Geely Automobile Holdings ทำรายงานแจ้งตลาดหลักทรัพย์ ถึงผลการดำเนินงานในปี 2560 ที่ผ่านมา สามารถทำผลกำไรสุทธิ เพิ่มขึ้นถึง 108 % คิดเป็นจำนวนเงิน 10.6 พันล้านหยวน หรือราว 53 พันล้านบาท จากผลการดำเนินงานในประเทศจีน ที่ได้รับความนิยมเอสยูวี เพิ่มมากขึ้นค่ายรถยนต์ที่โด่งดังแห่งประเทศจีนนี้ มีรายได้เพิ่มขึ้น 73 % รวม 92.8 พันล้านหยวน หรือราว 464 พันล้านบาท จากปีก่อน เติบโตมากกว่าค่ายรถยนต์ใดๆ ในประเทศจีน จากวิสัยทัศน์ของ Li Shufu ประธานฯ ที่ก้าวเข้าสู่ตลาดโลก ด้วยการซื้อหุ้นของ Volvo, หุ้นของผู้ผลิตรถบรรทุก AB Volvo, ผู้ผลิตรถยนต์นั่ง Proton จากมาเลเชีย, ผู้ผลิตรถยนต์ที่บินได้ Terrafugia และ Black Cab แทกซี ลอนดอน ล่าสุดที่ชอคโลกรถยนต์มากสุด คือ การใช้เงิน 9 พันล้านเหรียญ เข้าเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ในค่าย Daimler Geely ระบุว่า การทำธุรกรรมมากมายในหลายปีที่ผ่านมา จะช่วยให้ “มีโอกาสในการได้รับเทคโนโลยี และการแบ่งปันต้นทุน เพื่อให้ได้ขนาดที่เหมาะสม และก้าวเข้าสู่ตลาดยานยนต์ใหม่ๆ” “ในระยะยาว ธุรกรรมต่างๆ เหล่านี้ จะช่วยสร้างความเติบโตให้กับกลุ่ม Geely” ท่านประธาน Li มีความปรารถนาอย่างแรงกล้า ที่จะนำ Geely ให้เข้าสู่ผู้ผลิตยานยนต์ระดับโลก และส่วนหนี่งของแผนงาน โดยการ แนะนำรถยนต์ Lynk & Co ในปี 2559 โดยมุ่งเป้าไปที่ผู้บริโภคยุคใหม่ ที่อายุน้อย และจะเริ่มสายการประกอบในโรงงานของ Volvo ที่เบลเยียม ในไม่ช้านี้ ด้วยแผนงานดังกล่าว ความเชี่ยวชาญของ Daimler ผู้ผลิตรถยนต์ Mercedes-Benz และ Volvo นับเป็นสิ่งมีค่าอย่างยิ่ง เพราะผู้ผลิตเหล่านี้ ผลิตรถยนต์จำน่ายในตลาดตะวันตกมาเนิ่นนาน แม้ว่า Geely จะมีเทคโนโลยีใหม่ๆ อย่าง บริการเชื่อมต่อออนไลน์ และ ยานยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยตัวเองก็ตาม ในปี 2561 นี้ Geely ตั้งเป้าจำหน่ายรถยนต์ 1.58 ล้านคัน เพิ่มขึ้น 27 % จาก 1.25 ล้านคัน ในปี 2560 ซึ่งเติบโตน้อยกว่า ปี 2560 ที่เติบโตจากปี 2559 ถึง 63 % ส่วนการส่งออก Geely ก็ส่งออกได้ลดลง 46 %
บทความแนะนำ