ญี่ปุ่น/สหรัฐอเมริกา-ยักษ์รองเมืองปลาดิบใช้งาน CES (CUSTOMER ELECTRONIC SHOW) หรือมหกรรมสินค้าอีเลคทรอนิคเพื่อผู้บริโภค ครั้งล่าสุด ซึ่งมีขึ้นที่เมือง LAS VEGAS (ลาสเวกัส) ในรัฐ NEVADA (เนวาดา) ของสหรัฐอเมริกา ระหว่างวันที่ 7-10 มกราคม 2025 เป็นที่เปิดตัวแบบ WORLD PREMIERE (เวิร์ลด์ พรีเมียร์) หรือ “ครั้งแรกในโลก” ของรถต้นแบบ 2 คัน คือ HONDA 0 SALOON (ฮอนดา ซีโร ซาลูน) กับ HONDA 0 SUV (ฮอนดา ซีโร เอสยูวี)
เป็น 2 แบบแรก ในจำนวนรถพลังไฟฟ้าล้วนๆ ตระกูล HONDA 0 SERIES (ฮอนดา ซีโร ซีรีส์) รวม 7 แบบ ที่ค่ายนี้ตั้งใจจะนำออกสู่ตลาดภายในปี 2030 ทั้ง 2 แบบเป็นรถที่เน้นเป็นพิเศษในเรื่องพื้นที่ของห้องโดยสาร และใช้ปรัชญาการออกแบบที่สรุปได้ด้วยภาษาอังกฤษ 3 คำ คือ THIN, LIGHT, AND WISE หรือ “บาง เบา และฉลาด”
HONDA 0 SALOON ซึ่งเป็นรถเก๋งขนาดกลางในตัวถังที่ยาวกว้างแต่ค่อนข้างเตี้ย ติดตั้งแบทเตอรี NICKEL-MANGANESE-COBALT (นิคเคิล-แมงกานีส-โคบอลท์) ขนาดความจุ 80-90 กิโลวัตต์ชั่วโมง และวิ่งได้ไกลกว่า 480 กม. เมื่อชาร์จไฟเต็ม จะเริ่มการจำหน่ายในตลาดอเมริกาเหนือภายในปี 2026 หลังจากนั้นจึงจะเริ่มการจำหน่ายในญี่ปุ่น และยุโรป ส่วน HONDA 0 SUV ซึ่งเป็นรถกิจกรรมกลางแจ้งข้ามพันธุ์ขนาดกลางที่ห้องโดยสารตอนท้ายกว้างขวางเหมือน MPV หรือรถอเนกประสงค์ จะเริ่มการจำหน่ายในตลาดอเมริกาเหนือก่อนหน้านั้น คือ ในช่วงครึ่งแรกของปี 2026
ที่จะตามมาอีก 2 แบบ ในปี 2026-2027 คือ รถกิจกรรมกลางแจ้งข้ามพันธุ์ขนาดเล็ก กับรถกิจกรรมกลางแจ้งข้ามพันธุ์ขนาด 7 ที่นั่ง หลังจากนั้นจึงเป็นคิวของรถกิจกรรมกลางแจ้งข้ามพันธุ์ขนาดเล็กอีก 2 แบบ กับรถเก๋งซาลูนขนาดเล็กกะทัดรัดอีก 1 แบบ ที่จะทยอยกันเปิดตัวก่อนสิ้นปี 2030
รถพลังไฟฟ้าล้วนๆ ตระกูล HONDA 0 SERIES เป็นรถยุคใหม่ของยักษ์รองเมืองปลาดิบที่มีรูปลักษณ์แตกต่างกันไป แต่ทั้งหมดล้วนเป็นผลลัพธ์ของการออกแบบด้วย DESIGN LANGUAGE หรือภาษาการออกแบบ ที่ดูเรียบง่ายแต่โดดเด่น มีทั้งรถ SINGLE-MOTOR (ซิงเกิล มอเตอร์) ซึ่งเป็นรถขับล้อหลัง ติดตั้งมอเตอร์ไฟฟ้า 1 ชุด (ขนาดเล็กสุด 179 กิโลวัตต์/244 แรงม้า) และรถ DUAL-MOTOR (ดูอัล มอเตอร์) ซึ่งเป็นรถขับทุกล้อ ติดตั้งมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ชุด ให้กำลังสูงสุด 360 กิโลวัตต์/489 แรงม้า
จุดเด่นซึ่งเป็นจุดขายสำคัญที่น่าติดตามของรถพลังไฟฟ้าเหล่านี้ คือ OPERATION SYSTEM (โอเพอเรชัน ซิสเตม) หรือระบบปฏิบัติการ ที่ค่ายนี้นำมาใช้ และตั้งชื่อว่า ASIMO OS (อาซีโม โอเอส) กับคุณสมบัติการเป็น LEVEL 3 AUTOMATED DRIVING CAR (เลเวล 3 ออโทเมเทด ดไรวิง คาร์) หรือรถวิ่งได้ตัวเองระดับ 3 ซึ่งในบางสถานการณ์ผู้ขับสามารถปล่อยมือจากพวงมาลัยได้ รวมทั้งมีศักยภาพที่จะพัฒนาต่อไปในอนาคต ให้เป็นรถที่ผู้ขับสามารถปล่อยมือจากพวงมาลัยในทุกสถานการณ์