โค้งอันตราย
หลังจาก รถคันแรก
แม้ว่ายอดการขายรถยนต์ในไตรมาสแรกของปีนี้ จะจบลงอย่างงดงาม ด้วยยอดขายเดือนเดียว ขายกัน 155,982 คัน เพิ่ม 41.8 % ขณะที่ยอดรวมไตรมาสแรก เพิ่มขึ้น 47.8 % ด้วยตัวเลข 409,036 คัน แต่ผลพวงของรายการ รถคันแรก ก็ยังคงเป็นข่าวให้เห็นเป็นระยะ
มาดูกันว่า มีเรื่องอะไรบ้าง
เรื่องแรก ตลาดรถยนต์โดยเฉพาะรถในกลุ่มรถคันแรก ถูกดึงความต้องการซื้อไปใช้ ตั้งแต่ช่วงก่อนสิ้นสุดโครงการรถคันแรกจำนวนมากในปีที่ผ่านมา แม้ตัวเลขยอดขายในไตรมาสแรกของตลาดรถยนต์โดยรวมยังเติบโต แต่ค่ายรถยนต์ต่างๆ พยายามกระตุ้นตลาด และเร่งสร้างยอดขายใหม่เพิ่มเข้ามา
ทำให้มองได้ว่า ตั้งแต่ต้นปีนี้ ค่ายรถต่างๆ ก็มีการอัดพโรโมชันของแจกของแถม รวมไปถึงดอกเบี้ย 0 % แสดงให้เห็นว่ากำลังซื้อรถใหม่ลดลงมาก และส่งผลกระทบกับรถมือ 2 เพราะความต้องการลดลง แต่ปริมาณที่เข้ามาในตลาดรถมือ 2 มีเป็นจำนวนมาก ทำให้ราคารถต้องปรับลด ซึ่งกลายเป็น
เรื่องที่ 2 ผลกระทบกับตลาดรถมือสอง ราคาของรถมือสองในตลาดมีการปรับลดลงเพิ่มขึ้นโดยประมาณ 5 % จากเดิมรถมือสองอายุ 1 ปี ราคาจะปรับลดลงมา 20 % ก็เพิ่มขึ้นเป็น 25 % และจากเดิมที่สูงสุด 25 % ก็เพิ่มขึ้น 30 % โดยราคารถมือสองประเภทที่มีการปรับราคาลดลงมากที่สุด คือ กลุ่มที่ได้รับอานิสงส์จากรถคันแรกในปีที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นรถอีโคคาร์ รถเครื่องยนต์ไม่เกิน 1.5 ลิตร
ทำให้รถเก๋ง หรือรถยนต์นั่งมือ 2 ราคาตกมาก เพราะปีที่ผ่านมารถใหม่ หรือรถคันแรก ดึงกำลังซื้อไปหมด ประเมินกันว่า ตลาดรถมือ 2 จะเริ่มกลับมาสู่ภาวะปกติได้ในช่วงไตรมาสที่ 4 ของปีนี้ เพราะในเดือนพฤษภาคมเป็นช่วงเปิดเทอมของนักเรียน ก็จะมีการจับจ่ายใช้สอยในเรื่องหนังสือเรียน เครื่องแบบ ค่าบำรุงการศึกษา หลากเรื่อง
พอถึงไตรมาสที่ 3 ซึ่งเป็นช่วงฤดูฝน ถือเป็นช่วงโลว์ซีซัน ราคารถก็ยังคงทรงๆ ไม่ฟื้นตัว แต่คาดว่าไตรมาสที่ 4 หากภาพรวมเศรษฐกิจในประเทศดีขึ้น โดยราคาสินค้าทางการเกษตรยังดีต่อเนื่อง และรายได้ประชากรดีขึ้น ราคารถมือสองก็น่าจะกลับมาสู่ภาวะปกติ
เรื่องที่ 3 การขอยกเลิกไม่เข้าโครงการ รถคันแรก ทั้งที่วางเงินมัดจำจองรถไปแล้ว
ข้อมูลจากกรมสรรพสามิตระบุว่า ยอดการคืนเงินภาษีในโครงการรถคันแรก นับตั้งแต่วันที่ 29 ตุลาคม 2555-25 เมษายน 2556 พบว่ามีการคืนเงินไปแล้ว จำนวน 61,720 ราย จากจำนวนผู้เข้าโครงการทั้งสิ้น 1.25 ล้านราย และคืนเงินภาษีไปแล้วเป็นเงินทั้งสิ้น 4,984,404,932 บาท ขณะที่ผู้ที่ขอยกเลิกมีจำนวน 3,120 ราย
แม้ว่า การส่งมอบรถยนต์ภายใต้โครงการรถคันแรก ส่งมอบไปแล้วกว่า 50 % เริ่มปรากฏปัญหา คือ ผู้จองทิ้งใบจองไม่มารับรถยนต์ ไม่ส่งเอกสารการขอคืนภาษีรวมถึงไม่มารับรถ แม้จะได้สิทธิ์คืนภาษีแล้ว
ปัญหาดังกล่าวเชื่อว่าเกิดจากการที่ลูกค้าเริ่มรู้ตัวว่าไม่เหมาะกับรถยนต์ขนาดเล็ก เพราะอาจมองว่าไม่มีความปลอดภัย ทำให้เกิดการทิ้งใบจองขึ้น โดยเฉพาะเมื่อนำไปเปรียบเทียบกับแคมเปญของรถยนต์ขนาดใหญ่ที่ทำตลาดอยู่ขณะนี้แล้ว มองว่ารถขนาดใหญ่คุ้มค่ากว่า เนื่องจากบางรุ่นคืนภาษีได้ไม่ถึง 1 แสนบาท แต่กลับมีภาระผูกพัน ทำให้ผู้จองยอมทิ้งรถหรือยอมทิ้งเงินจองเรื่องถัดไป เป็นสิทธิ์การขายซากของรถคันแรก กรณีเกิดความเสียหายเกิน 75 % ที่ปัจจุบันกรมการขนส่งทางบกระบุว่าไม่สามารถทำได้ ทำให้บรรดาบริษัทประกันภัย เริ่มขวนขวายที่จะหาทางประสานงาน ให้สามารถขายได้ เพราะไม่รู้จะเก็บเอาไว้หาพระแสงด้ามยาวอะไร
ส่วนเรื่องที่เป็นข่าวครึกโครม ว่าเจ้าของรถยนต์ได้รับเงินโอนคืนตามสิทธิ์ แต่ผู้ซื้อรถยนต์เสียชีวิตไปก่อนจะได้รับสิทธิ์คืนเงิน ซึ่งกำหนดต้องถือครองรถยนต์ครบ 1 ปี และต้องทวงถามเพื่อให้ครอบครัวผู้เสียชีวิตคืนเงินนั้น ก็เป็นเรื่องการทำงานของเจ้าหน้าที่ ก็ว่ากันไป
ก็เลยชี้แจงกลับมาอีกรอบว่า มติคณะรัฐมนตรี (ครม.) ระบุไว้ชัดเจนว่ากรณีที่จะได้รับเงินคืน คือ ต้องถือครองรถยนต์ครบ 1 ปี นับตั้งแต่วันที่ได้รับการส่งมอบรถยนต์และห้ามจำหน่าย จ่ายโอนภายใน 5 ปี หากไม่สามารถทำตามเงื่อนไขที่กำหนดได้ก็ต้องนำเงินมาคืน ยกเว้นกรณีเสียชีวิต หากเสียชีวิตก่อนได้รับเงินคืนก็ไม่มีปัญหา แต่ถ้าได้รับเงินคืนไปแล้วและถือครองครบ 1 ปีแล้ว ทางครอบครัวก็ไม่ต้องนำเงินมาคืน
รวมถึงกรณีประสบอุบัติเหตุ หรือรถพังเสียหายต้องการขายเปลี่ยนมือ ก็ต้องนำเงินมาคืนเช่นเดียวกัน
ส่วนการขอยกเลิกเข้าโครงการ มีจำนวนกว่า 2,000 คน หรือ 2,000 คัน หากพิจารณาลงในรายละเอียดแล้วจะพบว่ามีหลายสาเหตุ ไม่ใช่มาจากกรณีผ่อนไม่ไหวจนถูกไฟแนนศ์ตามยึดรถ บางรายอาจจะรอรถไม่ไหว เพราะบางยี่ห้อจองไปแล้วกว่าจะได้รับรถก็ต้นปี 2557 เมื่อมีรถใหม่ๆ ออกมาสู่ตลาดจึงอาจทิ้งใบจองเปลี่ยนไปซื้อรถรุ่นอื่นแทน
ตัวเลขการขอยกเลิกเข้าโครงการรถคันแรก วันที่ 25 มีนาคม ที่ผ่านมา พบว่ามีจำนวนทั้งสิ้น 2,473 ราย มาจากไม่ต้องการใช้สิทธิ์ หรือน่าจะเป็นการทิ้งใบจองประมาณ 594 ราย มาจากสาเหตุที่ต้องการขาย หรือโอนรถอีก 308 ราย ต้องการเปลี่ยนยี่ห้อรุ่นรถ หรือเปลี่ยนใบจองอีก 156 ราย ไม่ผ่านไฟแนนศ์ หรือมีปัญหาทางการเงิน 129 ราย รถเกิดอุบัติเหตุ หรือสูญหายอีก 229 ราย เสียชีวิต 43 ราย มาจากการส่งมอบรถไม่ทัน มีปัญหาสุขภาพ หรือปัญหาครอบครัวอีก 148 ราย ที่สำคัญมีการบันทึกข้อมูลผิดพลาด หรือเปลี่ยนแปลงข้อมูล 498 ราย ซึ่งส่วนนี้น่าจะกลับเข้ามาอยู่ในโครงการตามเดิม แต่ที่มีปัญหาผิดเงื่อนไขก็มีไม่น้อยรวมกัน 352 ราย
นั่นก็เป็นเรื่องของ รถคันแรก ที่เข้ามาช่วยสร้างความโกลาหลอลหม่านบนท้องถนน ด้วยปริมาณของรถที่เพิ่มขึ้น ขณะที่พื้นที่ของถนน ไม่ได้เพิ่มตามอย่างเป็นสัดส่วนกัน
ก็ต้องทำใจกับสภาพการจราจร ที่ยังคงมีการก่อสร้างรถไฟฟ้า หลายสายในเขตกรุงเทพมหานคร และกำลังจะเริ่มอีกหลายสาย ที่จะมาช่วยให้การจราจรโกลาหลเพิ่มมากขึ้นอีก
เกิดเป็นคนกรุงเทพ ฯ หรือคนในจังหวัดใหญ่ๆ ก็ต้องทำใจกับการจราจรก็แล้วกัน
ไม่งั้นก็ต้องไปอยู่ในป่าสิเนอะ
เรื่องโดย : มือบ๊วย
นิตยสาร 399 ฉบับเดือน มิถุนายน ปี 2556
คอลัมน์ Online : โค้งอันตราย
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/90968