วันหยุดยาวแบบนี้ การขับรถคันรักท่องเที่ยวบนเส้นทางใหม่ๆ นับเป็นกิจกรรมที่คนรักรถอย่างเรา มีความสุขที่สุด "Autoinfo.co.th" ขอแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวแปลกๆ ใกล้กรุง ที่สามารถขับรถไปสนุกกันได้ทั้งครอบครัว1. "เฉลิมบูรพาชลทิต" เส้นทางสายฮิพของนักเดินทาง ถนนสุดฮิพที่สุดตอนนี้คงหนีไม่พ้น "เฉลิมบูรพาชลทิต" ถนนเลียบชายทะเลเส้นใหม่ที่ลัดเลาะอ่าวไทย ตั้งแต่ อ. แกลง จ. ระยอง ไปจนถึง อ. ขลุง จ. จันทบุรี ผ่านแหล่งท่องเที่ยวมากมาย แถมยังลดระยะเวลาเดินทางได้มาก ใครไม่เคยไป...เชยแย่ ! ลัดเลาะอ่าวไทย ระยอง-จันทบุรี ถนนเฉลิมบูรพาชลทิต เริ่มต้นจากวงเวียนสุนทรภู่ ใน อ. แกลง จ. ระยอง และไปสิ้นสุดที่ อ. ขลุง จ. จันทบุรี ระยะทางรวมทั้งสิ้นประมาณ 80 กม. ใช้เวลาเดินทางเพียง 1 ชม. ย่นระยะเวลาได้มาก ขนาบข้างด้วยเส้นทางเฉพาะสำหรับนักปั่นจักรยานที่สร้างไว้อย่างดีตลอดเส้นทาง เสน่ห์ของถนนสายนี้ อยู่ตรงทัศนียภาพที่สวยงามลัดเลาะชายทะเลเป็นระยะๆ อ่าวคุ้งวิมาน ตระการตาจุดชมวิว อ่าวคุ้งวิมานอยู่ในเขต อ. นายายอาม เป็นหาดทรายยาว เหมาะแก่การพักผ่อน มีจุดชมวิวที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งของภาคตะวันออก ชื่อว่า "เนินนางพญา" เป็นเนินเตี้ยๆ ยื่นออกไปในทะเล บนเนินนางพญาจะมองเห็นทัศนียภาพวิวสวยๆ ของทะเลเมืองจันท์ ยังมีที่ชมวิวอีก 1 แห่ง เรียกว่า จุดชมวิวพระยืน เป็นจุดชมวิวพระอาทิตย์ตกที่สวยงาม และเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปปางห้ามสมุทร ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของอ่าวคุ้งวิมาน หาดเจ้าหลาว แหล่งท่องเที่ยวดังแห่งเมืองจันทบุรี หาดเจ้าหลาว เป็นชายหาดที่อยู่ใกล้กับอ่าวคุ้งกระเบน มีชื่อเสียงโด่งดัง และเป็นชายหาดยอดนิยมที่นักเดินทางรู้จักกันดี จนกลายเป็นสัญลักษณ์แห่งหนึ่งของจันทบุรี เพราะเด่นด้านความสวยงามในบรรยากาศเงียบสงบ ร่มรื่นด้วยทิวมะพร้าว หาดทรายเป็นสีแดงละเอียด ซึ่งเป็นลักษณะพิเศษ กิจกรรมทางน้ำนอกจากเล่นน้ำชายหาด ยังมี บานานาโบท และดำน้ำดูปะการังน้ำตื้น ซึ่งอยู่ห่างจากฝั่งเพียง 2 กม. ทั้งยังมีเรือท้องกระจกให้บริการอีกด้วย การเดินทาง จากกรุงเทพฯ ใช้ทางพิเศษมอเตอร์เวย์ (7) ผ่าน อ. บ้านบึง (344) และ (3471) เพื่อเข้า อ. แกลง จากนั้นวิ่งตรงเข้าเมืองแกลง เข้าเส้นเรียบริมทะเล (3145) อีก 80 กม. ก็ถึงถนนเฉลิมบูรพาชลทิต เส้นทางนี้เป็นการเปิดโลกทัศน์แห่งการเดินทางบนถนนสายใหม่ ที่มีวิวสวยงามลัดเลาะชายฝั่งอ่าวไทย ซึ่งรอคอยนักเดินทางอีกหลายคนให้ได้ไปลองชมทัศนียภาพสวยๆ ใช้เวลาเดินทางจากกรุงเทพฯ เพียงไม่ถึง 3 ชม. เท่านั้น 2. "หุบป่าตาด" ป่าลึกลับ แห่งเมืองอู่ไท อุทัยธานี จังหวัดทางภาคกลางตอนบนที่มีแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติมากมาย หนึ่งในนั้น คือ "หุบป่าตาด" สถานที่ท่องเที่ยว Unseen in Thailand ของจังหวัด ดินแดนที่เสมือนหลุดเข้าไปในยุคจูราสสิค แต่เดิมเคยเป็นถ้ำมาก่อน ป่าแห่งนี้ ได้มีนักวิชาการสันนิษฐานไว้ว่า แต่เดิมเคยเป็นถ้ำมาก่อน แล้วเมื่อเปลือกโลกเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างเฉียบพลัน จึงทำให้เพดานของถ้ำถล่มลงมา กลายเป็นบ่อในหุบเขา ซึ่งมีจำนวน 2 ห้อง เนื้อที่รวมกว่า 2 ไร่ มีขอบบ่อสูงราว 150-200 ม. มีสภาพเป็นบ่อกลางภูเขาที่ลึกมาก ต้นไม้สามารถขึ้นได้เฉพาะบางพันธุ์เท่านั้น เพราะมีข้อจำกัดเรื่องแสงแดดส่องถึง บริเวณหุบเขานี้มีลักษณะคล้ายป่าดงดิบ และยังมีความชุ่มชื้นสูง แสงจะส่องถึงพื้นได้เฉพาะตอนเที่ยงวันเท่านั้น เป็นป่าดึกดำบรรพ์ที่อุดมไปด้วย "ต้นตาด" หรือ "ต้นต๋าว" (Areaga Penata) พืชตระกูลปาล์ม มีใบเป็นแฉกแผ่สยายกว้าง ชอบขึ้นในพื้นที่ป่าดงดิบที่มีอากาศเย็นชื้นสภาพหนาทึบ ตาดออกลูกเป็นทลายเล็กๆ กลมๆ ลูกตาดกินได้ ชาวบ้านนิยมนำเนื้อในมาทำเป็นเหมือนลูกจาก หรือลูกชิด ใบนำไปทำเป็นไม้กวาด ส่วนยอดอ่อนนำไปต้มจิ้มน้ำพริก นอกจากต้นตาดแล้ว ที่นี่ยังพบพันธุ์ไม้หายากอื่นๆ อีก เช่น ต้นกระพง ยมหิน ยมป่า ต้นปอหูช้าง เต่าร้าง เปล้า คัดเค้าเล็ก เป็นต้น ลอดอุโมงค์ ย้อนกาลเวลา การเดินชมนั้นต้องใช้ไฟฉาย เพราะต้องผ่านถ้ำที่มืดสนิท ยาวเกือบ 100 ม. และทางเดินในหุบเขาอีก 600 ม. ภายในถ้ำมีอุณหภูมิที่เย็นราวกับเปิดแอร์ค้างไว้ พร้อมกลิ่นฉุนของขี้ค้างคาว ถ้าเราส่องไฟขึ้นไปตามผนังถ้ำ ก็จะพบกับค้างคาวมากมายห้อยหัวมองเราอยู่ ถ้ำนี้เปรียบเสมือนอุโมงค์เวลา เพราะถ้าพ้นถ้ำมาได้ จะพบหุบเขาเบี้องล่าง ที่เหมือนห้องโถงใหญ่ที่มีภูเขาหินปูนโอบล้อม และเต็มไปด้วยต้นตาดเบียดเสียดกันหนาแน่น ให้ความรู้สึกเหมือนว่าได้มาอยู่ในโลกยุคดึกดำบรรพ์ ชวนให้นึกถึงหนังเกี่ยวกับไดโนเสาร์โดยไม่รู้ตัว เมื่อเดินตามทางเรื่อยๆ ก็จะไปสิ้นสุดบริเวณโพรงถ้ำ ที่มีลักษณะเป็นช่องประตูขนาดใหญ่ เดินทะลุถึงกันได้ ซึ่งถือเป็น "ไฮไลท์" ของที่นี่ เนื่องจากมีลักษณะของหินงอก หินย้อย ที่แปลกตา กระตุกต่อมจินตนาการได้มากมาย ทั้งหินรูปเต่ายักษ์ หินรูปหัวม้า หรือหินรูปกระปุกออมสิน แถมบางมุมที่มองออกจากโพรงถ้ำแล้วเจอต้นตาดที่แสงส่องมาถึงพอดี (ต้องมาตอนเที่ยงตรงเท่านั้น) ยังเป็นมุมมองหนึ่งที่สวยงามที่สุด ใครพกกล้องถ่ายรูป ไม่ควรพลาดการหามุมถ่ายรูปจากบริเวณนี้ การเดินทาง มุ่งหน้าสู่ อ. ลานสัก ด้วยเส้นทางสายเอเชีย (32) ผ่านตัวเมืองอุทัยธานี เพื่อไปเข้าเส้นทาง 3438 สู่ อ. ลานสัก จากกรุงเทพฯ ใช้ระยะทางประมาณ 300 กม. ก็ถึง หุบป่าตาด ยังมีสัตว์เลื้อยคลานที่หายากหนึ่งเดียวในไทย คือ "กิ้งกือมังกรสีชมพู" (Shocking Pink Millipede) สัตว์ที่ได้รับการประกาศให้เป็นสิ่งมีชีวิตชนิดใหม่อันดับ 3 ของโลก ซึ่งในประเทศไทยสามารถพบได้ที่หุบป่าตาดแห่งเดียวเท่านั้น 3. ชมสโตนเฮนจ์เมืองไทย ที่มอหินขาว สถานที่นี้อาจไกลไปนิด แต่คุ้มแน่นอนที่จะไป จังหวัดชัยภูมิ นอกจากมีทุ่งดอกกระเจียวในหน้าฝนที่กำลังจะถึงแล้ว ในช่วงฤดูร้อนอย่างนี้ ยังมีกลุ่มหินทรายทรงตั้งขนาดใหญ่ เจ้าของฉายา "สโตนเฮนจ์เมืองไทย" หรือ "มอหินขาว" ตั้งตระหง่านโดดเด่น ยิ่งถ้ามาเวลากลางคืนด้วยแล้ว จะเห็นดาวนับล้านส่องแสงระยิบระยับ ดั่งอยู่บนสรวงสวรรค์ มอหินขาว Unseen in Thailand สำหรับคนที่ชอบมองท้องฟ้าและดวงดาว ควรหาโอกาสมาเยือนสถานที่แห่งนี้สักครั้ง "มอหินขาว" Unseen in Thailand อีกแห่งของไทย ตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติภูแลนคา ต. ท่าหินโงม อ. เมือง จ. ชัยภูมิ ประกอบด้วยกลุ่มหินทรายสีขาวขนาดใหญ่วางเรียงรายกันดูคล้าย "สโตนเฮนจ์" ในประเทศอังกฤษ ซึ่งนักวิทยาศาสตร์บอกว่า เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของเปลือกโลก ที่สะสมทับถมดินตะกอนเป็นเวลาหลายล้านปี จนกลายเป็นหินรูปทรงแปลกตา ตามจินตนาการของผู้พบเห็น ชุดกลุ่มหิน รูปทรงแปลกตา มอหินขาว ประกอบไปด้วยประชากรกลุ่มหินหลายชุด กลุ่มหินชุดแรก คือ "เสาหิน 5 ต้น" ซึ่งถือเป็นไฮไลท์ที่มีความโดดเด่นที่สุด อันเป็นสัญลักษณ์ของมอหินขาว ที่เราคุ้นเคยกันดีจากภาพโฆษณาของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย แต่ละต้นมีความสูงประมาณ 12 ม. เสาหินที่ใหญ่ที่สุดมีขนาดเท่ากับ 22 คนโอบ ถัดไปจะเป็นกลุ่มหินชุดที่ 2 และ 3 มีชื่อว่า หินโขลงช้าง และหินต้นไทร ตามลำดับ อยู่ห่างจากกลุ่มแรกประมาณ 500 ม. หินกลุ่มนี้เรียกว่า "ดงหิน" มีลักษณะเป็นแท่งหินทรงแปลกตา รูปร่างคล้ายโขลงช้าง, กระดองเต่า หรือรองเท้าบูท จากจุดนี้สามารถขึ้นไปชมวิวที่กว้างไกลสุดสายตาของที่นี่ได้ ถัดจากนี้อีก 1,500 ม. ก็ถึงจุดชมวิว "ผาหัวนาค" ที่จุดนี้เราจะได้ชมทิวทัศน์มุมสูงที่สวยงาม จากระดับน้ำทะเลปานกลาง 905 ม. ซึ่งหน้าผาหินบริเวณนี้ จะเป็นกลุ่มหินที่ยื่นออกไปเล็กน้อย ใครที่กลัวความสูง จะเสียวจี๊ดๆ ที่หัวใจทันที แต่ภาพที่เห็นเบื้องล่างต้องบอกเลยว่า คุ้มค่าจริงๆ การเดินทาง จากกรุงเทพฯ ใช้เส้นทางสาย 2 (มิตรภาพ) พอถึง อ. สีคิ้ว ให้เลี้ยวซ้ายสู่ จ. ชัยภูมิ (201) จนถึงตัวเมือง จากนั้นขับรถขึ้นเหนือไปอีก 20 กม. (2051) จะถึงน้ำตกตาดโตน ถ้าวิ่งต่อไปอีก 15 กม. ก็ถึง มอหินขาว ตลอดทางมีป้ายบอกชัดเจน ใครคิดจะมานอนค้างแรมที่นี่ ต้องเตรียมตัวให้พร้อมกันสักหน่อย เตรียมเทนท์ พร้อมอาหารมาเอง เนื่องจากที่นี่ไม่มีที่พักให้บริการ มีแต่ห้องน้ำเท่านั้น ถ้าใครข้องใจสงสัย สามารถสอบถามได้ที่ อุทยานแห่งชาติภูแลนคา โทร. (044) 810-902-3