พิเศษ
4 WHEELS CAMP ครั้งที่ 2/2549
เมื่อลมหนาวผ่านเข้ามา โรงเรียนพัฒนาทักษะการขับขี่รถขับเคลื่อน 4 ล้อ หรือ
SPIRIT OF THE 4x4 DRIVING SCHOOL ได้จัดทริพท่องเที่ยว พานักเรียนสปิริทพักผ่อน
แบบสบายๆ ออกแนวผจญภัยนิดๆ โดยใช้เส้นทาง กรุงเทพ ฯ-เขาใหญ่ พร้อมศึกษาธรรมชาติ
บนเขาแผงม้า กางเทนท์พักแรมแอบอิงธรรมชาติ ที่ บ้านชมดาว
วันแรก 21 ตุลาคม 2549
ชิลล์ ชิลล์
สมาชิกรวมตัวกันที่ปั๊ม ปตท. บนทางหลวงหมายเลข 1 บริเวณกิโลเมตรที่ 56 การเดินทางครั้งนี้
มีสมาชิกทั้งสิ้น 12 คัน มากันเป็นครอบครัว ผู้นำทริพครั้งนี้ไม่ใช่ใครที่ไหน "ครูปุ้ม" สราวิทย์
วานิชสมบัติ หัวหน้าครูฝึกของ รร.สปิริท ฯ นั่นเอง
ระหว่างทางสมาชิกแวะซื้อสเบียงอาหารไว้กินยามดึกที่ร้านครูต้อ จากนั้นเดินทางกันต่อจนมาถึง
สถานที่พักแรม คือ บ้านชมดาว เขาใหญ่ เมื่อมาถึง เจ้าของบ้าน ชุมพล นราแย้ม หรือน้าชุม
ออกมาต้อนรับด้วยความเป็นกันเอง งานแรกที่สมาชิกลงมือทำคือ กางเทนท์ ทุกคนต่างจับจอง
มุมของตัวเอง แต่ละครอบครัวช่วยกันคนละไม้คนละมือ จนเสร็จสมบูรณ์เป็นเทนท์หลังใหญ่
ไม่นานก็ได้เวลาอาหารมื้อกลางวันพอดี เมื่ออิ่มหน่ำสำราญ สมาชิกรวมตัวกันอีกครั้ง เพื่อเดินทาง
ไป น้ำตกเหวน้อย ซึ่งอยู่ในพื้นที่ของหน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ขญ.16 (มวกเหล็กใน)
เส้นทางที่ใช้เป็นทางลูกรังแคบๆ ก่อนถึงน้ำตกประมาณ 500 เมตร เราก็จอดรถแล้วเดินเท้าเข้าไป
ผ่านลำธารหลายช่วง งานนี้สมาชิกทุกคนพร้อมลุยอยู่แล้ว แต่มาได้ระยะหนึ่งก็ยังไม่ถึงเสียที
ทำให้บางคนเปรยว่า "500 เมตรแม้วหรือเปล่า ?" แต่สุดท้ายพวกเราก็มาถึงน้ำตกเหวน้อยจนได้
ซึ่งสวยงามสมกับความเหน็ดเหนื่อยที่เดินเท้ามากัน
เราเล่นน้ำกันสนุกสนานพอดู ก่อนกลับที่พัก สมาชิกได้เดินทางไปมอบของที่ระลึกให้แก่
เจ้าหน้าที่ของหน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ขญ.16 (มวกเหล็กใน) ที่ได้ช่วยอำนวย
ความสะดวกในการนำทาง
หลังจากนั้น เรากลับที่พัก ชำระล้างร่างกาย รอรับประทานอาหารเย็น ต่อด้วยการฟังความรู้
เกี่ยวกับการศึกษาเส้นทางธรรมชาติ โดย ครูตะวัน ศรีกานิล ประธานกลุ่มรักษ์กระทิงเขาใหญ่
เพื่อเตรียมตัวก่อนเดินทางในวันรุ่งขึ้น ซึ่งจุดหมายของเราคือ เขาแผงม้า เมื่อได้รู้ถึงรายละเอียด
คร่าวๆ ก็ได้เวลาที่สมาชิกจะแยกย้ายกันไปนอน เพื่อเตรียมรับความสนุกในวันรุ่งขึ้น
วันที่สอง 22 ตุลาคม 2549
อาบเหงื่อต่างน้ำ
เช้านี้สมาชิกตื่นแต่เช้า สูดอากาศบริสุทธิ์ที่นานๆ จะได้สัมผัส อากาศที่นี่เย็นสบายกำลังดี
ต่างคนต่างปฏิบัติภารกิจส่วนตัว พร้อมรับประทานอาหารเช้า เมื่อทุกอย่างเรียบร้อย สมาชิก
ออกเดินทางสู่เขาแผงม้า ด้วยระยะทางประมาณ 60 กิโลเมตรจากที่พัก เส้นทางที่ใช้เป็นทาง
ราดยาง มีบางช่วงที่ถนนเป็นดินลูกรัง ระหว่างทางมีฝนตกลงมาประปราย ทำให้ต้องใช้เวลา
เดินทางถึง 1 ชั่วโมงครึ่ง
ครั้งนี้สมาชิกได้ร่วมทำประโยชน์และร่วมกิจกรรม "หนึ่งคนหนึ่งสายใยสู่เจ้าหน้าที่เขาแผงม้า
ครั้งที่ 2 พร้อมโครงการเติมเกลือโป่งกระทิง ครั้งที่ 1" เจ้าหน้าที่ ฯ ได้ให้ความรู้เรื่องความเป็นมา
และสาเหตุของการเติมเกลือให้โป่งกับสมาชิกคร่าวๆ ว่า การเติมเกลือจะทำกันทุกๆ 3 เดือน
และต้องทำในเวลาที่จำกัด ถ้าทำบ่อยจะเป็นการรบกวนสัตว์ เพราะกระทิง เป็นสัตว์ที่ได้ชื่อว่า
มีความไวต่อกลิ่นมนุษย์มาก สมาชิกได้ฟังความรู้ และคำแนะนำในการเติมเกลือกันอยู่พักใหญ่ๆ
ก็ถึงเวลาเดินทางสู่เข้าห้องเรียนธรรมชาติของจริง (หลายคนที่เข้าไปโป่ง หวังว่าจะได้เจอกระทิง
ตัวเป็นๆ ก็คราวนี้)
เมื่อพร้อมแล้ว สมาชิกนั่งรถมาลงที่ปากทางลงโป่งอีก 1.8 กิโลเมตร ซึ่งดูเหมือนจะใกล้
แต่เส้นทางที่เดินไม่ใช่ทางเรียบ เป็นทางขึ้น/ลงเขาสลับกันไป ความเหนื่อยจึงเริ่มมาเยือนสมาชิก
ทีละคน แต่ยังไม่ย่อท้อ การเดินมีการหยุดพักเป็นช่วงๆ เพราะเริ่มเหนื่อยมากขึ้น แต่ไม่มีใครบ่น
สมาชิกทุกคนยังยิ้มแย้มแจ่มใส
เส้นทางตรงหน้ามีบ้างที่ต้องเดินผ่านโคลน ทำให้สมาชิกบางคนพลาดไปเหยียบ ผลคือเละเทะ
ไปตามๆ กัน (แต่ก็ยังหัวเราะกันอยู่) ระหว่างทางเดินพบเจอรอยเท้ากระทิงมากมาย สมาชิก
บางคนได้สอบถามกับเจ้าหน้าที่ ฯ ซึ่งได้รับคำตอบว่า ที่พบรอยมากขนาดนี้ เพราะเราใช้เส้นทาง
เดียวกับกระทิง จึงพบรอยเท้าของมันมากเป็นพิเศษ และแล้วก็ถึงจุดหมาย สมาชิกได้ร่วมกัน
โรยเกลือที่โป่ง ด้วยความสนุกสนาน
ไม่ทันหายเหนื่อยดี สมาชิกต้องเดินกันอีกครั้ง เจ้าหน้าที่เลือกใช้เส้นทางลงอีกเส้นทางหนึ่ง
ซึ่งจะใกล้กว่าขามา แต่อาจเหนื่อยกว่า เพราะทางชันกว่าเดิม เมื่อมาถึงที่จอดรถ แต่ละคน
เรียกได้ว่า "หมดสภาพ" ไปตามๆ กัน แต่ก็ยังหัวเราะร่าเริงกันได้อยู่ หลายคนผิดหวังที่ไม่ได้
เจอกระทิงตัวเป็นๆ อย่างที่ตั้งใจไว้ และก่อนเดินทางกลับขึ้นไปที่ห้องเรียนศึกษาธรรมชาติ
สมาชิกไม่ลืมที่จะมอบของที่ระลึกให้แก่เจ้าหน้าที่นำทาง เพื่อขอบคุณสำหรับการมาดูแลพวกเรา
ตอนนี้ถุงอาหารกลางวันของสมาชิกเรียกได้ว่าเป็น "ถุงยังชีพ" เลยก็ว่าได้ ภายในประกอบด้วย
ห่อใบตอง/หมูสวรรค์/น้ำพริกตาแดง พร้อมผักเคียง ภายในห่อใบตองเป็นข้าวเหนียว แต่ละคน
กินด้วยความเอร็ดอร่อย หลายคนบอกว่า อาหารในความเหนื่อยแบบนี้ ถือเป็นอาหารที่อร่อยที่สุด
เลยก็ว่าได้
แม้สมาชิกจะไม่เจอกระทิงตัวเป็นๆ แต่ไม่พลาดที่จะถ่ายรูปกับ "วิลลี" ตัวแทนกระทิง เป็นที่ระลึก
ด้วยความสนุกสนาน ก่อนเดินทางออกจากเขาแผงม้า เจ้าหน้าที่ ฯ ได้พาสมาชิกขับรถโดยรอบ
ด้วยระยะทางประมาณ 3 กิโลเมตร เส้นทางไม่ยากเกินกว่าความสามารถของนักเรียนสปิริท
หลังจากนั้นสมาชิกเดินทางกลับที่พัก เพื่อชำระล้างร่างกายที่เปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อไคล
เตรียมรับความสนุกสนานตอนกลางคืน
เมื่อสมาชิกพร้อม อาหารเย็นก็เสร็จพอดี มื้อนี้เป็นการปิ้งบาร์บีคิวกันแบบสบายๆ ปิ้งไปกินไปกัน
สนุกสนาน สมาชิกได้นั่งพักผ่อนกันตามอัธยาศัย แลกเปลี่ยนประสบการณ์ซึ่งกันและกัน
การเดินทางมาแคมพ์ครั้งนี้ หลายคนมีโอกาสนั่งแหงนมองท้องฟ้า เพื่อปลดปล่อยความสับสน
ที่อยู่ในใจ เรามีโอกาสเห็นดาวระยิบระยับเต็มท้องฟ้า อีกทั้งเห็นแสงพระจันทร์ที่สว่างไสว
เป็นบรรยากาศที่หาไม่ได้ในเมืองหลวงอันแสนวุ่นวาย ก่อนสมาชิกจะเคลิ้มกับบรรยากาศ
ไปมากกว่านี้ เกมสนุกๆ ก็เริ่มขึ้น
เกมที่ทุกครอบครัวต่างร่วมเล่น เรียกเสียงหัวเราะมากมาย เพื่อนสมาชิกคนอื่นหัวเราะเราบ้าง
เราขำคนอื่นบ้างสลับกันไป เช่น ปิดตาผู้หญิงแต่งหน้าผู้ชาย/มะเขือยาวตีลูกมะนาว ฯลฯ
ส่วนสมาชิกเด็กๆ ใช่ว่าจะไม่ได้ร่วมสนุก ได้เล่นเหมือนกัน เช่น เหยียบลูกโป่ง ทุกครอบครัวรับ
ของรางวัลกลับบ้านเพียบ
และแล้วก็ถึงเวลาที่สมาชิกต้องแยกย้ายกันเข้านอน ด้วยความเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้ามาตลอดวัน
เพื่อรอการท่องเที่ยวในรุ่งขึ้น
วันสุดท้าย 23 ตุลาคม 2549
งานเลี้ยงต้องมีวันเลิกรา
อย่างที่ใครๆ พูดกันว่า "ความสนุก มักผ่านไปเร็วเสมอ" เช้านี้ สมาชิกตื่นมาด้วยความสดชื่น
แจ่มใส เพราะเมื่อคืนหลับสนิทด้วยความเหนื่อย บวกกับอากาศที่เย็นสบาย สมาชิกปฏิบัติภารกิจ
ส่วนตัวแบบไม่รีบร้อน เมื่อจัดแจงกับตัวเองเสร็จ อาหารเช้าก็วางพร้อมอยู่บนโต๊ะ เป็นข้าวต้ม
แสนอร่อย ก่อนจะออกเดินทางจากบ้านชมดาว สมาชิกได้อำลาน้าชุมเจ้าของบ้าน ที่ให้การต้อนรับ
อย่างดีตลอด 3 วัน
ก่อนกลับสมาชิกได้เดินทางไป ไร่องุ่น กรานมอนเต (GRANMONTE) เพื่อซื้อของฝาก เมื่อมาถึง
วิสุทธิ์ โลหิตนาวี เจ้าของไร่ ออกมาต้อนรับด้วยความเป็นกันเอง และพาชมไร่องุ่นจนทั่ว
ก่อนมารับประทานอาหารอาหารว่างเป็นการตบท้ายการเดินทาง
ณ ที่นี้สมาชิกแยกย้ายกันกลับกรุงเทพมหานคร พร้อมบันทึกรอยยิ้มและเสียงหัวเราะไว้ใน
ความทรงจำ
การเติมเกลือในโป่งเทียม เป็นการเพิ่มแคลเซียมให้ดิน และกระทิงจะมากินดิน เพื่อสร้างเขา
ของตัวมัน และช่วยในระบบขับถ่าย
ขอขอบคุณ บริษัท เชฟโรเลต เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด สนับสนุนพาหนะในการเดินทาง
ABOUT THE AUTHOR
ป
ปาจรีย์ ทัศนาญชลี
ภาพโดย : ธีรวิทย์ โตจันทร์นิตยสาร 417 ฉบับเดือน มกราคม ปี 2550
คอลัมน์ Online : พิเศษ(4wheels)