ค่าย Daimler ออกแถลงการณ์อย่างเป็นทางการ ลดประมาณการผลกำไร สำหรับปี 2561 อย่างเป็นทางการ โดยระบุว่า เป็นเพราะสงครามทางการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกา และประเทศจีน รวมทั้งความเข้มงวดในด้านค่าไอเสียในหลายประเทศ ทำให้เกิดความตึงเครียดทางด้านความเข้มแข็งของผลิตภัณฑ์ขณะที่การขึ้นภาษีนำเข้าจากสหรัฐอเมริกา ไปยังประเทศจีน จะทำให้ยอดการขายรถยนต์ Mercedes-Benz ในจีนลดลงอย่างแน่นอน จะเป็นผลทำให้ผลกำไรก่อนหักภาษีในปีนี้ลดลง แม้ว่าก่อนหน้านี้ Daimler ยังประเมินว่า ผลกำไรก่อนหักภาษี จะมีเพิ่มขึ้นเล็กน้อย “เราเชื่อว่า ไม่เพียง Daimler ผู้ผลิตรถยนต์ที่ถูกต้อง ที่จะทำผลกำไรได้ลดลงเท่านั้น ค่ายผู้ผลิตรถยนต์อื่นๆ ก็น่าจะประสบปัญหาใกลเ้คียงกัน ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของปัญหาในแต่ละค่ายรถยนต์เท่านั้น” นักวิเคราะห์จาก Morgan Stanley ระบุ ค่าย BMW ซึ่งส่งออกรถเอสยูวีจากสหรัฐอเมริกา ก็น่าจะประสบปัญหาเดียวกับ Daimler รวมทั้งการตรวจสอบค่าไอเสียที่เข้มงวด น่าจะทำให้รถยนต์ที่ผลิตจากยุโรป ประสบปัญหาในครึ่งหลังของปีนี้ มูลค่าหุ้นของ Daimler ลดลง 3.8 % ในเยอรมนี ขณะที่ BMW และ Volkswagen ผู้ผลิตจากเยอรมนีอีก 2 ราย ก็ลดลง 2.7 % และ 1.3 % ตามลำดับ ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมพ์ ประกาศขึ้นอัตราภาษีนำเข้าสำหรับสินค้าจากประเทศจีน 200 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ขณะที่ประเทศจีนก็เตือนว่า จะขึ้นอัตราภาษีสินค้านำเข้าจากสหรัฐอเมริกา ในอัตราใกล้เคียงกัน ซึ่งนั่นจะเท่ากับ กระทบกับรถยนต์ Mercedes-Benz รุ่นเอสยูวี ที่ประกอบจากอลาบามา ขณะที่ Hakan Samuelsson ซีอีโอ Volvo ก็ส่งคำเตือนว่า การขึ้นภาษีนำเข้าของทั้ง 2 ประเทศ จะกระทบกระเทือนกับผู้ผลิตในสหรัฐอเมริกา ที่จ้างแรงงานมากถึง 4,000 ราย สำหรับโรงงานประกอบรถยนต์แห่งใหม่ในเซาธ์แคโรไลนา มูลค่าหุ้นของค่ายรถยนต์ในสหรัฐอเมริกา พากันลดลงอย่างมีนัยยะสำคัญในช่วงที่ผ่านมา หลังจากผู้ลงทุนพากันตระหนักถึงความเสี่ยงของผู้ผลิตรถยนต์ ที่จะต้องเสียภาษีนำเข้าเพิ่มขึ้น