สำนักข่าวรอยเตอร์ รายงานข่าวการเจรจาข้อตกลงทางการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกา กับเกาหลีใต้ ในส่วนของ เกาหลีเหนือนั้น ประธานาธิบดี Donald Trump ยังคงกีดกันด้านการค้าอันเนื่องมาจากการเจรจาด้านอาวุธนิวเคลียร์ ไม่ประสบผลสำเร็จแต่สำหรับเกาหลีใต้ มีความได้เปรียบทางด้านการส่งออกไปยังสหรัฐอเมริกา เพิ่มจำนวนมากขึ้นเป็น 2 เท่า นับแต่การลงนามในสัญญาข้อตกลงทางการค้า US-Korea Free Trade Agreement (KORUS) จากปี 2555 เมื่อปีที่ผ่านมา เกาหลีใต้ได้เปรียบจากการส่งออกด้านยานยนต์ไปยังสหรัฐอเมริกา จำนวนถึง 27.6 พันล้านเหรียญ และสหรัฐฯ ต้องการทำความตกลงใหม่ในเรื่องนี้ สหรัฐอเมริกา ตั้งกำแพงภาษีสำหรับรถกระบะจากเกาหลี ที่จะส่งเข้าไปจำหน่าย 25 % ซึ่งจะต้องลดลงจนเหลือ 0 % ภายในปี 2562 ตามข้อตกลงทางการค้าฉบับเดิม แต่สหรัฐฯ ต้องการให้คงอัตราภาษีนี้ไว้ เกาหลีใต้ มีผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ 2 ราย คือ Hyundai และ Kia ซึ่งต่างก็ต้องพึ่งพาการส่งออก อันเนื่องมาจากขนาดของตลาดในเกาหลี มีจำนวนไม่มากนัก “สหรัฐฯ ต้องการให้มีการตกลงสำหรับสินค้าที่ไม่มีกำแพงภาษี โดยเฉพาะอุตสาหกรรมยานยนต์ เราเองก็ยังไม่แน่ใจว่าสหรัฐฯ จะต้องการอะไรกันแน่ แต่เราก็ต้องเตรียมตัวให้พร้อม” แหล่งข่าวให้สัมภาษณ์ถึงการเตรียมการเจรจาข้อตกลงทางการค้าครั้งใหม่ การเจรจาครั้งใหม่ สหรัฐฯ นำโดย Michael Beeman ผู้แทนการค้า และ Yoo Myung-Hee ผู้อำนวยการ ผู้แทนจากรัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์ แหล่งข่าวด้านอุตสาหกรรมยานยนต์ของเกาหลีใต้ เชื่อกันว่า สหรัฐฯ ต้องการเพิ่มจำนวนของการส่งรถยนต์จากค่ายรถยนต์สหรัฐอเมริกา มายังเกาหลีใต้ 25,000 คัน ต่อยี่ห้อ ที่จะสามารถจำหน่ายได้ แม้ว่าตัวรถจะไม่ผ่านข้อบังคับด้านยานยนต์ของเกาหลีใต้ โดยเฉพาะเป้าหมายมลพิษจากค่าไอเสีย ที่ถูกมองว่า เป็นสิ่งกีดกันยานยนต์ของสหรัฐฯ อย่างไรก็ตาม เกาหลีใต้ เพิ่งยินยอมที่จะให้มีการเจรจาพูดคุยกับ เกาหลีเหนือ อีกครั้งหนึ่ง เพื่อตอบแทนตามที่ Kim Jong-Un ประธานาธิบดีเกาหลีเหนือ อ่านแถลงการณ์เมื่อวันปีใหม่ ในการพิจารณากรณีนักกีฬาของเกาหลีเหนือ จะเข้าร่วมการแข่งขันที่เกาหลีใต้ ขณะเดียวกัน การดำเนินการทางด้านการเมืองของรัฐบาลเกาหลีใต้ ก็พยายามถ่วงดุลอำนาจจากทั้งอเมริกา, จีน และ รัสเซีย ขณะที่สหรัฐฯ เอง ก็พยายามหาวิธีการที่จะเจรจาในทุกรูปแบบ เพื่อให้มีการพิจารณาเปลี่ยนแปลงข้อตกลงทางการค้าฉบับเดิมอีกครั้ง