ธุรกิจ
โบช เผยผลประกอบการและยอดขายปี 2561
กลุ่มบริษัท โบช เดินหน้าสานต่อความสำเร็จทางธุรกิจแม้อยู่ในสภาวะเศรษฐกิจและการค้าที่ซบเซา โดยสามารถสร้างยอดขายและผลประกอบการของปี 2561 ได้ในระดับสูงมากเทียบเท่าปีก่อนหน้า จากตัวเลขผลประกอบการเบื้องต้น พบว่า ในปีที่ผ่านมา โบช ซึ่งเป็นผู้ผลิตและจัดจำหน่ายเทคโนโลยีและบริการชั้นนำของโลก สามารถสร้างยอดขายได้สูงถึง 7.79 หมื่นล้านยูโร แม้จะได้รับผลกระทบจากการปรับอัตราแลกเปลี่ยนถึง 2.1 พันล้านยูโร ส่งผลให้ยอดขายเพิ่มขึ้นร้อยละ 4.3 จากปีก่อนหน้า หลังปรับผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยน
ดร. โวคมาร์ เดนเนอร์ ประธานกรรมการกลุ่มบริษัทบ๊อช เปิดเผยว่า แม้สภาวะทางเศรษฐกิจจะไม่เอื้ออำนวย แต่ โบช ก็สามารถดำเนินธุรกิจให้เติบโตขึ้นได้ในปีที่ผ่านมา เห็นได้จากยอดขายและผลประกอบการที่ดีขึ้นเป็นประวัติการณ์อีกครั้ง ในฐานะผู้นำด้านนวัตกรรม โบช ต้องการสร้างการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นให้กับตลาดทั้งในเชิงการดำเนินธุรกิจและเทคโนโลยี ในขณะเดียวกัน ความมุ่งมั่นของบริษัท ในด้านเทคโนโลยีแห่งการเชื่อมต่อ ก็เริ่มแสดงผลลัพธ์ที่น่าพอใจ
โบช จำหน่ายผลิตภัณฑ์ที่เชื่อมต่อด้วยอินเตอร์เนทซึ่งมีมูลค่ารวมถึง 52 ล้านยูโร ในปี 2561 เพิ่มขึ้นร้อยละ 37 จากปีก่อนหน้า โดยในปีที่ผ่านมา กำไรจากการดำเนินงานก่อนหักดอกเบี้ยและภาษีขึ้นไปอยู่ที่ราว 5.3 พันล้านยูโร ส่งผลให้อัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานก่อนหักดอกเบี้ยและภาษี (EBIT) อยู่ที่ร้อยละ 6.9
ศาสตราจารย์สเตฟาน อเซนเคียชเบาเมอร์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินของ โบช กล่าวว่า โบช ตั้งเป้าพัฒนาธุรกิจให้โตกว่าสภาวะของตลาด พร้อมทั้งรักษาระดับรายได้ที่ยอดเยี่ยม แม้คาดการณ์ว่าอาจจะต้องเผชิญสภาวะทางเศรษฐกิจที่ชะลอตัว นอกจากนี้ เรากำลังวางแผนพัฒนาทุกหน่วยธุรกิจให้มีประสิทธิภาพในการแข่งขันมากยิ่งขึ้น เพื่อให้สามารถสร้างเงินทุนเพื่อนำมาพัฒนาส่งเสริมความเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีของเรา ซึ่งถือเป็นอนาคตของบริษัทฯ
กระบวนทัพแรกของเทคโนโลยีระบบอัตโนมัติ (Automation): โบช พร้อมลงทุนกว่า 4 พันล้านยูโร
ฝ่ายวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ของบริษัทฯ ให้ความสำคัญในเรื่องการพัฒนาการขับขี่อัตโนมัติ (Automated Driving) อย่างมาก บริษัทฯ เน้นการพัฒนาใน 2 แนวทางหลักเพื่อสร้างอนาคตแห่งการขับขี่ที่ไร้อุบัติเหตุ (Accident-Free Mobility) แนวทางแรก คือ การพัฒนาระบบช่วยเหลือคนขับ (Driver Assistance Systems) เพื่อทำให้เกิดการขับขี่อัตโนมัติบางส่วนในยานพาหนะส่วนบุคคล (เทคโนโลยีอัตโนมัติระดับ 2 และ 3) การที่ โบช เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีและเป็นผู้นำในธุรกิจนี้ บริษัทฯ จึงเชื่อมั่นที่จะตั้งเป้ายอดขาย 2 พันล้านยูโรในปีนี้ จากระบบช่วยเหลือคนขับ ในขณะที่แนวทางที่ 2 ของการพัฒนาธุรกิจจะเน้นไปที่การสร้างการขับขี่ไร้คนขับ (Driverless Driving) ให้เกิดขึ้นจริง ภายในต้นทศวรรษหน้า (เทคโนโลยีอัตโนมัติระดับ 4 และ 5)
ดร. เดนเนอร์ กล่าวว่า การขับขี่ไร้คนขับจะสร้างความเปลี่ยนแปลงขนานใหญ่แก่ยานพาหนะทุกคัน และเป็นประตูสู่โมเดลธุรกิจรูปแบบใหม่ อาทิ แทกซีหุ่นยนต์ (Robottaxi) และยานยนต์ให้บริการรับส่ง (Shutter-Based Mobility) เนื่องจากระบบอัตโนมัติมีความซับซ้อนทางเทคนิคอยู่มาก เดนเนอร์ จึงเล็งเห็นความสำคัญที่ต้องลงทุนกับเรื่องนี้ นับจากนี้จนถึงปี 2565 โบช เตรียมเงินลงทุนกว่า 4 พันล้านยูโร เพื่อพัฒนาเทคโนโลยีการขับขี่อัตโนมัติ โดยในปัจจุบัน โบช มีวิศวกรราว 4,000 พันคน ที่ทำงานเกี่ยวกับระบบขับขี่อัตโนมัติโดยเฉพาะ
กระบวนทัพที่ 2 ของเทคโนโลยีระบบอัตโนมัติ สร้างระบบนิเวศที่ครอบคลุมการบริการระบบขนส่งเคลื่อนที่ (Mobility Services) ศักยภาพของตลาดการขับขี่แบบอัตโนมัติมีมหาศาล คาดการณ์ว่าระหว่างปี 2558-ปี 2573 ยานพาหนะส่วนบุคคล (Personal Mobility) แบบอัตโนมัติ จะเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 50 (ที่มา: สหพันธ์แรงงานขนส่งระหว่างประเทศ หรือ ITF) ดังนั้นในอีก 10 ปีข้างหน้า นักวิเคราะห์จึงคาดการณ์ว่า ตลาดฮาร์ดแวร์และซอฟท์แวร์ที่เกี่ยวกับการขับขี่อัตโนมัติจะมีมูลค่าสูงราว 6 หมื่นล้านยูโร และภายในปี 2568 รถโดยสารสาธารณะส่วนใหญ่จากจำนวนกว่า 2.5 ล้านคันทั่วโลกจะไร้คนขับ (ที่มา: โรแลนด์ เบอร์เกอร์)
นอกจากนี้ ผู้เชี่ยวชาญยังคาดการณ์ว่า ภายในปี 2578 ยอดขายของผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวกับยานพาหนะที่ใช้ร่วมกัน (Shared Mobility) จะพุ่งสูงถึง 1.6 แสนล้านเหรียญสหรัฐฯ (ที่มา: BCG) ในเรื่องนี้ โบช ได้เตรียมพร้อมทั้งด้านเทคโนโลยีและการให้บริการสำหรับยานพาหนะเหล่านี้ โดยระบบนิเวศการให้บริการระบบขนส่งเคลื่อนที่ของ โบช ได้ผสมผสานโซลูชันและการบริการต่างๆ ทั้งการจอง การชำระเงิน การชาร์จพลังงาน การบริหารจัดการ การบำรุงรักษา และระบบอินโฟเทนเมนท์ (Infotainment) หนึ่งในการให้บริการเหล่านี้ คือ การชาร์จพลังงานไฟฟ้าแบบสะดวกง่ายดาย (Convenience Charging) ซึ่งจะเป็นทั้งระบบนำทางที่เชื่อมต่อกับอินเตอร์เนท และเป็นโซลูชันการชาร์จพลังงานไฟฟ้าสำหรับยานพาหนะระบบขับเคลื่อนไฟฟ้า (Electromobility) โดยลูกค้าประจำรายแรกของ โบช คือ Sono Motors ซึ่งเป็นผู้ผลิตยานยนต์ไฟฟ้าสัญชาติเยอรมัน โดยโซลูชันที่เชื่อมต่อของเรา จะทำให้ยานพาหนะระบบขับเคลื่อนไฟฟ้าเหมาะกับการใช้ในชีวิตประจำวันจริงๆ ของผู้คน
ปี 2561 โบช ได้งานพัฒนาโครงการด้านระบบขับเคลื่อนไฟฟ้าถึง 30 โครงการ มูลค่ารวมหลายพันล้านยูโร และตั้งเป้าว่าภายในปี 2568 จะเพิ่มยอดขายของธุรกิจได้ถึง 10 เท่า เป็น 5 พันล้านยูโร ดร. เดนเนอร์ กล่าวว่า เราต้องการขึ้นแท่นเป็นผู้นำตลาดมวลรวมสำหรับระบบขับเคลื่อนไฟฟ้า ทั้งนี้ ในวงการธุรกิจระบบขับเคลื่อนไฟฟ้านั้น ไม่มีบริษัทใดที่จะมีความเชี่ยวชาญหลากหลายได้เท่ากับ โบช เพราะ โบช สามารถพัฒนาระบบขับเคลื่อนได้ทุกชนิด ตั้งแต่จักรยานไปจนถึงรถบรรทุก ตัวอย่างเช่น ในปัจจุบัน มีรถยนต์นับล้านคันที่ใช้ชิ้นส่วนระบบไฟฟ้า หรือไฮบริดของ โบช
ดร. เดนเนอร์ กล่าวต่อว่า ในอนาคต คนจะต้องพูดกันว่า ไม่มีรถยนต์ไฟฟ้าคันไหนที่ไม่มีชิ้นส่วนของ โบช โดยเฉพาะในประเทศจีน ซึ่งเป็นตลาดระบบขับเคลื่อนไฟฟ้าที่ใหญ่ที่สุดในโลก และโบช เป็นเจ้าตลาดรถยนต์ส่วนบุคคลอยู่ โดย โบช เพิ่งร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์กับพันธมิตรในจีน คือ NIO เพื่อพัฒนาระบบขับขี่อัตโนมัติและระบบขับเคลื่อนไฟฟ้า นอกจากนี้ โบช จะเริ่มผลิตโซลูชันระบบขับเคลื่อนไฟฟ้าแบบคอมแพคท์ชื่อ e-axle ในปี 2562 นี้ที่ประเทศจีน รวมทั้งได้เริ่มผลิตแบทเตอรีขนาด 48 โวลท์ สำหรับตลาดมวลรวมเมื่อหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยคาดว่าภายในปี 2573 รถรุ่นใหม่ๆ ที่ผลิตขึ้นมาทั่วโลกจะใช้ระบบขับเคลื่อนไฟฟ้าขนาด 48 โวลท์ ในอัตราส่วนร้อยละ 20 ยิ่งไปกว่านั้น การควบรวมบริษัท EM-motive GmbH เข้ามา จะยิ่งเสริมความแข็งแกร่งของ โบช ในตลาดระบบขับเคลื่อนไฟฟ้าซึ่งขยายตัวอย่างรวดเร็วทั่วโลก
กระบวนทัพที่ 2 ของระบบขับเคลื่อนไฟฟ้า ขับเคลื่อนการขนส่งสินค้าด้วยระบบไฟฟ้า
ด้วยปริมาณการขนส่งสินค้าทั่วโลกจะเพิ่มขึ้นอีกเกือบเท่าตัว ภายในปี 2573 (ที่มา: สหพันธ์แรงงานขนส่งระหว่างประเทศ หรือ ITF)
ดร. เดนเนอร์ กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า เราต้องการให้รถบรรทุกเป็นพาหนะที่เหมาะกับการขนส่ง โดยไม่ทำลายสภาพภูมิอากาศ หรือคุณภาพอากาศ เพราะแน่นอนว่า กุญแจสำคัญของเราก็คือ ระบบขับเคลื่อนไฟฟ้านั่นเอง สิ่งที่จะได้เห็นในอนาคตอันใกล้ในปี 2573 คือ 1 ใน 4 ของรถยนต์เชิงพาณิชย์ทั่วโลก ซึ่งอยู่ในจีนแล้วราว 1 ใน 3 จะได้ใช้ระบบบางส่วนที่เป็นระบบขับเคลื่อนไฟฟ้าของ โบช การพัฒนาของ โบช จึงส่งผลต่อดีต่ออุตสาหกรรมในการผลิตเทคโนโลยีเพื่อการขนส่งสินค้าที่ไม่ก่อให้เกิดมลพิษต่อสิ่งแวดล้อม อาทิ แบทเตอรีขนาด 36 โวลท์ สำหรับจักรยานเพื่อการขนส่งสินค้า e-bike มอเตอร์ไฟฟ้าสำหรับยานพาหนะขนาดเบา เช่น StreetScooter ของสำนักงานไปรษณีย์ประเทศเยอรมนี เพลาไฟฟ้า (e-axle) สำหรับรถแวนบรรทุกเบาและหนัก เพลาระบบขับเคลื่อนไฟฟ้า (Electrified axle) สำหรับรถกึ่งพ่วง (Semitrailer) และในอนาคตจะมีระบบเซลล์เชื้อเพลิง (Fuel-Cell Powertrain) สำหรับรถบรรทุกใหญ่ขนาด 40 ตันด้วย “เรามีความพร้อมสำหรับทุกความต้องการ ไม่ว่าจะเป็นตลาดระบบขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าบางส่วน เต็มรูปแบบ แบบใช้พลังงานแบทเตอรี หรือระบบเซลล์เชื้อเพลิง
ดร. เดนเนอร์ เชื่อว่าในอนาคต การนำเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI ไปใช้กับงานด้านต่างๆ ในอุตสาหกรรมจะเป็นความเชี่ยวชาญหลักด้านหนึ่งของ โบช “ภายในกลางทศวรรษหน้า เราต้องการให้ทุกผลิตภัณฑ์ของเราใช้ AI หรือมี AI เข้ามาเกี่ยวข้องในกระบวนการพัฒนาหรือผลิต และก็จริงที่ว่าตอนนี้บริษัทอเมริกันและจีนได้เข้ามายึดตลาด AI ที่ใช้ในสินค้าอุปโภคบริโภคต่างๆ แล้ว” ดร. เดนเนอร์ กล่าว “อย่างไรก็ดี หากไม่มีความเชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมการจราจรขนส่ง การผลิต หรือการก่อสร้างต่างๆ แล้ว ประสิทธิภาพการใช้ AI ของบริษัทเหล่านั้น ก็อาจตามไม่ทันการใช้ AI ในภาคอุตสาหกรรม” ดร. เดนเนอร์ ยังเผยด้วยว่า โบช วางเป้าหมายไว้สูงทีเดียว “ในฐานะที่เรา คือ ผู้นำด้านนวัตกรรม จึงต้องการพัฒนาด้าน AI ให้เป็นเลิศ และขึ้นแท่นระดับโลกให้ได้” มาถึงจุดนี้ โบช จึงมีแผนเพิ่มจำนวนผู้เชี่ยวชาญด้าน AI ในบริษัทจาก 1,000 เป็น 4,000 คน ให้ได้ภายในปี 2564
กระบวนทัพที่ 2 ด้านเทคโนโลยี AI: พัฒนา AI ในห้วงอวกาศและบนท้องถนนได้สำเร็จ
พนักงานที่ Bosch Center for Artificial Intelligence ทำงานกันอย่างเต็มที่ร่วม 150 โครงการ หนึ่งในนั้น คือ SoundSee ซึ่ง ดร. เดนเนอร์ อธิบายว่า “อัลกอริธึมของ SoundSee ใช้การเรียนรู้ของเครื่องจักรในการฟังว่ามีส่วนใดชำรุดเสียหายหรือไม่” ทั้งนี้ เทคโนโลยีดังกล่าวสามารถคาดการณ์การชำรุดเสียหายของเครื่องจักรได้อย่างแม่นยำ ซึ่งช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษา และยังช่วยเพิ่มผลิตภาพอีกด้วย ในช่วงกลางปีนี้ จะมีการส่งโซลูชัน SoundSee ไปใช้ในสถานีอวกาศนานาชาติ (ISS) และโบช ก็เล็งเห็นศักยภาพในเชิงพาณิชย์ว่า สามารถใช้ประยุกต์ได้กับทั้งด้านผลิต การก่อสร้าง และวิศวกรรมยานยนต์ อีกตัวอย่างหนึ่งของความก้าวหน้าใน AI คือ กล้องอเนกประสงค์สำหรับระบบขับขี่อัตโนมัติ ที่ได้อัลกอริธึมการประมวลภาพมาทำงานประสานกับ AI ผลที่ได้ คือ กล้องอัจฉริยะสำหรับรถยนต์ ที่ทำงานได้หลายอย่าง ทั้งตรวจจับผู้คนที่สัญจรไปมา จดจำ และคาดเดาพฤติกรรมของผู้คนเหล่านั้นได้ในทันที
ผลประกอบการของกลุ่ม โบช ในปี 2561 ที่ผ่านมา ยอดขายของธุรกิจโซลูชันส์แห่งการขับเคลื่อน (Mobility Solutions) ยังคงเติบโตมากกว่าอุตสาหกรรมการผลิตยานยนต์ทั่วโลก เมื่อดูจากตัวเลขเบื้องต้นพบว่า ยอดขายเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.3 เป็น 4.7 หมื่นล้านยูโร หรือคิดเป็นร้อยละ 4.7 หลังปรับผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยนแล้ว ส่วนกลุ่มธุรกิจสินค้าอุปโภคบริโภค ทำยอดขายได้ 1.78 หมื่นล้านยูโร ลดลงร้อยละ 3.2 เนื่องจากได้รับผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยน ประกอบกับแรงกดดันด้านราคาในตลาดหลักๆ ส่งผลกระทบต่อการพัฒนาของ BSH Hausgeräte GmbH และกลุ่มธุรกิจสินค้าเครื่องมือไฟฟ้า เมื่อปรับผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยน จึงทำให้ยอดขายเพิ่มขึ้นเพียงร้อยละ 0.9 ทางด้านกลุ่มธุรกิจเทคโนโลยีอุตสาหกรรม มียอดขายเพิ่มขึ้นเป็น 7.4 พันล้านยูโร หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 8.9 ซึ่งนับว่าเป็นการเติบโตที่แข็งแกร่งที่สุดในบรรดากลุ่มธุรกิจต่างๆ ซึ่งเมื่อปรับผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยนแล้ว จะเติบโตถึงร้อยละ 11 เลยทีเดียว โดยเฉพาะแผนกเทคโนโลยีขับขี่และควบคุมมีการเติบโตต่อเนื่องดี ในขณะที่ โบช มีแผนเตรียมจะขายธุรกิจเทคโนโลยีสำหรับบรรจุภัณฑ์ ด้านกลุ่มธุรกิจเทคโนโลยีพลังงานและอาคาร มียอดขายอยู่ที่ 5.5 พันล้านยูโร เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.3 หรือร้อยละ 4.7 เมื่อปรับผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยนแล้ว
ดร. อเซนเคียชเบาเมอร์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินของ โบช กล่าวว่า สำหรับปี 2562 โบช คาดว่าเศรษฐกิจโลกจะเติบโตเพียงร้อยละ 2.3 เราคาดการณ์ด้วยความละเอียดรอบคอบ โดยพิจารณาจากระดับความเข้มข้นด้านการเมืองที่เพิ่มมากขึ้น อาทิ ประเด็น Brexit ที่ยังคงไม่มีบทสรุป อีกทั้งปัญหาความขัดแย้งทางการค้ามากมาย นอกจากนี้ ยังมีนโยบายทางเศรษฐกิจที่แข็งกร้าวเกี่ยวกับการนำเข้า ด้วยการกำหนดอัตราภาษีสินค้านำเข้าที่สูงลิ่ว หรือการยกเลิกข้อตกลงการค้าเสรี สิ่งเหล่านี้เป็นปัจจัยฉุดการใช้จ่ายของผู้บริโภคและการลงทุน
อย่างไรก็ตาม แม้ว่า โบช จะมีแผนการใช้เงินลงทุนก้อนใหญ่ แต่บริษัทฯ ก็หวังที่จะสร้างการเติบโตทางธุรกิจให้มากกว่าภาพรวมของตลาดในปีนี้ เพื่อรักษาผลประกอบการของบริษัทฯ ให้อยู่ในระดับที่สูงให้ได้อีกครั้ง
ABOUT THE AUTHOR
นุสรา เงินเจริญ
บรรณาธิการข่าวธุรกิจและสังคม รักการอ่าน ขอบงานเขียน ชอบพบปะผู้คน ได้มีโอกาสสัมภาษณ์ผู้บริหารในวงการยานยนต์ไทย ท่องเที่ยว เป็นประสบการณ์ที่ดี พร้อมได้ เปิดโลก ได้พัฒนาตัวในแวดวงสื่อสารมวลชน
ภาพโดย : บริษัทผู้ผลิตคอลัมน์ Online : ธุรกิจ (บก. ออนไลน์)