การเดินทางไปขับรถลุยหิมะในครั้งนี้ เป็นส่วนหนึ่งของพโรแกรม The Ultimate Joy Experience ที่จัดขึ้นสำหรับผู้ใช้รถ BMW ที่เป็นสมาชิก The Ultimate Joy Experience ซึ่งจะมีโอกาสได้รับสิทธิพิเศษต่างๆ มากมาย อาทิ ร่วมทริพท่องเที่ยวราคาพิเศษ ทานอาหารมื้ออร่อย เข้าร่วมคอร์ส BMW Driving Experience สอนทักษะการขับขี่บนถนน ฯลฯต้องยอมรับว่า เราเฝ้ารอประสบการณ์ขับรถบนหิมะครั้งแรกมานาน โดยเฉพาะกับพโรแกรมนี้ เนื่องจากต้องจองกันข้ามปี และราคาก็สูงลิ่ว จนไกลเกินเอื้อม แต่ BMW สามารถทำราคาพิเศษ ที่ลดลงมากว่าครึ่ง การไปยังประเทศที่มีอุณหภูมิติดลบเกือบ 30 องศาเซลเซียสนั้น ต้องเตรียมตัวอย่างดีพอสมควร ตั้งแต่หัวจรดเท้า ไม่อย่างนั้นอาจจะหมดสนุกได้ เราจึงออกเดินทางพร้อมอุปกรณ์กันหนาวชุดใหญ่ จากท่าอากาศยานอาร์ลันดา กรุงสตอคโฮล์ม เราเดินทางต่อด้วยเครื่องบินเล็กแบบใบพัด ไปยังเมือง Arjeplog ทางตอนเหนือของสวีเดน ซึ่งเป็นเมืองแห่งการทดสอบรถ โดยเฉพาะในฤดูหนาว ถือว่าเป็นสนามหิมะที่ใหญ่ที่สุด สังเกตได้จากในสนามบิน จะมีป้ายประชาสัมพันธ์การเรียนขับรถบนหิมะ ของแทบทุกยี่ห้อ ทั้ง BMW, Mercedes-benz, Audi, Porsche และ volkswagen สนามทดสอบของ BMW ตั้งอยู่บริเวณเดียวกับ BMW Test Centre ใกล้ Arctic Circle ซึ่งมีรถต้นแบบ ที่ยังไม่เปิดตัวหลากหลายรุ่นรอการทดสอบ เสียดายที่ไม่อนุญาตให้ถ่ายรูปโดยเด็ดขาด เพราะยังเป็นความลับอยู่ สนามทดสอบกว้างขวางที่เราเห็นอยู่นั้น จริงๆ แล้ว คือ ทะเลสาบ ซึ่งในฤดูหนาวจะกลายเป็นลานน้ำแข็งขนาดใหญ่ เหมาะกับการอบรมยิ่งนัก เพราะมีความปลอดภัย และมีพื้นที่กว้างขวางเพียงพอ วันแรกที่ไปถึง เราอุ่นเครื่องก่อนไปดริฟท์กันบนหิมะ ด้วยการขี่ Snowmobile ล่าแสงเหนือกลางดึก จากประสบการณ์ที่เคยขี่ Snowmobile มาแล้ว บอกได้ว่าที่นี่ "ของจริง" เพราะตัวรถแรงมาก อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. เพียง 3-4 วินาทีเท่านั้น ตัวสนามมีความยาวมาก ใช้เวลาขี่เกือบ 1 ชั่วโมงเต็ม เล่นเอาเหนื่อยเลยทีเดียว เป็นการวอร์มอัพก่อนดริฟท์ได้ดีมาก วันรุ่นขึ้น ได้มีโอกาสไปนั่งสุนัขลากเลื่อน กิจกรรมแสนสนุกที่ใครมาที่นี่ห้ามพลาด เพราะจะได้เห็นวิวสวยๆ สองข้างทาง ท่ามกลางอุณหภูมิติดลบ 27 องศาเซลเซียส เป็นเวลาเกือบ 1 ชั่วโมงเต็ม ตอนบ่าย เริ่มพโรแกรมขับรถ BMW Ice Power Training ด้วยการฟังทฤษฎีบรรยายในห้องประมาณ 1 ชม. สาธิตท่านั่ง การจับพวงมาลัยที่ถูกต้อง ตามหลักสูตรของ BMW และอธิบายอาการของรถที่จะเกิดขึ้นบนหิมะ ไม่ว่าจะเป็นอาการ Over-steering หรือรถหมุน อาการ Under-steering หรือแหกโค้ง พร้อมวิธีแก้ไข วิธีการทำดริฟท์ ยางพิเศษที่ใช้บนหิมะ เป็นต้น หลังจากนั้น เดินทางด้วยรถบัสต่อไปยังสนามทดสอบ เพียงแค่ 15 นาทีจากโรงเเรมเท่านั้น ทันทีที่ถึงสนาม มองเห็น BMW M4 จำนวน 10 คัน จอดเรียงกันสวยงาม พร้อมสำหรับการอบรม ช่วงเวลานั้น ประมาณบ่าย 3 โมง แต่ฟ้าเริ่มมืดแล้ว สถานีแรก Handling with different Modes ทำความคุ้นเคยกับรถ การหมุนพวงมาลัย และทดสอบระบบรถ ด้วยการขับสลาลอมตามไพลอนที่วางไว้ เริ่มจากการเปิดระบบ DSC จะเห็นได้ว่า รถไม่เสียอาการ ระบบจะช่วยดึงรถไม่ให้หลุด หลังจากนั้น ให้ทดลองระบบ MDM (M Dynamic Mode) ซึ่งทำให้เมื่อขับในหิมะ จากคนที่ดริฟท์ไม่เป็น จะรู้สึกว่าตัวเองดริฟท์เก่งขึ้นมาทันที เพราะระบบจะสั่งการให้ล้อหมุนฟรีได้ แต่ยังสามารถควบคุมรถไม่ให้หมุน สัมผัสถึงอาการท้ายปัดได้ชัดเจน ไม่หวาดเสียวมาก เพราะระบบคอยช่วยดึงไว้ พอทำความคุ้นเคยกับรถได้ช่วงหนึ่งแล้ว สุดท้ายเป็นการขับโดยปิดระบบการช่วยเหลือทั้งหมด หรือที่เรียกว่า DSC Off ทีนี้ก็ตัวใครตัวมัน ทุกอย่างอยู่ที่ฝีมือคนขับล้วนๆ รอบแรกๆ ก็หมุนกันไป เพราะกว่าจะหาจังหวะเร่งและถอนคันเร่งเจอ เนื่องด้วยรถ M4 แรงมาก พื้นถนนก็ลื่น จะต้องเรียนรู้วิธีควบคุมรถให้นุ่มนวลที่สุด หลังจากนั้น ต่อด้วยสถานี Half Circle Drift with Emergency Brake เป็นแบบฝึกหัดที่ฝึกให้เราดริฟท์ครึ่งรอบวงกลม และฝึกการเบรคฉุกเฉินบนพื้นหิมะ ทำให้เรารู้ว่า ในขณะที่ถนนลื่น โดยเฉพาะบนน้ำแข็งแบบนี้ เราต้องเผื่อระยะเบรคมากขึ้นอีกหลายเท่า แม้จะมีระบบ ABS มาช่วยก็ตาม ยิ่งใช้ความเร็วสูงขึ้น ระยะเบรคก็จะยาวขึ้นเป็นเงาตามตัว หลังจากจบการอบรมวันแรก เรามีความคุ้นเคยกับรถมากขึ้น พอจะเข้าใจและแก้ไขอาการดริฟท์ได้พอสมควร พร้อมจัดเต็มในวันรุ่งขึ้น ดริฟท์หลุดโลก ประสบการณ์ลืมไม่ลง !!! อีกหนึ่งวันเต็ม ที่เรามีโอกาสได้ฝึกดริฟท์กันจริงจัง เริ่มตอนเช้าด้วยการฝึกดริฟท์แบบวงกลม สิ่งพิเศษสุดที่ไม่เคยเห็นจากที่ไหนก็คือ รถแต่ละคันมีวงดริฟท์ของตัวเอง ซึ่งถือว่าเป็นการฝึกแบบเอกซ์คลูซีฟมาก เพราะการอบรมทั่วไปในทั่วโลก จะใช้แค่วงกลมเดียวในการฝึกรถอย่างน้อย 5 คัน แต่ละคันต้องใช้เวลารอต่อคิวฝึก แต่ที่นี่เตรียมไว้ 5 วง สำหรับ 5 คันในกลุ่มเรา ทำให้สามารถแยกฝึกกันได้อย่างเต็มที่ วงกลมที่วางไว้ให้ฝึก จะมีไพลอนสีแดงวงเล็กตั้งอยู่ตรงกลาง ซึ่งการฝึกจะเริ่มดริฟท์จากวงใหญ่ก่อน ถ้าคล่องแล้ว ก็ให้มาดริฟท์เป็นโดนัทรอบไพลอนสีแดง สุดท้ายให้ดริฟท์ต่อเนื่อง จากวงใหญ่ มาวงเล็ก และกลับไปวงใหญ่ เป็นการเริ่มออร์เดิร์ฟดริฟท์ที่มันมาก แบบฝึกหัดที่ 2 เรียกว่า Drift Around Natural Circle มีทางโค้งเหมือนเลข 8 ติดกัน 2 วง เป็นช่องเลนเเคบๆ และมีกำแพงหิมะล้อมรอบ ตอนแรก ครูฝึกขับพาดูเส้นทาง เราแอบหวั่นๆ เพราะไม่เคยดริฟท์ทางแคบมาก่อน รถอาจจะปักเข้าไปในกำแพงหิมะได้ สิ่งที่ท้าทายกว่านั้น คือ ในกลุ่มมีรถ 6 คัน รวมรถครูฝึก แต่ละวง จะมีรถ 3 คันวิ่งอยู่ และให้แต่ละคนดริฟท์ตามกัน ความกดดันจึงเกิดขึ้น เพราะถ้าเราพลาด คนข้างหลังจะไปไม่ได้ หรือถ้าเราช้า คนข้างหลังก็อาจไล่หลังตามมาติดๆ ได้ เป็นการดริฟท์ที่ต้องใช้สมาธิมาก แต่ก็ท้าทายดี วงกลม 2 วง จะได้ฝึกขับทั้งแบบทวนเข็มนาฬิกา และตามเข็มนาฬิกา แต่ละคนถนัดไม่เหมือนกัน ข้างไหนที่ไม่ถนัด ก็อาจปักกำแพงหิมะไปบ้าง ครูฝึกมีทีมกู้ภัย โดยใช้ X5 ที่สามารถลากรถ M4 ออกจากกำแพงหิมะโดยง่ายดายและรวดเร็ว จนตอนหลังๆ การเอารถ M4 ไปปักในหิมะ กลายเป็นเรื่องธรรมดาไปแล้ว และทำให้เรารู้ว่า เราสามารถฝึกได้เต็มที่ โดยที่รถไม่ได้รับความเสียหายแต่อย่างใด มันคือโอกาสดี ที่เราจะได้ใช้ความสามารถของเรา และของรถอย่างเต็มที่ หลังจากพักเที่ยง เราก็ดริฟท์ต่อเนื่องด้วยการขับ Rally Parkour บนเส้นทางเหมือนสนามแข่ง แต่ไม่ใช่ทางเรียบธรรมดา เพราะต้องดริฟท์เข้าโค้งทั้งซ้าย และขวาอย่างต่อเนื่อง เป็นการทบทวนแบบฝึกหัดที่ฝึกมาในครึ่งเช้า ซึ่งการฝึกบ่ายเมื่อวาน และเช้าวันนี้ ทำให้แต่ละคน ดริฟท์ได้อย่างเป็นธรรมชาติ และเป็นหนึ่งเดียวกับรถ เป็นการฝึกดริฟท์ที่รวดเร็วทันใจ สาดเข้าโค้งกันแบบไม่เชื่อว่านี่คือเราขับกันเอง บางคนในกลุ่ม ถึงกับบอกว่า เหมือนได้ย้อนวัยเด็กอีกครั้ง พอขับกันได้สักพัก ก็เริ่มมืด และเข้าสู่ช่วงสุดท้ายของความมัน คือ Rally Parkour ที่เป็นแบบ Full Track โดยขับตามกันทุกคัน ตอนแรกก็ชั่งใจอยู่ ว่าจะขับดีไหม เพราะทางมืดมาก มองไม่ค่อยเห็น เกรงว่าจะปักเข้าไปในหิมะ ทำให้คนอื่นๆ เสียเวลา แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจว่า ไหนๆ มาแล้ว ต้องเอาให้สุด และเขามีทางให้หลบจอด เผื่อรถมีปัญหา หรือเราต้องการพัก เนื่องจาก เราได้ทำความคุ้นเคยกับรถกันพอสมควร ประกอบกับทักษะการดริฟท์ที่ฝึกกันมาทั้งวันรวมถึงเมื่อวาน ทำให้เรากลายเป็นหนึ่งเดียวกับรถมากขึ้น ใช้ความเร็วสูงขึ้น เล่นกับอาการรถได้มากขึ้น จึงได้รู้ว่า BMW M4 คันนี้ "มาตามสั่ง" ไม่ว่าจะเป็นการตอบสนองคันเร่ง หรือการตอบสนองของพวงมาลัย จังหวะการเข้าเกียร์ในโหมด Manual ก็มันสุดๆ ตัวรถเปรียบเสมือนเป็นแขนขา ที่อยากให้มันไปทางไหน มันก็ไปทางนั้น นั่นเป็นเพราะ การกระจายน้ำหนัก 50/50 ที่ BMW M4 ทำได้ดีมาก การควบคุมรถจึงง่าย และขับสนุก สรุปแล้ว สิ่งที่สำคัญในการขับบนหิมะที่เราได้เรียนรู้ คือ เราต้องมีความนุ่มนวลกับคันเร่ง พวงมาลัย และอ่านอาการรถให้ออก คอร์ส BMW Ice Power Training ที่ให้ประสบการณ์ขับบนหิมะเต็มๆ แบบนี้ หาที่ไหนไม่ได้แล้ว ไม่ว่าจะเป็นสถานที่ที่ดีที่สุดสำหรับการฝึกขับบนหิมะ และทีมครูฝึกที่ได้รับการฝึกฝนมาอย่างดี ระดับ Certified BMW Driving Instructor จากประเทศเยอรมนี ทำให้ผู้อบรมได้รับประสบการณ์และความรู้ และทักษะการดริฟท์เป็นโบนัส ยิ่งกว่านั้นยังมีอีก 2 คอร์ส ที่สามารถมาเรียนต่อได้ในระดับที่สูงขึ้น คือ BMW Ice Perfection Training และ BMW Ice Fascination Training ที่สอนเชิงลึก และยากขึ้นไปอีกระดับ โดยใช้เวลาเรียนประมาณ 3-5 วัน ผู้สนใจ สามารถติดตามข้อมูลและจองคอร์สได้ที่ www.bmw-drivingexperience.com หรือสมัครเป็นสมาชิก The Ultimate Joy Experience ก็สามารถไปร่วมทริพสุดพิเศษได้เช่นกัน