บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้จำหน่ายรถยนต์ เอมจี บแรนด์ชั้นนำจากประเทศอังกฤษ เชิญเราไปทดสอบ รถยนต์ MG GS 1.5T ครอสส์โอเวอร์ เอสยูวี ที่เพิ่มรุ่นเครื่องยนต์เบนซิน 1.5 ลิตร เทอร์โบ 167 แรงม้า พร้อมเกียร์อัตโนมัติ แบบทวินคลัทช์ 7 จังหวะใหม่ล่าสุด มาในไลน์ผลิต จากเดิมทำตลาดในรุ่น เครื่องยนต์เบนซิน เทอร์โบ 2.0 ลิตร 218 แรงม้าภายนอกของ MG GS 1.5T 2WD ได้รับการออกแบบด้วยแนวคิด บริท ไดนามิค (BRIT DYNAMIC) สัดส่วนตัวรถ ยาว/กว้าง/สูง อยู่ที่ 4,500/1,855/1,689 มม. ระยะฐานล้อ 2,650 มม. เทียบกับรุ่น 2.0ที AWD ที่มีราวหลังคาเหมือนกันพบว่า ความสูงน้อยกว่า 10 มม. ซึ่งน่าจะมาจากขนาดยางที่เล็กกว่า ดูผิวเผินแทบจะเหมือนกับ รุ่น 2.0T AWD ทุกอย่าง ไฟหน้าพโรเจคเตอร์ หลอดแบบฮาโลเจน มีไฟส่องสว่างขณะขับขี่ในเวลากลางวัน หรือเดย์ไทม์ รันนิง ไลท์ กระจังหน้าทรงเรียวเชื่อมต่อกรอบไฟ บนฝากระโปรงมีเส้นสันคมโดดเด่น และยังเน้นโลโก MG กรอบไฟตัดหมอกทรงเหลี่ยมสอดรับกับแผงกันกระแทกรอบคัน ดูบึกบึน กระจกมองข้างพร้อมไฟเลี้ยว ไฟท้ายแอลอีดี ให้ความสว่าง ปลอดภัย ซันรูฟเปิด/ปิดด้วยระบบไฟฟ้า ใช้งานง่ายเพียงมือหมุน ระบบไฟหน้าเปิด/ปิดอัตโนมัติ ระบบปัดน้ำฝนอัตโนมัติ ระบบหัวฉีดน้ำล้างไฟหน้า ระบบปรับระดับไฟหน้าสูง/ต่ำอัตโนมัติ ไฟตัดหมอกหน้าและหลัง รวมถึงราวหลังคา มีแค่ล้ออัลลอย ที่เล็กลง เปลี่ยนมาใช้เป็นขนาด 17 นิ้วพร้อมกับยาง 215/60 R17 ห้องโดยสาร ตกแต่งด้วยวัสดุสังเคราะห์คล้ายหนังสีดำ ในแนวสปอร์ท คอนโซลเน้นเส้นสายเหลี่ยมคมแบบโมเดิร์น เบาะนั่งฝั่งผู้ขับแบบปรับไฟฟ้า 6 ทิศทาง เบาะนั่งด้านหลังสามารถปรับพับได้ แยกส่วนแบบ 60:40 เพื่อเพิ่มพื้นที่จัดเก็บสัมภาระด้านท้าย พวงมาลัยมัลทิฟังค์ชัน พร้อมระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ หรือครูสคอนทโรล และแพดเดิล ชิฟท์ ระบบกุญแจอัจฉริยะ สตาร์ทรถแบบ Push Start ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ และกระจกมองหลังปรับแสงอัตโนมัติ ติดตั้งเทคโนโลยีการสื่อสารอัจฉริยะ INKANET 12 ฟังค์ชัน ระบบนำทางเนวิเกชันแสดงผลผ่านหน้าจอทัชสกรีนขนาด 8 นิ้ว และระบบเครื่องเสียงตอบสนองความบันเทิงผ่านลำโพง 8 ตัว รองรับมัลทิมีเดีย และการเชื่อมต่อไร้สายผ่านบลูทูธ พร้อม USB และ AUX มีกล้องมองหลังและเซนเซอร์ถอยหลัง เรียกว่าให้มาครบ อุปกรณ์อำนวยความสะดวกหลักๆ พอกับรุ่น ทอพ 2.0 ลิตร เครื่องยนต์เบนซิน เทอร์โบ ขนาด 1.5 ลิตร TGI-TECH หัวฉีดไดเรคท์อินเจคชัน ให้กำลังสูงสุด 167 แรงม้า ที่ 5,600 รตน. แรงบิดสูงสุด 25.5 กก.-ม. ที่ 1,700-4,400 รตน. ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติคลัทช์คู่ 7 จังหวะ ขับเคลื่อน 2 ล้อ รองรับเชื้อเพลิง E85 คนละบลอคกับ MG5 และยังให้กำลังมากกว่า ได้เกียร์อัตโนมัติ 7 จังหวะ มาช่วยให้รอบต่ำ ขับประหยัดมากขึ้น จากตัวเลขการทดสอบของโรงงาน พบว่า อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ใน 9.6 วินาที อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง 16.1 กม./ลิตร ช่วงกิจกรรมวันแรกเราได้ทำการทดสอบอัตราสิ้นเปลือง เส้นทางจากจังหวัดอุดรธานี ถึงขอนแก่น ระยะทางประมาณ 105 กม. ในกิจกรรมขับประหยัดพบว่า รถทุกคันสามารถทำอัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ย อยู่ที่ประมาณ 18 กม./ลิตร ในช่วงความเร็ว ประมาณ 60-80 กม./ชม. เช้าวันที่ 2 เป็นการขับบนเส้นทางจากจังหวัดขอนแก่น-ชัยภูมิ-กรุงเทพฯ ระยะทางร่วม 500 กม. เรียกว่าวันนี้ทดสอบจุใจ เส้นทางมีทั้งถนน 4 เลน และ 2 เลนสวนกันตลอด สิ่งที่เราสัมผัสได้ คือ อัตราเร่งแซงของเครื่องยนต์ 1.5 เทอร์โบ นั้นตอบสนองได้ดี จากการสอบถามฝ่ายเทคนิค พบว่า เทอร์โบลูกนี้เป็นของ Honeywell มีบูสต์การทำงานในช่วง 0.9-1.4 บาร์ ระบบเกียร์ทวินคลัทช์ คลัทช์คู่แบบแห้ง ออกแบบและผลิตโดย SAIC Motor แก้ปัญหาเรื่องของความร้อนสะสม และใช้วัสดุที่ทนทาน เหมาะกับการใช้งานได้เป็นอย่างดี มีท่อใส่ของเหลวสำหรับระบายความร้อนในเกียร์ รวมถึงชุดปรับเปลี่ยนระบบการทำงานในเกียร์เป็นไฮดรอลิคแทนไฟฟ้า สร้างความมั่นใจได้มากขึ้น จังหวะการเปลี่ยนเกียร์ ราบเรียบ มีการจัดเรียงการทำงานของระบบคลัทช์คู่ที่แตกต่างจากทั่วไป ขับแล้วสนุกดี เร่งแซง มั่นใจมาก เติมคันเร่งเครื่องยนต์ก็ตอบสนองได้ดี ในทุกจังหวะ ถึงแม้จะไม่จี๊ดจ๊าดเหมือนกับเครื่องยนต์ 2.0 ลิตร เทอร์โบ ใน GS รุ่นพี่ก็ตาม แต่ก็แลกกลับมาด้วยอัตราสิ้นเปลืองที่ประหยัดกว่า ความเร็วปลาย ทางตรงยาว ลองทำทะลุ 180 กม./ชม. ได้อย่างไม่ยากเย็น ระบบรองรับด้านหน้าแบบอิสระ แมคเฟอร์สันสตรัท เหล็กกันโคลง ด้านหลังอิสระ มัลทิลิงค์ เหล็กกันโคลง โครงสร้างตัวถังนิรภัย มาตรฐานความปลอดภัย Synchronized Protection System 13 ระบบทำงานประสานเป็นหนึ่งเดียว ตั้งแต่การป้องกันล้อลอคขณะเบรคฉุกเฉิน พร้อมระบบช่วยกระจายแรงเบรค ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี และควบคุมการลื่นไถล ระบบควบคุมการเบรคขณะเข้าโค้ง ระบบควบคุมการทรงตัว ระบบป้องกันการไหลของรถ ช่วงล่างนุ่มหนึบ ในสไตล์ยุโรป ได้รับการเซทช่วงล่างหลังใหม่ โดยปรับปรุงในเรื่องของชอคอับ และสปริงชุดใหม่ ให้เหมาะสมกับการใช้งานมากขึ้น ขับแล้วรู้สึกได้เลยว่า ช่วงล่างหลังนั้นนุ่มขึ้น มีอาการให้ตัวตามลักษณะของถนนได้ดี นั่งแล้วรู้สึกสบาย ส่วนด้านหน้ายังเป็นช่วงล่างชุดเดียวกับรุ่น 2.0 เทอร์โบ เน้นแน่นหนึบ จิกเข้าโค้ง กอดโค้ง ได้แม่นยำ บังคับควบคุมได้มั่นใจเหมาะกับใช้เครื่องยนต์เทอร์โบ สำหรับระยะเวลาในการรับประกัน สูงสุด 4 ปี หรือ 120,000 กม. มีรถบริการตรวจเชคเคลื่อนที่ และ CALL CENTER 24 ชั่วโมง จากการขับทดสอบยาวๆ ในทริพนี้ สรุปได้ ว่า MG GS 1.5 TURBO เป็นรถที่น่าใช้อีกรุ่น เพราะได้ทั้งการตอบสนองการขับขี่ที่โดดเด่น ช่วงล่างกลิ่นอายยุโรป ในราคาที่โดนใจ ที่เหลือรอลุ้นในเรื่องของการสร้างบแรนด์ เพราะปัจจุบันผ่านมา 3 ปี มีถึง 60 โชว์รูมพร้อมศูนย์บริการทั่วประเทศแล้ว และยังขยายโรงงานผลิตขนาดใหญ่ขึ้นในประเทศไทย จึงมั่นใจได้ระดับหนึ่งว่า การกลับมาของบแรนด์เก่าแก่ครั้งนี้ คงไม่ได้มาเล่นๆ แน่นอน ข้อมูลจำเพาะ MG GS 1.5 TURBO ผู้ผลิตและจัดจำหน่าย บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ศูนย์ลูกค้าสัมพันธ์ โทร. 1-401-999-988 หรือติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ www.mgcars.com มิติ และน้ำหนัก ยาว/กว้าง/สูง (มม.) 4,500/1,855/1,689 ช่วงล้อ หน้า/หลัง (มม.) 1,574/1,593 ฐานล้อ (มม.) 2,650 น้ำหนัก (กก.) 1,460 ความจุถังเชื้อเพลิง (ลิตร) 55 เครื่องยนต์ แบบ 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว TURBO TGI-TECH ความจุ (ซีซี) 1,490 กระบอกสูบ/ช่วงชัก (มม.) 74.0/86.6 อัตราส่วนกำลังอัด 10:1 กำลังสูงสุด (แรงม้า/รตน.) 167/5,600 แรงบิดสูงสุด (กก.-ม./รตน.) 25.5/1,700-4,400 ระบบจ่ายเชื้อเพลิง หัวฉีดไดเรคท์อินเจคชัน ระบบถ่ายทอดกำลัง เกียร์ (จังหวะ) อัตโนมัติ 7 คลัทช์คู่ สปอร์ทรอนิคส์ ขับเคลื่อน (ล้อ) 2หน้า ระบบรองรับ หน้า อิสระ แมคเฟอร์สันสตรัท พร้อมเหล็กกันโคลง หลัง อิสระ มัลทิลิงค์ พร้อมเหล็กกันโคลง ระบบบังคับเลี้ยว แบบฟันเฟืองและตัวหนอน พร้อมเพาเวอร์ผ่อนแรงด้วยไฟฟ้า ระบบห้ามล้อ แบบ เอบีเอส อีบีดี อีบีเอ หน้า จาน พร้อมช่องระบายอากาศ หลัง จาน ราคา (บาท) 990,000