนแล้ว เพราะสิ่งที่คุณกำลังมองหา คือ SAXDOR 400 GTC ลำนี้
ติดต่อ : Ideal Boat +44 (0)1753 703013; www.saxdoryachts.com