พิเศษ
5 แหล่งกิจกรรมกลางแจ้ง
เมืองไทย คือโลกของป่าเขตร้อนที่เต็มไปด้วยความหลากหลายของพืชพันธุ์ไม้ นกและสัตว์ป่า ยิ่งไปกว่านั้น ผืนป่าใหญ่ยังเป็นต้นกำเนิดของสายน้ำ น้ำตกใหญ่กลางป่าลึก ขุนเขาสูง และป่าดิบสมบูรณ์
นอกจากนี้ เรายังมีพื้นที่อยู่ติดกับทะเลทั้งฝั่งตะวันออกและฝั่งอันดามัน ที่มีความสวยงามของปะการัง และสัตว์ทะเลมากมาย และสถานที่เหล่านั้นก็มีสิ่งท้าทายรอให้นักเดินทางที่ชอบการผจญภัยได้เข้าไปเก็บเกี่ยวความสุข ที่คนทั่วไปหาไม่ได้
4 WHEELS คัดเลือกแหล่งกิจกรรมกลางแจ้งในสถานที่ต่างๆ ที่น่าสนใจมานำเสนอ ให้ผู้ที่ชอบเดินทางท่องเที่ยวผจญภัย ได้รู้จัก
1. น้ำหนาว กับเสือภูเขาตัวเก่ง
การปั่นจักรยานเสือภูเขาที่อุทยานแห่งชาติน้ำหนาว สามารถเลือกได้หลายเส้นทาง ส่วนใหญ่จะเป็นเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติที่มีอยู่แล้ว รวมไปถึงถนนเข้าสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญๆ อย่างเช่น ภูกุ่มข้าว เป็นต้น
เส้นทางไปภูกุ่มข้าวระยะทางประมาณ 14 กม. ผ่านป่าสน เมื่อถึงภูกุ่มข้าวจะมีทางเลือกอยู่ 2 ทาง คือเดินขึ้นไปตามทางที่จัดไว้ไห้ หรือปั่นจักรยานอ้อมไปด้านหลังภู มีทางลำลองไปจนถึงด้านบนซึ่งเป็นจุดชมวิว 180 องศา ที่สามารถเห็นป่าสนกว้างไกลสุดสายตา
นอกจากเส้นทางสายภูกุ่มข้าว สวนสนดงแปกก็นับเป็นเส้นทางที่น่าสนใจไม่ใช่น้อย ระยะทางไม่ไกลนักจากปากทางจุดเริ่มต้นไปจนถึงดงแปกประมาณ 3 กม. ผ่านป่าสนสลับป่าดิบแล้ง
สำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการความมันสะใจครบทุกรสชาติ ไม่ว่าจะปั่น เข็น แบก ขอแนะนำเส้นทางจากที่ทำการอุทยาน ฯ ปั่นมาที่จุดชมวิวและหอดูไฟ จุดนี้จะมีเส้นทางธรรมชาติลัดเลาะไปด้านหลังศูนย์บริการนักท่องเที่ยว ซึ่งเส้นทางสายนี้มีลักษณะวงกลมกลับมาที่ศูนย์บริการ ฯ เป็นเส้นทางที่ไม่ควรพลาดสำหรับขาลุย
2. ทีลอเล สุดยอดล่องแก่งผจญภัย
เมื่อพูดถึงแหล่งกิจกรรมกลางแจ้งที่อยู่ในดวงใจของบรรดานักผจญภัยทั้งหลาย ทีลอเล ต้องเป็นหนึ่งในนั้น โดยเฉพาะนักล่องแก่ง ถือเป็นสวรรค์ของพวกเขาเลยทีเดียว
น้ำตกทีลอเล อยู่ในเขตผืนป่าตอนบนของลำน้ำแม่กลอง บริเวณรอยต่อระหว่างเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอุ้มผาง และเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรฝั่งตะวันออก
จุดเริ่มต้นล่องแก่งอยู่ที่หมู่บ้านกะเหรี่ยงประหละทะ อยู่ห่างจากตัวเมืองอุ้มผางไป 27 กม. ใช้เวลาล่องแก่ง 5-6 ชั่วโมง ไปถึงน้ำตกทีลอเล
ในบรรดาสายน้ำเพื่อการล่องแก่งในประเทศไทย คงต้องยกให้การล่องเรือยางบนสายน้ำแม่กลองแห่งอุ้มผางนี้มีความงดงามในธรรมชาติสองฟากฝั่งที่สุด ผ่านป่าเขียวขจีโตรกผาสูง ฝูงนกบินฉวัดเฉวียนมีเกาะแก่งสนุกๆ หลายแก่ง
การล่องแก่งสู่น้ำตกทีลอเล คือการล่องต้นน้ำแม่กลอง มีต้นน้ำกำเนิดมาจากเทือกเขาสูงใน ต. โมโกร อ. อุ้มผาง จากลำห้วยหลายสายไหลมารวมกันในเขตบ้านแม่กลองคีใน ต. โมโกร จากนั้นไหลไปสู่ ต. แม่ละมุ้ง และ ต. แม่จัน ไปบรรจบกับลำน้ำแม่จันที่บริเวณปากห้วยแม่จัน รวมตัวกันกลายเป็นลำน้ำแม่กลอง แล้วไหลออกทะเลทางฝั่งอ่าวไทยที่ จ. สมุทรสาคร
แม่น้ำแม่กลอง ถือว่าเป็นแม่น้ำสายที่ยาวมากที่สุด การล่องแก่งที่อุ้มผางจึงถือว่าเป็นการล่องแก่งช่วงต้นน้ำแม่กลอง ที่ยังคงเป็นแม่น้ำเล็กๆ ไม่กว้างมากนัก จนแลประหนึ่งว่าเป็นลำธารน้อยกลางไพร การล่องแก่งสู่น้ำตกทีลอเลนี้ เป็นลำน้ำเดียวกับที่ใช้ในการล่องแก่งเรือยางไปน้ำตกทีลอซู แต่ผู้ที่จะไปทีลอเลไม่นิยมล่องยาวไกลมาจากอุ้มผาง นิยมไปเริ่มต้นล่องที่หมู่บ้านปะหละทะ
ช่วงหน้าฝน กระแสน้ำจะไหลแรงและสีขุ่น มีระดับน้ำสูงจนท่วมแก่งเกือบหมด จากการล่องแก่งอาจเป็นการล่องคลื่นแทน เหมาะกับผู้นิยมความท้าทายตื่นเต้นเร้าใจ ผู้ที่คิดจะมาล่องแก่งในฤดูฝนต้องเตรียมตัวให้พร้อมทั้งร่างกายและจิตใจ รวมทั้งนายท้ายและผู้คัดหัวต้องมีความชำนาญเป็นพิเศษ
ฤดูกาลที่เหมาะสมช่วงพฤศจิกายน-ธันวาคม น้ำจะเริ่มใสไหลเย็น และตั้งแต่เดือนมกราคม-พฤษภาคม น้ำเริ่มลดและใสมาก แก่งต่างๆ ผุดขึ้นมากมาย บางครั้งน้ำลดมากเกินอาจเป็นอุปสรรคต่อการล่องแก่งได้
สำหรับแก่งต่างๆ ที่ต้องผจญภัยผ่านนั้นมีอยู่ประมาณ 14 แก่ง ความยากอยู่ในระดับ 4-5 (ยาก-ยากมาก) ตลอดสองฝั่งอุดมสมบูรณ์ไปด้วยธรรมชาติป่าไม้ อาจได้เห็นสัตว์ เช่น ลิง ค่าง ชะนี ตลอดจนนกนานาชนิด ทั้งนกเงือก นกขุนแผน นกกระเต็น ส่วนพันธุ์พืชมี มอส เฟิร์น ตะไคร่น้ำจับก้อนหินสองข้างทางเป็นผืนพรม
แก่งต่างๆ ที่จะต้องผ่านมีดังนี้แก่งแรกที่ต้องผ่านหลังจากสตาร์ทออกจากหมู่บ้านกะเหรี่ยงปะหละทะ "แก่งเลกะติ" เป็นกลุ่มแก่ง
ประมาณ 3 แก่ง ความยาวของแก่งประมาณ 200 ม. มีความคดเคี้ยวมาก จะต้องใช้ทักษะและความสามารถในการพายเรือพอสมควร
"แก่งบันได" แก่งนี้มีความยาวประมาณ 100 เมตร เป็นโขดหินน้อยใหญ่ เมื่อผ่านแก่งบันไดได้แล้วทางซ้ายมือของแก่งบันไดจะมีหาดทรายขาวยาวประมาณ 30 ม. เหมาะเป็นที่พักผ่อนก่อนจะเริ่มพิชิตแก่งอื่นต่อไป
หากล่องแก่งในช่วงหน้าฝนน้ำอาจจะท่วมแก่งบันไดหมด จะพบกับคลื่นแทน เช่นเดียวกับหน้าร้อนน้ำน้อยจนอาจต้องช่วยกันยกเรือลงขั้นบันได
"แก่งตุ๊กแก" เป็นแก่งเล็กๆ มีความยาวประมาณ 20 ม. แก่งนี้ช่วยทำให้หายง่วง ตื่นเต้นได้บ้างพอสมควร ในฤดูฝนแก่งนี้จะจมน้ำหายไป
"แก่งหักศอก" แก่งขนาดกลางยาวประมาณ 150 ม. หากเป็นช่วงฤดูร้อนแก่งหักศอกจะมีอยู่สองแก่งด้วยกัน ลักษณะของแก่งคล้ายกับคอขวด กระแสน้ำที่ไหลมาจะถูกบังคับด้วยโขดหินขนาดใหญ่คล้ายคอขวด ไหลแรงผ่านสองแก่งลดระดับกันลงมาสู่แอ่งน้ำเบื้องล่าง
"แก่งน้ำตกน้อย" แก่งขนาดเล็กมีความยาวประมาณ 30 ม. แก่งนี้มีโขดหินใหญ่ก้อนหนึ่งขวางกั้นลำน้ำอยู่ การที่จะบังคับเรือยางให้ผ่านแก่งนี้ไปต้องมีฝีพายที่มีฝีมือ และอาศัยความร่วมมือร่วมใจจากลูกเรือทุกคนช่วยกัน ถ้าพายไม่ดีอาจชนหินก้อนโตทำให้เรือพลิกคว่ำได้
"แก่งคนมอง" แก่งขนาดใหญ่ ความยาวประมาณ 200 ม. มีโขดหินน้อยใหญ่ขวางกั้นลำน้ำอยู่ทั่วไปลักษณะคล้ายกับคอขวด ทำให้ลำน้ำถูกบีบให้เล็กลง กระแสน้ำจึงไหลแรงขึ้น ในฤดูฝนน้ำสูงขึ้นทำให้สายน้ำปะทะโขดหินน้อยใหญ่เกิดเป็นลูกคลื่นม้วนตัวมองดูคล้ายน้ำเดือด
กล่าวกันว่าถ้าล่องผ่านแก่งคนมองไปได้ ถือว่าได้ผ่านช่วงสุดยอดของการล่องแก่งแล้ว ช่วงปลายสุดของแก่งคนมองทางด้านขวามือจะมีหาดทรายเป็นแนวยาวประมาณ 50 เมตร ใช้เป็นที่ตั้งแคมพ์ จากจุดนี้ล่องผ่านไปอีก 2 แก่งก็จะถึงน้ำตกทีลอเล แต่การชมน้ำตกให้สวยต้องช่วงเช้า ซึ่งแสงจะส่องเข้าหาตัวน้ำตก
และเมื่อล่องแก่งไปยังน้ำตกแล้ว ต้องลากเรือเดินเลาะริมตลิ่งกลับมายังจุดตั้งแคมพ์ เพื่อเดินป่าหรือนั่งช้าง ระยะทางประมาณ 35 กม. กลับหมู่บ้าน เมื่อถึงหมู่บ้านกะเหรี่ยงปะหละทะนั่งรถสองแถวกลับ อ. อุ้มผาง ระยะทาง 27 กม. เป็นอันจบทริพพิชิตน้ำตกทีลอเล
นอกจากการเข้าไปชมน้ำตกทีลอเล ล่องแก่งกับสายน้ำท่ามกลางธรรมชาติที่สวยงามแล้ว กิจกรรมปั่นจักรยานก็คงจะเป็นอีกกิจกรรมหนึ่งที่น่าสนใจ ด้วยสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ที่มีในอุ้มผางทุกที่นั้น สามารถใช้จักรยานเข้าไปได้เกือบทุกๆ ที่ และบางครั้งการเดินทางด้วยจักรยานอาจจะดีกว่าวิธีอื่นอีกด้วย และระยะทางของเส้นทางแต่ละเส้นนั้นก็ไม่ไกลมากนัก แต่ด้วยอุ้มผางมีพื้นที่ราบเพียงแค่ 3 % ของพื้นที่ทั้งหมด เส้นทางบางช่วงจะเป็นทางลาดชันมากพอสมควร อาทิ เส้นทาง "อุ้มผาง-อุ้มผางคี" ไปชมวิถีชีวิตชาวกะเหรี่ยง ระยะทางประมาณ 20 กม. "อุ้มผาง-ทีลอจ่อ" (ชั้นบน) ไปชมน้ำตกทีลอจ่อก่อนทิ้งดิ่งลงแม่น้ำแม่กลอง ระยะทางประมาณ 5 กม. "อุ้มผาง-หัวหมด-ปะหละทะ ไปชมวิวบนดอยหัวหมดและวิถีชีวิตชาวกะเหรี่ยง เป็นทางราดยางตลอด ปั่นไปเรื่อยๆ ชื่นชมธรรมชาติที่สวยงาม ระยะทางประมาณ 25 กม.
3. หาดป่าตอง ทดสอบความมันของตัวเอง
นอกจากนอนอาบแดดบนผืนทราย แหวกว่ายน้ำทะเลกว้าง เดินเล่นริมหาดและเล่นกิจกรรมทางน้ำแล้ว ยังมีอะไรให้ทำอีกมากมายที่หาดป่าตอง จ. ภูเก็ต
ความสนุกสนานและท้าทายในรูปแบบใหม่ได้เกิดขึ้นแล้ว ณ ความสูงเฉลี่ยกว่า 200 เมตร บนขุนเขาที่กวาดตามองเห็นโค้งอ่าวป่าตองไปจนถึงจุดบรรจบของขอบฟ้า และขอบน้ำ
เดอะ ภูเก็ต คลิฟฟ์ส์แฮงเกอร์ (THE PHUKET CLIFFSHANGER) มีกิจกรรมท้าทายความสูง 4 รูปแบบ ให้นักผจญภัยได้สัมผัสกันคือ "ไต่หน้าผาแบบ เวีย เฟอราตา" เป็นกิจกรรมไต่หน้าผาหินปูนสูงชันไปตามแท่งเหล็กที่ฝังลงในเนื้อหิน โดยมีลวดสลิงทอดยาวอยู่ข้างแท่งเหล็กเป็นระยะเพื่อให้นักท่องเที่ยวใช้ไซเพอร์วาย ซึ่งเป็นไนลอนสลิงแบนยาวรูปร่างคล้ายตัว Y คล้องกับสลิง-ป้องกันการตกลงพื้น
สถานี เวีย เฟอราตา มีระยะทาง 135 ม. ณ ระดับความสูงเฉลี่ยกว่า 270 ม. นับว่าเป็นเส้นทางท้าทายอันแสนสนุกสำหรับคนรักความสูงอย่างยิ่ง โดยเฉพาะเมื่อไต่ขึ้นมาถึงช่วงกลางของเส้นทาง แล้วหันหลังกลับไปมอง ภาพที่เห็นคือ ความงดงามของธรรมชาติ ป่าดิบ และทะเล
"ไต่สลิงผ่านถิ่นสิงโต" เมื่อขึ้นมาถึงยอดสูง สถานีต่อไปเป็น ไต่สะพานสลิง มีทั้งหมด 6 ช่วงเลียบไปกับขอบโค้งของภูเขา จากต้นไม้ต้นหนึ่งสู่ต้นไม้อีกต้นหนึ่ง นับเป็นหนึ่งช่วงสะพาน โดยยาวทั้งหมดประมาณ 181 เมตร จากจุดนี้สามารถมองเห็นโค้งอ่าวหาดป่าตองได้ และตามหน้าผายังมีดงสิงโต เป็นชื่อพันธุ์กล้วยไม้ชนิดหนึ่ง ผลิดอกงามเต็มลานหิน และยังมีพันธุ์ไม้อื่นๆ อวดความเขียวขจีตลอดทาง เช่น ชายผ้าสีดากอใหญ่บนคาคบไม้สูง
"โรยตัวดิ่งลงหินหล่น" เป็นการโรยตัวลงจากน้ำตกหินหล่น สูง 280 ม. จากระดับน้ำทะเลปานกลางระยะทาง 140 ม. ซึ่งไม่ได้เป็นน้ำตกที่ตรงดิ่ง แต่มีความหักเหเป็นช่วงชั้น มองไม่เห็นจุดสิ้นสุดของเส้นทางโรยตัว ภาพที่ปรากฏคือ สายน้ำขาวสะอาดทิ้งตัวรุนแรงผ่านแผ่นหินสีดำ มีทั้งหมด 6 ช่วง และต้องเปลี่ยนเชือกทุกช่วง สำหรับคนที่ไม่เคยมีประสบการณ์โรยตัวมาก่อน สามารถเลือกโรยตัวในช่วงสุดท้ายที่ความสูงประมาณ 20 เมตรก็ได้ เพราะเป็นช่วงหน้าผาที่ไม่ชันมากนัก
"พุ่งทะยานเหนือป่าดิบ" สถานีสุดท้าย คือ โหนรอก ระยะทาง 100 เมตร ลอดผ่านระหว่างต้นไม้ใหญ่คู่หนึ่ง สร้างความหวาดเสียวได้ไม่น้อย เมื่อผ่านกิจกรรมทั้งหมด นักท่องเที่ยวจะได้รับใบประกาศจาก เดอะภูเก็ต คลิฟฟ์ส์แฮงเกอร์ ไว้เป็นที่ระลึกอีกด้วย
4. กระบี่ ปีนผา ดำน้ำ
กระบี่ เป็นจังหวัดหนึ่งทางภาคใต้ที่โด่งดังเรื่องความสวยงามของท้องทะเล ฝั่งอันดามัน และยังมีแหล่งกิจกรรมต่างๆ มากมายไว้ให้นักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบการผจญภัยได้มาสัมผัส
"ปีนผา 1 2 3 อ่าวไร่เลย์" หน้าผา 1 2 3 มีเส้นทางปีนมากกว่า 10 เส้นทาง สังเกตได้จากหมุด หรือโบลท์ (BOLT) ที่ตอกฝังในหินเป็นช่วงๆ ขึ้นไป ในแต่ละจุดมีการวัดระดับความยากง่ายโดยใช้เป็นมาตราฝรั่ง จากระดับ 5 เป็น 6, 6A, 6A+ ขึ้นไปเรื่อยๆ จนถึงระดับที่ยากที่สุด คือ 8C ซึ่งที่ไร่เลย์มีทุกระดับให้เลือกปีน แต่สำหรับคนปีนผาใหม่ๆ อยู่ที่ระดับ 6
"จุดชมวิว HIGH VIEW POINT" อยู่ฝั่งตรงข้ามหน้าผา 1 2 3 ประมาณ 5 ม. คือหน้าผาฟินเนเคิล เป็นภูเขาลูกเล็กๆ มีซอกหลืบให้ปีนได้ง่ายๆ อยู่ 2 เส้นทาง และมีเส้นทางค่อนข้างยาก ระดับ 6B อยู่ 1 เส้นทาง ตรงจุดเลย์โค้งอ่าวไร่เลย์ตะวันออก
นอกจากกิจกรรมปีนหน้าผาแล้ว ที่นี่ยังขึ้นชื่อเรื่องแหล่งดำน้ำอีกด้วย
"เกาะรอก" มีหาดทรายสวยงามตลอดแนว จุดเด่นของเกาะรอกคือ ปะการัง ซึ่งปะการังส่วนมากที่พบจะอยู่เป็นกลุ่มตามโขดหินในระหว่างร่องน้ำ ชายฝั่งทางด้านทิศตะวันออกของเกาะรอกใน และด้านทิศใต้ ทิศตะวันออกเฉียงใต้ของเกาะรอกนอกเป็นปะการังน้ำตื้น พวกปะการังเขากวาง ปะการังผักกาดปะการังสมอง
"เกาะพีพี" นับเป็นแหล่งดำน้ำที่น่าสนใจจุดหนึ่ง ซึ่งโลกใต้ทะเลของหมู่เกาะพีพีมีความงดงามน่าสนใจยิ่ง จุดดำน้ำที่น่าสนใจ ได้แก่
"เกาะบิดะ หรือเกาะคู่" มีลักษณะเป็นเกาะหินตั้งตรงดิ่งลงไปในทะเล ระดับความลึกราว 40-70 ฟุตทั่วผาหินใต้น้ำมีปะการังอ่อนมากมายหลายสี ขึ้นครอบคลุมผาหินสลับแซมด้วยกัลปังหา พบม้าน้ำ และสัตว์ทะเลที่หาชมได้ยากหลายชนิด
"หินหมูสัง" เป็นกองหินใต้น้ำที่มีปะการังอ่อนสีสันงดงาม และพบสัตว์ทะเลที่หาดูยาก เช่น ฉลามเสือดาว นอนหมอบทรายอยู่หลายตัว
"ดำเรือจมน้ำ KING CRUISER" เป็นกิจกรรมดำน้ำที่สร้างความตื่นเต้นอีกรสชาติหนึ่ง โดยเรือ KING CRUISER เป็นเรือโดยสารขนาดใหญ่ ซึ่งจมลงระหว่างเกาะพีพีกับหินหมูสัง นักดำน้ำสามารถดำลอดไปตามระเบียงห้องต่างๆ ของเรือ ซึ่งมีปลาและสัตว์ทะเลอาศัยอยู่มาก
"ดำถ้ำที่เกาะพีพี" ใต้ทะเลพีพีมีถ้ำใต้น้ำหลายแห่ง เช่น ถ้ำหวางหลง อยู่ใต้ทะเลลึก 40 ฟุต ตัวถ้ำลึกเข้าไปราว 30 ฟุต ภายในถ้ำเป็นที่อาศัยของกุ้งมังกรขนาดใหญ่มากมาย สามารถดำเข้าไปโผล่ในห้องมืดด้านใน และสามารถถอดอุปกรณ์ดำน้ำขึ้นไปเดินบนถ้ำได้ แต่ถ้ำนี้ค่อนข้างอันตราย ต้องมีประสบการณ์สูง และมีผู้นำทางที่รู้จักเส้นทางเป็นอย่างดีเท่านั้น
5. อู่ล่อง กาญจนบุรี ผจญภัยกับโฟร์วีลดไรฟล้อโต
สำหรับนักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบการเดินทางแบบลุยๆ ด้วยรถขับเคลื่อนสี่ล้อ ที่บ้านอู่ล่อง อ. ทองผาภูมิ จ. กาญจนบุรี ก็เป็นอีกสถานที่หนึ่งที่น่าสนใจ เพราะเขาได้จัดเส้นทางพร้อมบริการนั่งรถขับเคลื่อนสี่ล้อไว้ให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัส ธรรมชาติ โดยออกเดินทางไปบุกป่าสำรวจดูน้ำตกสายใหม่
จากตัวเมืองทองผาภูมิแล่นผ่านหมู่บ้านบูอ่องที่ตั้งอยู่ริมทะเลสาบท้ายเขื่อนเขาแหลม ผ่านห้วยเขย่งจนถึงหมู่บ้านเล็กๆ ที่ได้ชื่อว่า บ้านประจำไม้ สภาพทางเริ่มเปลี่ยนมาเป็นเส้นทางดินแคบๆ เลาะไปตามสวนเงาะ สวนทุเรียน และขนุนสลับกันไป ถึงด่านตำรวจชายแดน ขออนุญาตเปิดด่านเพื่อขอผ่านทางกับเจ้าหน้าที่ ผ่านด่านมาได้ไม่ไกลนักเส้นทางเริ่มแคบลงและลาดชัน บนผิวถนนเป็นร่องลึกจากการที่น้ำฝนไหลเซาะ แล้วมาหยุดบนเนินเขา จากนั้นเดินเท้าสู่ "น้ำตกผาสุข" ระหว่างทางเดินยังคงสภาพของป่าต้นน้ำ ทั้งมอส เฟิร์น ขึ้นคลุมก้อนหินริมห้วยเขียวชอุ่ม ไม่เว้นแม้แต่ต้นไม้ใหญ่ที่ล้มขวาง ใช้เวลาเดินเท้าประมาณ 1 ชม. ภาพน้ำตกผาสุข หรือเดิมชื่อ น้ำตกห้วยประ ปรากฏอยู่เบื้องหน้า มีความสูงประมาณ 50 ม. เป็นน้ำตกที่ไหลลดหลั่นเป็น 2 ช่วง มารวมเป็นแอ่งน้ำใหญ่เบื้องล่าง สามารถลงเล่นน้ำได้
นอกจากเส้นทางธรรมชาติสู่น้ำตกผาสุข ยังมีอีกเส้นทางให้ผจญภัย คือ โรยตัวผาน้ำตกผาเขียว เป็นกิจกรรมที่ท้าทาย เพราะต้องปีนป่ายขึ้นไปตามหน้าผาชัน ก่อนที่จะโรยตัวฝ่าสายน้ำลงมา สร้างความตื่นเต้นเร้าใจได้มากเลยทีเดียว
ABOUT THE AUTHOR
ถ
ถาวร พรมพิทักษ์
นิตยสาร 417 ฉบับเดือน พฤศจิกายน ปี 2548
คอลัมน์ Online : พิเศษ(4wheels)