รถล่าสุด
Mercedes-Benz GLE 500 e 4MATIC ครอสส์โอเวอร์ เอสยูวี พลัก-อิน ไฮบริด
เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย)ฯ เปิดตัว Mercedes-Benz GLE 500 e 4MATIC ครอสส์โอเวอร์ เอสยูวี เทคโนโลยี พลัก-อิน ไฮบริด และ เครื่องยนต์เบนซิน วี 6 เทอร์โบคู่ พร้อมอินเตอร์คูเลอร์ 333 แรงม้า อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ที่ 5.3 วินาที ความเร็วสูงสุด 245 กม./ชม. ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า หรือ EV เพียงอย่างเดียวได้ไกลถึง 30 กม. ด้วยความเร็วสูงสุดที่ 130 กม./ชม.เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย)ฯ แนะนำ Mercedes-Benz GLE 500 e 4MATIC ครอสส์โอเวอร์ เอสยูวี เทคโนโลยี พลัก-อิน ไฮบริดรุ่นแรกของ เมร์เซเดส-เบนซ์ ที่ผสมผสานเทคโนโลยีล่าสุดของเครื่องยนต์ไฮบริด และรูปลักษณ์อันโฉบเฉี่ยวไว้ด้วยกัน มีให้เลือก 2 ดีไซจ์นด้วยกัน คือ Exclusive และ AMG Premium และยังปล่อย CO2 เหลือเพียง 83 กรัม/กม. ดีไซจ์นภายนอก สะดุดตา กระจังหน้าขนาดใหญ่ เส้นสายหลังคาถูกออกแบบให้ลาดเอียงไปทางด้านท้าย ที่เน้นดีไซจ์นแบบเรียบหรู ล้ำสมัย โดยรุ่นที่เปิดตัวในครั้งนี้ คือ GLE 500 e 4MATIC Exclusive และ GLE 500 e 4MATIC AMG Dynamic ที่ตกแต่งด้วยกระจังหน้าสีเงินเสริมโครเมียมแบบ 2 แถบ พร้อมตราสัญลักษณ์ เมร์เซเดส-เบนซ์ ตรงกลาง, กันชนด้านหน้าพร้อมช่องระบายอากาศขนาดใหญ่ล้อมรอบด้วยโครเมียม, ขอบหน้าต่างแบบโครเมียม, ปลายท่อไอเสียเสริมโครเมียม 2 ท่อ, ไฟหน้าแบบ LED Intelligent Light System,ไฟ daytime สำหรับการขับขี่ในเวลากลางวัน, ไฟเลี้ยวที่กระจกมองข้าง ไฟท้าย และไฟเบรค ดวงที่ 3 แบบ LED, กระจกมองข้างด้านผู้ขับขี่ และกระจกส่องหลังปรับลดแสงสะท้อนอัตโนมัติ, บันไดข้างสเตนเลสส์ดีไซจ์นสปอร์ท พร้อมปุ่มยางกันลื่น โดย GLE 500 e 4MATIC Exclusive จะมาพร้อมกับล้ออัลลอย ขนาด 20 นิ้ว สี Himalayas grey ส่วน GLE 500 e 4MATIC AMG Dynamic จะเพิ่มความสปอร์ทยิ่งขึ้น ด้วยล้ออัลลอย ดีไซจ์นสปอร์ทจาก AMG ขนาด 20 นิ้ว สี Titanium Grey, ชุดแต่ง AMG bodystyling ที่บริเวณกันชนหน้า-หลัง, จานเบรคหน้าแบบมีช่องระบายความร้อน, สัญลักษณ์ เมร์เซเดส-เบนซ์ บนคาลิเพอร์เบรคหน้า รวมถึงเพิ่มความรู้สึกกว้างขวางด้วยหลังคาพาโนรามิคซันรูฟเลื่อนเปิด-ปิด ได้ด้วยระบบไฟฟ้า (Electric Panoramic Sliding Glass Sunroof) ภายใน หรูหรา แฝงกลิ่นอายสปอร์ทเอาไว้เช่นเดิม ด้านบนของคอนโซลหน้า และด้านบนของแผงหุ้มประตูหุ้มด้วยหนัง Artico, พวงมาลัยมัลทิฟังค์ชันพร้อมระบบผ่อนแรงและปรับน้ำหนักตามความเร็วรถ, ปุ่มสตาร์ทเครื่องยนต์ (Push Start), ระบบควบคุมอุณหภูมิอัตโนมัติ THERMATIC แบบ 2 โซน และระบบสำหรับเชื่อมต่อโทรศัพท์เคลื่อนที่ Bluetooth โดยสำหรับ GLE 500 e 4MATIC Exclusive ตกแต่งด้วยเบาะนั่งหุ้มหนัง และมาพร้อมระบบมัลทิมีเดีย อย่าง วิทยุซีดี MB Audio 20 สำหรับ GLE 500 e 4MATIC AMG Dynamic จะตกแต่งด้วยเบาะนั่งหุ้มหนัง Nappa อีกทั้งยังมาพร้อมกับระบบ Comand Online, ระบบเสียงรอบทิศทาง Harman Kardon® Logic 7® และ ฟังค์ชันเชื่อมต่อโทรศัพท์มือถือระบบปฏิบัติการ iOS (Apply CarPlay) นอกจากนี้ ห้องโดยสารภายในของทั้ง 2 รุ่น มาพร้อมกับเบาะนั่งสำหรับผู้ขับขี่และผู้โดยสารด้านหน้าปรับระดับด้วยระบบไฟฟ้า พร้อมหน่วยบันทึกความจำ โดยเบาะนั่งด้านหลังสามารถพับได้ทั้ง 1:3/2:3 ตามความต้องการเพื่อเพิ่มพื้นที่ในการจัดเก็บของที่เพิ่มขึ้น พร้อมเพิ่มสุนทรียศาสตร์แห่งการขับขี่ด้วยไฟเรืองแสงล้อมรอบห้องโดยสารแบบ 3 สี เครื่องยนต์เบนซิน แบบ V เทอร์โบคู่ พร้อมอินเตอร์คูเลอร์ 6 สูบ ความจุ กระบอกสูบ 2,996 ซีซี กำลังแรงม้าสูงสุดที่ 333 แรงม้า และกำลังจากมอเตอร์ไฟฟ้าที่ 116 แรงม้า ที่ 5,250-6,000 รตน. แรงบิด 49.0 กก.-ม. ที่ความเร็วรอบ 1,600-4,000 รตน. อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ที่ 5.3 วินาที ความเร็วสูงสุด 245 กม./ชม. ขับเคลื่อนด้วยระบบส่งกำลังแบบเกียร์อัตโนมัติ 7G-Tronic Plus แบบ Direct Select พร้อมระบบเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย พร้อมด้วยการติดตั้งแบทเตอรีลิเธียม-ไอออน ขนาดความจุ 8.7 กิโลวัตต์ น้ำหนักประมาณ 114 กิโลกรัม ไว้ที่ใต้เพลาขับด้านหลัง ซึ่งมีระบบหล่อเย็นจากน้ำ และฝาป้องกันการกระแทกที่ผลิตจากแผ่นโลหะปิดทับไว้ อีกชั้นหนึ่ง เพื่อให้ผู้ขับขี่ได้รับความปลอดภัยสูงสุด โดยแบทเตอรีนี้สามารถชาร์ทไฟให้เต็มได้ภายในเวลาประมาณ 4 ชม. ส่งผลให้สามารถขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าหรือ Ev เพียงอย่างเดียวได้ไกลถึง 30 กิโลเมตร ด้วยความเร็วสูงสุดที่ 130 กม./ชม. GLE 500 e 4MATIC มาพร้อมกับระบบ Dynamic Select ที่มีโหมดการขับขี่ 5 แบบ คือ Individual ที่สามารถช่วยจดจำรูปแบบการขับขี่ของผู้ขับได้, Comfort ที่ช่วยให้ผู้ขับขี่รู้สึกผ่อนคลาย สะดวกสบายเหมือนขับรถซาลูน, Slippery เหมาะกับการวิ่งบนถนนที่ลื่น, Sport และ Sport+ เน้นการเพิ่มความเร้าใจให้กับการขับขี่ให้มากยิ่งขึ้น เลือกโหมดการทำงานของระบบ Plug-In Hybrid ได้ 4 แบบ ดังนี้ Hํฺybrid : การทำงานในรูปแบบนี้ รถยนต์จะถูกขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้า โดยระบบจะเน้นไปที่การใช้งานมอเตอร์ไฟฟ้าในการขับเคลื่อนให้มากที่สุด และใช้เครื่องยนต์ขับเคลื่อนเท่าที่จำเป็น หากกระแสไฟในแบทเตอรีมีปริมาณต่ำกว่า 20 % ระบบจะใช้เครื่องยนต์ในการขับเคลื่อนเท่านั้น และถ้าผู้ขับขี่ปรับเกียร์อัตโนมัติเป็นโหมดสปอร์ท (S) รถยนต์จะถูกขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์เพียงอย่างเดียวมอเตอร์ไฟฟ้าจะไม่ทำงาน E-Mode: สามารถขับเคลื่อนโดยใช้พลังงานไฟฟ้าอย่างเต็มรูปแบบ (ใช้มอเตอร์ไฟฟ้าเพียงอย่างเดียว) ได้จนถึงความเร็ว 130 กม./ชม. เป็นระยะทางสูงสุด 30 กม. โดยไม่มีการคายไอเสีย (ขึ้นอยู่กับระดับพลังงานของแบทเตอรีและความเร็วที่ใช้) โดยเฉพาะการขับขี่ในเมืองที่การทำงานของระบบนี้ สามารถครอบคลุมการใช้งานได้เป็นอย่างดี ผู้ขับขี่จะต้องไม่กดแป้นคันเร่งจนเกินแรงต้าน หากกดแป้นคันเร่งเกินแรงต้านเมื่อใด เครื่องยนต์จะเข้ามาทำหน้าที่ในการขับเคลื่อนรถยนต์ทันที E-Save : ในขณะที่เริ่มต้นใช้ E-Save ระดับกระแสไฟฟ้าที่มีอยู่ในแบทเตอรี high-volt ในขณะนั้นจะถูกบันทึกค่าไว้ จากนั้นระบบจะใช้เครื่องยนต์เป็นหลักในการขับเคลื่อน ส่วนมอเตอร์ไฟฟ้าจะถูกใช้น้อยที่สุด เพื่อรักษาระดับกระแสไฟฟ้าในแบทเตอรีให้มีปริมาณเท่าเดิมกับตอนเริ่มต้น ยกตัวอย่างเช่น ถ้ามีการวางแผนการเดินทางล่วงหน้าว่ากำลังจะต้องเดินทางเข้าเมืองที่มีการจราจรหนาแน่น หลังจากชาร์จแบทเตอรี High-Volt จนเต็มแล้ว ควรเลือก E-Save ในการเริ่มต้นเดินทางก่อนที่จะเข้าเมือง เมื่อขับถึงในเมืองก็จะมีปริมาณกระแสไฟสูงสุดที่จะใช้ E-Mode สำหรับการเดินทางในเมืองได้อย่างเต็มที่ Charge : การทำงานในรูปแบบนี้ รถยนต์จะถูกขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์เพียงอย่างเดียว โดยแบทเตอรี high-volt จะถูกรักษาระดับการชาร์จให้อยู่ในระดับปานกลางในขณะขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ และจะไม่มีการใช้มอเตอร์ไฟฟ้าในการขับเคลื่อนเลยเพื่อให้เกิดการชาร์จกระแสไฟฟ้าเข้าไปเก็บไว้ในแบทเตอรี high-volt อย่างต่อเนื่องแรงหมุนของเครื่องยนต์จะถูกนำมาแปลงเป็นพลังงานไฟฟ้าไปสะสมไว้ในแบทเตอรีและจะมีการแปลงพลังงานจลน์ที่เกิดจากการชะลอความเร็วหรือการเบรคให้แปรเปลี่ยนเป็นพลังงานไฟฟ้า และเก็บสะสมไว้ในแบทเตอรีอีกด้วย เมื่อชาร์จไฟเต็ม ระบบจะปรับไปที่การทำงานในรูปแบบ E-SAVE โดยอัตโนมัติ ระบบความปลอดภัยใหม่ที่ผสานความสะดวกสบาย และความปลอดภัยเข้าไว้ด้วยกัน ซึ่งเรียกว่าระบบ “Mercedes-Benz Intelligent Drive” เพื่อให้ผู้ขับขี่และผู้โดยสารได้รับความปลอดภัยสูงสุด ไม่ว่าจะเป็น ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ พร้อมฟังค์ชัน Electronic Traction System 4ETS, ระบบป้องกันก่อนเกิดเหตุ Pre-Safe system, พโรแกรมควบคุมการทรงตัวอัตโนมัติ (Electronic Stability Program - ESP), ระบบกันสะเทือนแบบ Airmatic, ระบบรักษาสมดุลของตัวรถเมื่อมีลมมาปะทะด้านข้าง (Crosswind assist), ระบบเบรค Adaptive Brake พร้อมฟังค์ชัน Hold และ Hill-start Assist, ไฟเบรคกะพริบอัตโนมัติเมื่อเบรคฉุกเฉิน (Adaptive Brake Light), ระบบเบรคป้องกันล้อลอค (Anti-lock braking system – ABS), ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี (Acceleration skid control –ASR), ระบบช่วยเตือนอาการเหนื่อยล้าขณะขับรถ (Attention Assist), ระบบรักษาความเร็ว (Cruise Control) และจำกัดความเร็ว (Speedtronic), เซนเซอร์ช่วยในการนำรถเข้าจอด (Parktronic), ระบบ ช่วยการนำรถ เข้าจอดอัตโนมัติ (Active Parking Assist) เป็นต้น GLE 500 e 4MATIC Exclusive ราคา 4,490,000 บาท GLE 500 e 4MATIC AMG Dynamic ราคา 4,990,000 บาท
ABOUT THE AUTHOR
ณ
ณัฐเวช ยอดแสง
คอลัมน์ Online : รถล่าสุด (บก. ออนไลน์)