วิถีตลาดรถยนต์
ตลาดรวมยังไปได้
เปรียบเทียบยอดจำหน่ายรถยนต์ประจำเดือนสิงหาคม 2025/2024
ตลาดโดยรวม +5.4 %
รถยนต์นั่ง -0.7 %
รถกิจกรรมกลางแจ้ง (SUV) +34.0 %
กระบะ 1 ตัน -9.0 %
รถเพื่อการพาณิชย์ +29.0 %
เปรียบเทียบยอดจำหน่ายรถยนต์ประจำเดือนมกราคม-สิงหาคม 2025/2024
ตลาดโดยรวม +0.4 %
รถยนต์นั่ง +0.4 %
รถกิจกรรมกลางแจ้ง (SUV) +14.9 %
กระบะ 1 ตัน -14.2 %
รถเพื่อการพาณิชย์ +37.3 %
เข้าสู่เดือนสิงหาคม เดือนนี้มีผู้ใหญ่ใจดีจัดสรรพื้นที่ให้ค่ายรถยนต์ต่างๆ ได้นำรถยนต์รุ่นใหม่ รุ่นที่มีจำหน่ายอยู่ในปัจจุบัน บวกเพิ่มด้วยพโรโมชันพิเศษ ที่อยู่นอกเหนือจากพโรโมชันปกติ มากระตุ้นตัวเลขยอดจำหน่ายกันอีก 1 ครั้ง ซึ่งก็ได้ดอกได้ผลในระดับหนึ่ง ท่ามกลางบรรยากาศความตึงเครียดทางชายแดนกัมพูชา และบรรยากาศทางการเมืองที่ร้อนแรง ถึงจะมีปัจจัยลบที่ส่งผลต่อการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภค ไม่ว่าจะเป็นหนี้ครัวเรือนระดับสูง และความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อยานยนต์ โดยเฉพาะกลุ่มรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ ตัวเลขยอดจำหน่ายรถยนต์ใหม่ป้ายแดง เดือนสิงหาคม 2568 ก็ยังปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงกว่าตัวเลขยอดจำหน่ายที่เคยทำได้ในเดือนสิงหาคม 2567 โดยเฉพาะในกลุ่มรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ แต่ไม่รวมถึงตลาดรถพิคอัพ เพราะยังเข็นไม่ขึ้น เทียบกับตัวเลขยอดจำหน่ายเดือนต่อเดือนของปีที่ผ่านมา ยังคงเป็นตัวเลขยอดจำหน่ายที่ลดลงเหมือนเดิม
ตัวเลขยอดจำหน่ายรวมทุกตลาดของเดือนสิงหาคม 2568 อยู่ที่ 47,622 คัน เทียบกับเดือนสิงหาคม 2567 แล้วเป็นตัวเลขยอดจำหน่ายที่เพิ่มขึ้น 2,432 คัน หรือเพิ่มขึ้น 5.4 % รถยนต์ที่ขายดีที่สุด 3 อันดับแรกยังคงเป็นตัวเลือกที่ครองตลาดมานาน ขณะที่รถยนต์จากเมืองจีน เข้ามามีบทบาทได้รับความไว้ใจมากขึ้น อันดับ 1 ยังคงเป็นพี่ใหญ่ค่าย TOYOTA (โตโยตา) จำหน่ายได้ 17,279 คัน ลดลงจากเดือนสิงหาคม 2567 เล็กน้อยประมาณ 564 คัน หรือ 3.2 % ส่วนแบ่งการตลาด 36.3 % ตามด้วย ISUZU (อีซูซุ) 5,581 คัน ลดลง 564 คัน หรือ 9.2 % ส่วนแบ่งการตลาด 11.2 % อันดับ 3 HONDA (ฮอนดา) 5,557 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนสิงหาคมปีก่อน 552 คัน หรือเพิ่มขึ้น 11.0 % ส่วนแบ่งการตลาด 11.7 % อันดับ 4 BYD (บีวายดี) มียอดจำหน่าย 2,667 คัน ลดลง 790 คัน หรือ 22.9 % เมื่อเทียบกับเดือนสิงหาคม 2567 ส่วนแบ่งการตลาด 5.6 % และอันดับ 5 CHANGAN (ฉางอัน) 2,225 คัน เพิ่มขึ้น 1,821 คัน หรือเพิ่มขึ้น 450.7 % ส่วนแบ่งการตลาด 4.7 %
จากเดือนมกราคม-สิงหาคม 2568 ตัวเลขยอดจำหน่ายรถยนต์ใหม่ป้ายแดง มียอดสะสมรวม 401,262 คัน เทียบกับช่วงระยะเวลาเดียวกันของปี 2567 เป็นตัวเลขยอดจำหน่ายที่เพิ่มขึ้น 0.4 % หรือเพิ่มขึ้น 1,651 คัน โดยค่าย TOYOTA มีตัวเลขยอดจำหน่ายสะสมมากที่สุดเป็นอันดับ 1 ปี 2568 นี้จำหน่ายไปแล้วรวมทั้งสิ้น 149,328 คัน ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว 2,579 คัน หรือ 1.7 % ส่วนแบ่งการตลาดอยู่ที่ 37.2 % อันดับ 2 ISUZU 48,572 คัน ลดลง 10,617 คัน หรือ 17.9 % ส่วนแบ่งการตลาด 12.1 % อันดับ 3 HONDA 45,917 คัน ลดลง 8,029 คัน หรือ 14.9 % ส่วนแบ่งการตลาด 11.4 % อันดับ 4 BYD 30,045 คัน เพิ่มขึ้น 9,167 คัน เพิ่มขึ้น 43.9 % ส่วนแบ่งการตลาด 7.5 % และอันดับ 5 MITSUBISHI (มิตซูบิชิ) 17,923 คัน ลดลง 340 คัน หรือ 1.9 % ส่วนแบ่งการตลาด 4.5 %
ในส่วนของตลาดรถพิคอัพ 1 ตัน เดือนสิงหาคม 2568 จำหน่ายได้ 13,626 คัน เทียบกับเดือนสิงหาคม 2567 ขาดหายไปอีก 1,344 คัน หรือลดลง 9.0 % ยอดจำหน่ายสูงสุด 5 อันดับแรกก็เหมือนทุกเดือนไม่เปลี่ยนแปลง อันดับ 1 TOYOTA 6,619 คัน เทียบกับสิงหาคมปีที่แล้วลดลง 467 คัน หรือ 6.6 % ส่วนแบ่งการตลาด 48.6 % อันดับ 2 ISUZU 4,736 คัน ลดลง 539 คัน หรือ 10.2 % ส่วนแบ่งการตลาด 34.8 % อันดับ 3 FORD (ฟอร์ด) 1,500 คัน ลดไป 1 คัน หรือ 0.1 % ส่วนแบ่งการตลาด 11.0 % อันดับ 4 MITSUBISHI 578 คัน ลดลง 88 คัน หรือ 13.2 % ส่วนแบ่งการตลาด 4.2 % และอันดับ 5 NISSAN (นิสสัน) 115 คัน ลดลง 165 คัน หรือ 58.9 % ส่วนแบ่งการตลาด 0.8 %
8 เดือนแรกของปี 2568 ผ่านไป ตัวเลขยอดจำหน่ายสะสมรวมของตลาดรถพิคอัพอยู่ที่ 119,702 คัน ลดลง 19,830 คัน หรือ 14.2 % เมื่อเทียบกับ 8 เดือนแรกของปี 2567 อันดับ 1 TOYOTA มีตัวเลขยอดจำหน่ายสะสม 55,822 คัน เทียบกับ 8 เดือนแรกปี 2567 ลดลง 8,322 คัน หรือ 13.0 % ส่วนแบ่งการตลาด 46.6 % อันดับ 2 ISUZU 42,055 คัน ลดลง 9,656 คัน หรือ 18.7 % ส่วนแบ่งการตลาด 35.1 % อันดับ 3 FORD 12,431 คัน ลดลง 2,299 คัน หรือ 15.6 % ส่วนแบ่งการตลาด 10.4 % อันดับ 4 MITSUBISHI 6,923 คัน พอยิ้มได้เพราะเพิ่มขึ้น 1,054 คัน หรือเพิ่มขึ้น 18.0 % ส่วนแบ่งการตลาด 5.8 % และอันดับ 5 NISSAN 1,332 คัน ลดลง 749 คัน หรือ 36.0 % ส่วนแบ่งการตลาด 1.1 %
สำหรับรถเอสยูวี ยังคงได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยรถยนต์จากประเทศจีน เป็นปัจจัยบวกที่ทำให้ตลาดนี้มีความคึกคักน่าสนใจมากขึ้น ถึงแม้จะมีข่าวที่ไม่ดีจากบางยี่ห้อบ้างก็ตาม ขณะที่รถเอสยูวีของพี่ใหญ่ TOYOTA และ HONDA ยังเป็นตัวเลือกในอันดับต้นๆ อยู่เช่นเดิม เดือนสิงหาคม 2568 มีตัวเลขยอดจำหน่ายรวมทั้งสิ้น 12,278 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนสิงหาคม 2567 ถึง 3,114 คัน หรือเพิ่มขึ้น 34.0 % อันดับ 1 TOYOTA จำหน่ายได้ 3,850 คัน แต่ถ้าเทียบกับเดือนสิงหาคม 2567 แล้วกลับลดลง 303 คัน หรือ 7.3 % ส่วนแบ่งการตลาด 31.4 % อันดับ 2 HONDA 2,501 คัน เพิ่มขึ้น 798 คัน หรือเพิ่มขึ้น 46.9 % ส่วนแบ่งการตลาด 20.4 % อันดับ 3 CHANGAN 1,897 คัน เพิ่มขึ้น 1,581 คัน หรือเพิ่มขึ้น 500.3 % ส่วนแบ่งการตลาด 15.5 % อันดับ 4 BYD 1,288 คัน เพิ่มขึ้น 1 คัน หรือเพิ่มขึ้น 0.1 % ส่วนแบ่งการตลาด 10.5 % และอันดับ 5 GWM (กเรท วอลล์ มอเตอร์) 1,079 คัน เพิ่มขึ้น 900 คัน หรือเพิ่มขึ้น 502.8 % ส่วนแบ่งการตลาด 8.8 %
เดือนมกราคม-สิงหาคม 2568 รถเอสยูวีจำหน่ายได้รวมทั้งสิ้น 95,308 คัน เพิ่มขึ้น 12,363 คัน หรือเพิ่มขึ้น 14.9 % เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2567 ยอดจำหน่ายสะสมมากสุดเป็นของ TOYOTA 33,409 คัน เทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2567 ลดลง 3,287 คัน หรือ 9.0 % ส่วนแบ่งการตลาด 35.1 % อันดับ 2 HONDA 20,295 คัน ลดลง 3,096 คัน หรือ 13.2 % ส่วนแบ่งการตลาด 21.3 % อันดับ 3 BYD 16,208 คัน เพิ่มขึ้นถึง 10,256 คัน หรือเพิ่มขึ้นถึง 172.3 % ส่วนแบ่งการตลาด 17.0 % อันดับ 4 GWM 6,980 คัน เพิ่มขึ้น 4,286 คัน เพิ่มขึ้น 159.1 % ส่วนแบ่งการตลาด 7.3 % และอันดับ 5 CHANGAN 6,057 คัน เพิ่มขึ้น 1,056 คัน หรือเพิ่มขึ้น 21.1 % ส่วนแบ่งการตลาด 6.4 %
เดือนสิงหาคม 2568 รถยนต์เพื่อการพาณิชย์อื่นๆ มีตัวเลขยอดจำหน่ายรวม 3,550 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนสิงหาคม 2567 ถึง 799 คัน หรือเพิ่มขึ้น 29.0 % เดือนมกราคม-สิงหาคม 2568 จำหน่ายแล้วรวม 31,486 คัน เพิ่มขึ้น 8,546 คัน หรือเพิ่มขึ้น 37.3 % และเดือนสิงหาคม 2568 มียอดจดทะเบียนรถเอสยูวี และรถพิคอัพทั้งสิ้น 27,663 คัน เทียบกับเดือนสิงหาคม 2567 แล้วลดลง 1,707 คัน หรือ 5.8 %





