คุ้นไหมครับ กับโปรยพาดหัวเรื่องเล่มนี้ ที่ได้ยินกันทางสื่อสารมวลชนวุ่นวาย แต่ท่านผู้มีเกียรติกล่าวหากัน ว่า ท่านก็ลอกนโยบายของกระผม พอคุณท่านตกกระป๋องไป คุณท่านก็โวยวายว่า ไอ้เจ้า คุณกระผมน่ะ ก็ลอกของคุณท่านงงดีไหมครับ คือ ไม่ว่าฯพณฯหัวเจ้าท่านค่ายไหน ได้ขึ้นมาสัมผัสกับตำแหน่งผู้บริหารบริษัท ประเทศไทย จำกัด ท่านก็จะต้องพยายามปฏิบัติตาม สิ่งที่ท่านได้หาเสียงเอาไว้ ก่อนจะได้รับเลือกตั้งเข้ามาเป็นท่านผู้ทรงเกียรติในสภา แม้ว่าจะต้องตะแบงไปบ้างก็ตามที โดยมีเสียงบ่นแบบเบาๆ ว่า ค่ายเก่าน่ะ มันไม่ได้เรื่อง ก็ไม่ได้ว่าอะไร เพราะพวกกระผมเป็นราษฎรเต็มขั้น ท่านจะบีบก็ตายจะคลายก็รอด แต่ได้อานิสงส์จากแผนงานของพณหัวเจ้าท่านบ้าง ก็ยังดี อีทีนี้พอพณหัวเจ้าท่านค่ายใหม่ ประกาศข่าวโครงการรถยนต์คันแรก ที่ราคาไม่เกิน 1 ล้านบาท ที่จะได้มาตรการภาษีสนับสนุน การมีรถยนต์คันแรกราคาไม่เกิน 1 ล้านบาท ขนาดไม่เกิน1,500 ซีซี ส่วนรถกระบะ ไม่กำหนดเครื่องยนต์ ผู้ซื้อต้องมีอายุ 21 ปี ต้องถือกรรมสิทธิ์ต่อเนื่อง 5 ปีสามารถขอคืนภาษีได้จากฐานคำนวณภาษี มีผลตั้งแต่บัดนี้ จนถึง 31 ธันวาคม 2555 เพื่อช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อย รวมถึงผู้ที่เริ่มต้นทำงาน จากนั้นก็มีรายการรถยนต์ที่สามารถลดหย่อน รับคืนภาษีได้เท่าตามที่จ่ายจริง โดยจะคืนเงินเป็นเชคให้ หลังจากวันที่ซื้อรถแล้ว 1 ปี ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2555 และมีเงื่อนไขว่า ผู้ซื้อต้องถือครองรถนาน 5 ปี ไม่สามารถโอนได้ ก็มีเรื่องตกหล่น มีเรื่องเพิ่มรุ่นรถเป็น 1,600 ซีซี ให้ได้เป็นข่าวกันเรียบร้อยไปแล้ว กำลังสงสัยอยู่ว่า พวกที่เพิ่งจบมาใหม่ๆ และได้เงินเดือนเริ่มต้น เดือนละ 15,000 บาท ตามที่พณหัวเจ้าท่านกล่าวเอาไว้ตอนหาเสียง ว่าจะมีความสามารถซื้อ และได้รับผลกระทบจากมาตรการนี้หรือเปล่า เอาเป็นว่า แค่เงินดาวน์ ร้อยละ 25 ถ้าซื้อรถราคา 1 ล้านบาท ต้องมีเงินวางดาวน์ 250,000 บาท ผ่อน 5 ปี ค่าป้ายวงกลม ค่า พรบ. บุคคลที่ 3 ค่าประกันภัยชั้นหนึ่ง สมมติว่าเป็นเงิน 30,000 บาท รวมเป็น 280,000 บาท ที่ต้องจ่ายทีแรก ค่างวดผ่อน 5 ปี อย่างต่ำก็ต้องมีเดือนละ 8,000 บาท เอาเงินดาวน์มาจากไหนเอ่ย แล้วแต่ละเดือน รับประทานอะไรมิทราบตกลงว่านี่คือประชานิยมหรือเปล่า แล้วราคารถยนต์มือสอง ที่ตอนนี้คันละไม่เกิน 1 ล้านบาท ในอีก 1 หรือ 2 ปีข้างหน้า หลังจากได้รับเชคเงินคืนจากมาตรการภาษีแล้ว ราคารถมือสองจะเป็นไง ถูกลงไปอีกคันละแสนหรือเปล่า เอ นี่อายุมากไปเปล่าเนี่ย คิดไกลจัง เอา เอา เอาเป็นว่า ถูกครับพี่ ดีครับนาย ผมยกมือให้ตลอดอยู่แล้วครับ ไม่กล้าขัดคอหรอกครับ กลัวว่าจะถูกคุกคามทางโซเชียลมีเดียนะครับ ส่วนเรื่องประชานิยมเรื่องอื่น ขอเว้นเอาไว้นะ หนูไม่เกี่ยว มาเรื่องของหนูมั่ง ฤดูผลิบาน ดอกไม้ยานยนต์ ปลายเดือนพฤศจิกายน นี้ เตรียมพบกับ ค่ายรถจักรยานยนต์ ที่ โมโตครอส ร่วมมือกับเรา ก็ได้ ทไรอัมฟ์ จากอังกฤษ ดูคาตี จากอิตาลี จักรยานยนต์ไฟฟ้า ยูดา จากจีน และ ฮอนดา จากญี่ปุ่น ส่วนค่ายรถยนต์มากันคับคั่ง 36 ยี่ห้อ พื้นที่ใหญ่สุดก็ต้องพี่ใหญ่ โตโยตา 1,600 ตารางเมตร ถัดไปเป็นมิตซูบิชิ กับ เชฟโรเลต์ เจ้าละ 1,480 ตารางเมตร ฮอนดา 1,400 ตารางเมตร นิสสัน 1,360 ตารางเมตรฮุนได 1,280 ตารางเมตร ในงานนี้ ท่านจะได้พบกับกลุ่มรถเล็กประหยัดพลังงาน หรือ อีโคคาร์ และบรรดารถเปิดตัวใหม่ รถไมเนอร์เชนจ์ หรือรถเปลี่ยนกระจังหน้าหลากรุ่น รวมทั้งสนาม สปิริท 4x4 ที่มาพบกันทุกครั้ง เชิญนะครับ แวะมาเยี่ยมเยียนกัน ที่อาคารชาลเลนเจอร์ อิมแพคท์ เมืองทองธานี แถมด้วยอีกเรื่องหนึ่ง ก็เรื่องการเรียกรถเข้ารับการบริการ เนื่องจากอาจเกิดปัญหา ที่ค่ายรถยนต์ตรวจพบได้ จึงอยากให้เจ้าของรถ นำกลับเข้ามาแก้ไข ก็ดีใจ ที่ค่ายรถยนต์เริ่มให้ความสนใจ ส่งจดหมายแจ้งไปยังเจ้าของรถที่ครอบครองคันแรก เชิญให้กลับมาเข้าศูนย์บริการ ส่วนใครที่ไม่ได้รับจดหมาย ก็ไม่ต้องตกอกตกใจไป ทั้งที่เป็นรถรุ่นเดียวกันก็ตาม เพราะคันของท่าน ไม่อยู่ในช่วงที่เกิดปัญหา แต่หากจะลองสอบถามดู ก็ไม่ผิดกติกาแต่ประการใด สำหรับผู้บริโภคทุกท่าน ก็สบายใจได้ ว่าค่ายรถยนต์ มีการตรวจสอบ ดูแลผลิตภัณฑ์ในค่ายของตัวเอง มากกว่าในอดีต ที่มีการทุบรถประจานกันสนุกสนาน เอ รถค่ายไหนหว่า 555 ขอวกกลับมาตัวเลขการขาย 8 เดือนที่ผ่านมา ที่ประสบปัญหาจากชิ้นส่วนบางอย่างจากประเทศญี่ปุ่น ที่ต้นเหตุจริงๆ คือ ภัยพิบัติ สึนามิ ที่เกิดขึ้น เมื่อเดือนมีนาคม ล่วงมาถึงตอนนี้ ก็เข้าที่เข้าทางแล้ว ค่ายรถยนต์ก็สามารถผลิตได้เต็มกำลัง แถมทำงาน 2 กะแล้วด้วย แต่ก็ต้องยอมรับว่า ช่วงที่ผ่านมา ค่ายรถยนต์ก็จำเป็นต้องแนะนำรถรุ่นใหม่ๆ สู่ตลาด ตามแผนงานที่วางไว้ก่อน ทำให้ยังมียอดค้างจองอยู่อีกจำนวนหนึ่ง ก็ต้องทำใจกันหน่อย ว่ารุ่นยอดนิยมที่ค้างจองเยอะๆ น่ะ ก็กำลังเร่งประกอบกันอยู่นา ไม่ได้ยึกยักแต่ประการใด ได้น่ะได้แน่ ว่าแต่จะเอาเส้นเล็กหรือเส้นใหญ่ล่ะ คุ้นๆ กันดีนะครับ