ปิด “ระเบียงรถใหม่” ในเดือนแห่งการชุมนุมรถกิจกรรมกลางแจ้งอีกครั้งหนึ่ง ด้วยผลงานใหม่ของค่าย JEEP (จีพ) ผู้ผลิตรถยนต์อเมริกันพันธุ์แท้ซึ่งรู้จักกันมานมนานในประเทศไทย แต่ขณะนี้แทบไม่มีรถยี่ห้อนี้วิ่งให้เห็นตามท้องถนนแล้ว เป็น COMPACT CROSSOVER SUV (คอมแพคท์ ครอสส์โอเวอร์ เอสยูวี) หรือรถกิจกรรมกลางแจ้งข้ามพันธุ์ขนาดเล็กกะทัดรัด ติดป้ายชื่อ JEEP COMPASS (จีพ คอมพาสส์)
รถเล็กอนุกรมนี้ เป็นรถกิจกรรมกลางแจ้งข้ามพันธุ์โมเดลแรกๆ ของค่าย JEEP ซึ่งในอดีตผลิตแต่รถกิจกรรมกลางแจ้งพันธุ์แท้ซึ่งเหมาะกับงานลุย ไม่ใช่การใช้งานในชีวิตประจำวัน รถรุ่นแรกซึ่งมีตัวถังยาว 4.404 ม. กว้าง 1.760 ม. และสูง 1.631-1.656 ม. เปิดตัวในสหรัฐอเมริกาเมื่อปี 2006 และเริ่มการจำหน่ายในฐานะรถรุ่นปี 2007 ส่วนรถรุ่นที่ 2 ซึ่งตัวถังโตขึ้นเล็กน้อย คือ ยาว 4.420 ม. กว้าง 1.820 ม. และสูง 1.650 ม. เปิดตัวที่บราซิลเมื่อเดือนกันยายน 2016 และเริ่มการจำหน่ายในสหรัฐอเมริกา ในฐานะรถรุ่นปี 2017
ส่วนรถรุ่นล่าสุดซึ่งเป็นรุ่นที่ 3 นี้ เพิ่งเปิดตัวเมื่อวันจันทร์ที่ 5 พฤษภาคม 2025 หลังจากรถ 2 รุ่นแรกขายในทุกตลาดทั่วโลกไปแล้วประมาณ 2.5 ล้านคัน และเป็นการเปิดตัวในยุคที่ JEEP มีฐานะเป็นหนึ่งในบรรดาผู้ผลิตรถยนต์รวม 15 ยี่ห้อ (ABARTH-ALFA ROMEO-CHRYSLER-CITROEN-DODGE-DS AUTOMOBILES-FIAT-FIAT PROFESSIONAL-JEEP-LANCIA-MASERATI-OPEL-PEUGEOT-RAM-VAUXHALL) ที่อยู่ในสังกัดของกลุ่มบริษัทรถยนต์ STELLANTIS BV (สเตลแลนทิส บีวี) ในทวีปอเมริกาเหนือรถรุ่นใหม่นี้จะใช้โรงงาน BRAMPTON PLANT (บแรมพ์ทัน พแลนท์) ในแคนาดาเป็นฐานการผลิต ส่วนในยุโรปฐานการผลิต คือ โรงงานของค่าย FIAT (เฟียต) ที่เมือง MELFI (เมลฟี) ในอิตาลี
เป็นรถที่ออกแบบขึ้นใหม่ทั้งหมดตั้งแต่พื้นรถจรดหลังคา โดยใช้พแลทฟอร์มชุดเดียวกันกับรถร่วมค่ายร่วมเครืออีก 3 แบบ คือ CITROEN C5 AIRCROSS (ซีตรอง ซี 5 แอร์ครอสส์) PEUGEOT 3008 (เปอโฌต์ 3008) และ OPEL/VAUXHALL GRANDLAND (โอเพล/วอกซ์ฮอลล์ กแรนด์แลนด์) แต่มีการปรับแต่งในหลายจุดเพื่อให้มีสมรรถนะการขับแบบ OFF-ROAD (ออฟโรด) เหนือกว่ารถ 3 แบบนี้
มีขนาดตัวถังยาว 4.552 ม. คือ ยาวกว่ารถรุ่นก่อนถึง 13 ซม. มีช่วงฐานล้อยาว 2.795 ม. และมีช่วงยื่นหน้า และยื่นหลังค่อนข้างสั้น ห้องโดยสารจึงกว้างขวางนั่งสบาย ผู้โดยสารบนเก้าอี้ที่นั่งทั้ง 2 แถวมีช่องว่างสำหรับการวางแข้งวางเข่ามากกว่าเดิมถึง 5.5 ซม. หน้าตา และรูปทรงองค์เอวของตัวถังภายนอกดูแปลกไปมากจากรถ 2 รุ่นแรก และรถอนุกรมอื่นๆ ของค่ายนี้
ที่สำคัญมากก็คือ ขุมพลังขับเคลื่อนของรถรุ่นใหม่นี้ ไม่ใช่มีแต่เครื่องยนต์สันดาปภายในเหมือนรถรุ่นก่อนๆ แต่มีให้เลือกถึง 3 แบบ คือ (1) ระบบขับซึ่งใช้เครื่องยนต์เบนซิน 1.2 ลิตร 107 กิโลวัตต์/145 แรงม้า ทำงานร่วมกันกับระบบ MILD HYBRID หรือไฮบริดแบบอ่อน ขนาด 48 โวลท์ (2) ระบบขับ PLUG-IN HYBRID หรือไฮบริดชนิดต้องเสียบปลั๊กเพื่อชาร์จไฟ ซึ่งใช้เครื่องยนต์เบนซิน 1.6 ลิตร ทำงานร่วมกันกับมอเตอร์ไฟฟ้า และแบทเตอรีขนาดความจุ 21 กิโลวัตต์ชั่วโมง ได้กำลังรวมสูงสุด 143 กิโลวัตต์/195 แรงม้า และวิ่งด้วยพลังไฟฟ้าล้วนๆ ได้ไกล 85 กม. และ (3) ระบบขับด้วยพลังไฟฟ้าล้วนๆ ซึ่งมีทั้งรถขับล้อหน้า รถขับ 4 ล้อ และมีมอเตอร์ไฟฟ้าให้เลือกใช้ถึง 3 ขนาด คือ 157 กิโลวัตต์/213 แรงม้า 171 กิโลวัตต์/232 แรงม้า และ 276 กิโลวัตต์/375 แรงม้า ส่วนแบทเตอรีมีให้เลือก 2 ขนาดความจุ คือ 73 กิโลวัตต์ชั่วโมง กับ 96 กิโลวัตต์ชั่วโมง
ตลาดของรถกิจกรรมกลางแจ้งข้ามพันธุ์ขนาดเล็กในยุโรปนั้นใหญ่มาก คือ เท่ากับประมาณร้อยละ 25 ของตลาดรถยนต์นั่งโดยรวม และคาดหมายกันว่า ตอนสิ้นปี 2026 ประมาณร้อยละ 90 ของรถเหล่านี้ จะเป็น ELECTRIFIED VEHICLE (อีเลคทริไฟร์ด์ เวฮิเคิล) หรือรถที่ขับเคลื่อนทั้งหมด หรือขับเคลื่อนเป็นบางส่วนด้วยพลังงานไฟฟ้า การปรากฏตัวของรถรุ่นใหม่นี้ จึงเป็นเรื่องสำคัญระดับ “คอขาดบาดตาย” ของ JEEP เพราะเป็นกุญแจสำคัญในความพยายามที่จะขยายตัวในตลาดยุโรปของค่ายนี้
ในยุโรปบางประเทศ รถรุ่นใหม่นี้เปิดรับการสั่งจองแล้ว แต่การส่งมอบรถจะเริ่มขึ้นในไตรมาสสุดท้ายของปี 2025 นี้ ในระยะแรกจะมีแต่รถเบนซินพร้อมระบบไฮบริดแบบอ่อน กับรถพลังไฟฟ้าล้วนๆ ส่วนรถพลัก-อิน ไฮบริดจะตามมาในภายหลัง ราคาค่าตัวเริ่มต้นที่ประมาณ 1.6 ล้านบาทไทย
JEEP COMPASS