แม้ว่าสถานการณ์การออกจากสหภาพยุโรปของ สหราชอาณาจักร หรือประเทศอังกฤษ จะยังคงมีความไม่แน่นอน ว่าจะเกิดผลทางด้านใดบ้าง แต่ค่าย Jaguar Land Rover ตัดสินใจที่จะลงทุนเพิ่มเติม เพื่อเตรียมการผลิตรถไฟฟ้า ท่ามกลางสภาวะที่รถเครื่องยนต์ดีเซล ไม่ได้รับความนิยมจากผู้บริโภค และความเข้มงวดของค่าไอเสียจากรถยนต์Jaguar Land Rover จะส่งรถไฟฟ้า เพิ่มเติมทุกรุ่นจากสายการผลิต นับแต่ปีหน้าเป็นต้นไป จากสายการผลิตที่โรงงาน Castle Bromwich ใจกลางประเทศอังกฤษ เริ่มด้วย รถซีดานระดับหรู Jaguar XJ “ผู้บริโภค ให้ความสนใจกับรถไฟฟ้า และในสถานะของผู้ผลิตประจำประเทศอังกฤษ เราพร้อมที่จะผลิตรถยนต์รุ่นใหม่ที่ปราศจากมลภาวะสำหรับผู้บริโภค” Ralf Speth ซีอีโอ ออกแถลงการณ์ แม้ว่าบรรดาผู้ผลิตในอังกฤษ จะยังคงมีความลังเลในการลงทุนในประเทศ เนื่องมาจากสถานการณ์ Brexit หรือการออกจากสหภาพยุโรป จะยังมีความไม่แน่นอน แต่ความจำเป็นที่ต้องทำธุรกิจกับ สหภาพยุโรป เพื่อลดความเสียดทานจากสหภาพแรงงานของโรงงาน รวมทั้งการป้อนชิ้นส่วนเข้าสู่สายการผลิตให้ทันเวลา ทำให้ Jaguar Land Rover ตัดสินใจดังกล่าว การลงนามในสัญญากับสหภาพแรงงาน ของโรงงาน Castle Bromwich ที่ลดวันทำงานจาก 5 วัน/สัปดาห์ เหลือเพียง 4 วัน/สัปดาห์ แต่ยังคงชั่วโมงทำงานเท่าเดิม จะทำให้สายการผลิตสามารถดำเนินต่อไปได้ด้วยดี Jaguar Land Rover มีโรงงานอยู่ในสหภาพยุโรป 4 แห่ง โดยแห่งล่าสุดอยู่ใน สโลวาเกีย ซึ่งเพิ่งเปิดสายการผลิตเมื่อปีที่แล้ว ทำให้มีการย้ายสายการผลิต ของรถรุ่นมาตรฐาน ไปประกอบที่โรงงานแห่งนี้ อันเนื่องมาจากค่าแรงงานที่ถูกกว่าในสหภาพยุโรป แต่สำหรับ Jaguar I-Pace รถไฟฟ้า รุ่นแรกของบแรนด์ ผลิตที่โรงงาน Magna Steyr ใน ออสเตรีย ขณะที่ โรงงาน Castle Bromwich เริ่มทำการปรับปรุงสายการผลิต รวมทั้งด้านเทคโนโลยี ซึ่งช่วยให้สามารถทำการผลิตรถยนต์เครื่องยนต์เบนซิน, ดีเซล, ไฮบริด และรถไฟฟ้า ได้ในสายการผลิตเดียวกัน ส่วนสายการผลิตชุดแบทเตอรี Jaguar Land Rover ยืนยันที่จะก่อสร้างโรงงานผลิต ใน Hams Hall ประเทศอังกฤษ ซึ่งจะสามารถเริ่มการผลิตได้ในปี 2563 ด้วยกลังการผลิต ปีละ 150,000 ชุด ขณะที่โรงงานประกอบเครื่องยนต์ ในบริเวณ Wolverhampton จะยังคงสายการผลิตเพื่อรถรุ่นใหม่ๆ ในอนาคต