เมื่อรถไฟไหม้ คนส่วนใหญ่มักมโนว่ารถติดแกส มาแน่นอน ! แต่รู้หรือไม่ว่า รถที่ใช้เชื้อเพลิงน้ำมัน ก็มีสิทธิ์เกิดไฟลุกไหม้ได้พอๆ กัน ถ้าอุปกรณ์ชำรุด และตรวจเชคไม่เป็น autoinfo.co.th มีวิธีการตรวจเชคระบบเชื้อเพลิง ทั้งน้ำมัน และแกส มาฝาก พร้อมวิธีแก้ไขอย่างถูกต้องเมื่อเกิดไฟลุกไหม้
ตรวจดูท่อน้ำมันใต้ท้องรถ
วิธีการตรวจเชคสำหรับรถที่ใช้น้ำมันเชื้อเพลิงเป็นหลักนั้นไม่ยาก เริ่มจากสตาร์ทรถ และดมกลิ่นบริเวณห้องเครื่อง ท่อน้ำมันใต้ท้องรถ และถังน้ำมันท้ายรถ ถ้ามีกลิ่นน้ำมันแสดงว่ามีรอยรั่วทำให้น้ำมันระเหยออกได้ และอีกวิธี คือ มุดดูบริเวณใต้ท้องรถ ตั้งแต่ห้องเครื่อง จะมีท่อน้ำมันเชื้อเพลิงขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 1 ซม. บางรุ่นเป็นท่ออลูมิเนียม หรือเหล็ก บางรุ่นเป็นท่อยางยาวตลอดไปจนถึงบริเวณถังน้ำมันท้ายรถ ให้ตรวจดูสภาพของท่อว่ามีการผุกร่อนหรือไม่ โดยเฉพาะในจุดที่เป็นรอยต่อ ระหว่างถังน้ำมัน กับท่อส่งน้ำมัน รวมไปถึงบริเวณกรองเชื้อเพลิงด้วย ส่วนใหญ่จะพบรอยรั่วในรถที่มีอายุการใช้งาน 10 ปีขึ้นไป
เชคแกสรั่วด้วยฟอง
ส่วนรถที่ติดตั้งแกส ต้องเริ่มจากการติดตั้ง เลือกอู่กรมการขนส่งทางบกรองรับ รวมไปถึงอุปกรณ์ที่ติดตั้งทุกชิ้น ต้องมีมาตรฐานจากโรงงาน พร้อมการรับประกันที่ชัดเจน วิธีการตรวจเชค ให้สตาร์ทเครื่อง เปิดใช้ระบบแกส เปิดฝากระโปรงหน้ารถขึ้น ดมกลิ่นบริเวณห้องเครื่อง และถังแกส ตรวจเชคอุปกรณ์ เช่น นอท ที่รัดสายท่อแกส ต้องไม่หลุดหรือหลวม ไม่ขึ้นสนิม หรือหากไม่แน่ใจว่าแกสรั่วหรือไม่ ให้ผสมน้ำยาล้างจานกับน้ำ แล้วใช้ฟองน้ำจุ่มจนเกิดฟอง นำไปโปะที่บริเวณข้อต่อต่างๆ เช่น หัวฉีดแกส หม้อต้ม กรองแกส วาล์วถังแกส และจุกที่เติมแกสท้ายรถ ถ้าจุดไหนมีฟองผุดขึ้นมา แสดงว่าแกสรั่ว
ไฟไหม้ห้องเครื่อง อย่ารีบเปิดฝากระโปรง
เมื่อไฟไหม้รถยนต์ อันดับแรกควรตั้งสติ ไม่ตื่นตระหนก นำรถจอดข้างทาง ปิดสวิทช์แกส ดับเครื่องยนต์ทันที และรีบออกจากรถ ถ้าไฟยังลุกไม่มาก ให้รีบไปปิดวาล์วถังแกสท้ายรถ แล้วหาสิ่งที่ดับไฟได้ เช่น ถังเคมีดับเพลิง น้ำเปล่า หรือแม้แต่น้ำอัดลมก็ดับไฟได้ด้วยเช่นกัน ที่สำคัญอย่ารีบเปิดฝากระโปรงหน้าเพื่อหวังว่าจะราดน้ำหรือฉีดพ่นให้เพลิงดับได้เร็วขึ้น ให้ฉีดอัดเข้าไปในห้องเครื่องก่อน แล้วค่อยๆ แง้มฝากระโปรงเล็กน้อย ให้อากาศหรือลมเข้าไปได้น้อยที่สุด แล้วฉีดพ่น หรือราดน้ำเข้าไปให้มากที่สุด เพราะถ้าเปิดฝากระโปรงหน้าขึ้นจนหมด ไฟจะลุกไหม้รวดเร็วยิ่งขึ้นเมื่อเจอลมและอากาศ ถ้าดับเพลิงได้แล้วให้รีบถอดขั้วแบทเตอรีออกเพื่อตัดวงจรไฟฟ้า ไม่ให้ชอทจนเกิดประกายไฟได้อีก
ที่สำคัญอย่าลืมโทรแจ้งขอความช่วยเหลือ ที่ศูนย์แจ้งเหตุด่วนเหตุร้าย 191, ศูนย์รับแจ้งเหตุเพลิงไหม้ 199 หรือสายด่วนนิรภัย 1784

