ผู้ร่วมทริพการเดินทาง “2017 MG Silk Road Driving Tour” ในครั้งนี้ประกอบด้วยกลุ่มลูกค้าชาวออสเตรเลียที่เป็นแฟนพันธุ์แท้รถยนต์คลาสสิคของ เอมจี รวมทั้งสิ้น 16 คน โดยตัดสินใจเริ่มต้นการเดินทางจากประเทศไทย เนื่องจากเล็งเห็นว่าประเทศไทย คือ ศูนย์กลางการดำเนินธุรกิจของ เอมจี และถือเป็นตลาดยุทธศาสตร์ของการผลิตยานยนต์ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
"บแรนด์ เอมจี มีชื่อเสียงมายาวนานร่วม 100 ปี จากความมุ่งมั่นสร้างสรรค์ประสบการณ์การขับขี่ที่ยอดเยี่ยมและความหลงใหลในบแรนด์ที่ถ่ายทอดมาจนถึงปัจจุบันอย่างไม่เสื่อมคลาย ขบวนรถสปอร์ทคลาสสิค เอมจี ทั้ง 8 คัน คือตัวอย่างที่ยอดเยี่ยมที่แสดงให้เห็นว่า เอมจี ส่งต่อดีเอนเอ การพัฒนารถสไตล์สปอร์ทที่ทุกคนจับต้องได้ ใช้งานได้ยาวนาน และให้ความสนุกสนานในการขับขี่ เอมจี คือ รถยนต์ที่มีความคุ้มค่าสำหรับทุกคนไม่ว่าจะเป็นการใช้งานในชีวิตประจำวัน หรือการเดินทางท่องเที่ยวทุกรูปแบบ ในฐานะตัวแทนของ เอมจี ในประเทศไทย ผมขอให้นักเดินทางทุกท่านขับขี่ถึงจุดหมายในกรุงลอนดอนโดยสวัสดิภาพ" พงษ์ศักดิ์ เลิศฤดีวัฒนวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าว
การพัฒนารถยนต์ของ เอมจี เริ่มต้นจากการแข่งขันมอเตอร์สปอร์ท นับตั้งแต่รุ่น โอลด์ นัมเบอร์ วัน (Old Number One) ซูเพอร์สปอร์ทคาร์ คันแรกของ เอมจี ที่รังสรรค์ขึ้นเพื่อการชิงชัยด้วยเครื่องยนต์ 1,548 ซีซี เกียร์ 3 จังหวะ โครงสร้างแชสซีส์ของมอร์ริส คาวเลย์ (Morris Cowley) คว้ารางวัลชนะเลิศในการแข่งขัน แลนด์ เอนด์ ทไรอัล เมื่อปี คศ. 1925 หลังจากนั้น เอมจี เดินหน้าพัฒนารถคุณภาพเยี่ยมมาอย่างต่อเนื่อง กระทั่งสร้างชื่อเสียงโด่งดังอีกครั้งกับรถสปอร์ทคลาสสิค ตระกูล MGA ที่ผลิตระหว่างปี คศ. 1955–1962 และรุ่น MGB ที่ได้รับการยอมรับจากลูกค้าทั่วทั้งทวีปยุโรป ทั้งในด้านคุณภาพและสมรรถนะ MGB นับเป็นหนึ่งในรถสปอร์ทที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดทั้งในด้านยอดขายและเสียงตอบรับของลูกค้าตลอดระยะเวลาการผลิตระหว่างปี คศ. 1962-1980 ด้วยรูปลักษณ์ที่สวยงามและความหลากหลายของสไตล์ตัวถังที่มีทั้งรุ่นหลังคาแข็งและหลังคาผ้าใบ พร้อมเครื่องยนต์ที่ทรงพลังและทนทาน โดยรถสปอร์ทคลาสสิค ทั้ง 2 รุ่นดังกล่าวจะเดินทางร่วมขบวนไปกับคาราวานครั้งประวัติศาสตร์ในครั้งนี้ด้วย
จอห์น บาสเทน หนึ่งในผู้ร่วมเดินทางซึ่งเป็นเจ้าของรถสปอร์ทเปิดประทุน MGB Roer สีทอง เปิดเผยว่า "รถสปอร์ทคันนี้ คือ รถในฝันตั้งแต่ผมยังเป็นเด็ก ไม่เพียงจะมีเครื่องยนต์ที่แข็งแรงทนทานราวกับหุ่นยนต์ แต่ยังให้ความสนุกสนานทุกครั้งที่ได้ขับขี่ ผมได้ลองขับ MGB คันนี้ขึ้นเขาใหญ่ โดยใช้เส้นทางถนนธนะรัชต์ที่มีทั้งทางโค้งและเนินลาดชัน ผมได้สัมผัสถึงระบบวิศวกรรมที่ยอดเยี่ยมของตัวรถ ถึงแม้จะผลิตมานานหลายสิบปี แต่ผมก็ยังประทับใจในสมรรถนะที่เร้าใจของตัวรถคันนี้มาก"
ปัจจุบัน ออสเตรเลีย เป็นหนึ่งในตลาดสำคัญของ เอมจี เช่นเดียวกันกับประเทศไทย โดยมีลูกค้าที่หลงใหลในรถยนต์ เอมจี ทั้งรุ่นใหม่และรุ่นคลาสสิค รวมตัวกันเป็นสมาชิกกลุ่ม MG Club ที่มีสมาชิกกว่า 4,000 คน สำหรับการเดินทางครั้งนี้ใช้เวลาวางแผนนานกว่า 2 ปี หลังจากออกเดินทางจากประเทศไทย คณะเดินทางจะขับขี่ผ่านประเทศจีน ซึ่งเป็นที่ตั้งของ เอสเอไอซี มอเตอร์ คอร์พอเรชัน ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของ เอมจี ในประเทศไทยและทั่วโลก ก่อนที่จะมุ่งหน้าสู่ประเทศอังกฤษ ผ่านทางตะวันออกกลางเพื่อมุ่งหน้าสู่เมืองอาบิงดัน ประเทศอังกฤษ ซึ่งเป็นที่ตั้งโรงงานแห่งแรกของ เอมจี เมื่อเกือบ 100 ปีที่แล้ว
ไมค์ เฮอร์ริฮี หนึ่งในผู้ร่วมเดินทางในทริพประวัติศาสตร์ครั้งนี้ ซึ่งเป็นเจ้าของรถสปอร์ทคลาสสิก MGB และรถคลาสสิกของ เอมจี อีก 7 คัน กล่าวว่า "ผมมีโอกาสทดสอบขับรถยนต์ เอมจี รุ่นใหม่ในประเทศไทยที่ศูนย์สร้างประสบการณ์การขับขี่ หรือ เอมจี ดไรฟวิง เอกซ์พีเรียนศ์ เซนเตอร์ โดยมีโอกาสทดสอบขับทั้ง เอมจี 3 และ เอมจี จีเอส ซึ่งผมมีความประทับใจเป็นอย่างมาก เพราะรถยนต์ เอมจี ยังคงเปี่ยมด้วยบุคลิกที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ผมได้รับความสนุกสนานเร้าใจในการขับขี่ สมรรถนะที่ให้ความสปอร์ท ผสมผสานความปลอดภัยแบบที่ เอมจี ในอดีตเคยตั้งสโลแกนว่า "MG Safety Fast" ผมเชื่อว่าเจ้าของรถ เอมจี ชาวไทยจะมีความประทับใจในสมรรถนะและคุณภาพของตัวรถเช่นกัน เพราะไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ใดในโลก เราทุกคนคือสมาชิกของครอบครัวเดียวกัน”