นับตั้งแต่ Nissan Leaf รุ่นแรก ออกจำหน่ายในสหรัฐอเมริกา ช่วงปลายปี 2553 นับจนถึงปัจจุบัน มีรถรุ่นนี้ใช้งานอยู่ราว 135,000 คัน นับเป็นตลาดใหญ่อันดับ 2 รองจากญี่ปุ่นและบรรดาผู้ใช้ Nissan Leaf ส่วนใหญ่ก็เป็นคนรุ่นใหม่ ที่ใช้อินเตอร์เนทในชีวิตประจำวัน รวมทั้งส่วนใหญ่เป็นสมาชิกในชมรม ที่การพูดคุยเกี่ยวกับการเสื่อมสภาพของแบทเตอรี รวมทั้งมีผู้ทดลองเปลี่ยนชุดแบทเตอรีด้วยตนเอง และนำมาเล่าสู่กันฟังในฟอรัมเป็นประจำ ราวหนึ่งปีที่ผ่านมา ในญี่ปุ่น Nissan เปิดโครงการเปลี่ยนเซลล์ในชุดแบทเตอรี สำหรับผู้ใช้ Nissan Leaf รุ่นแรก แต่ยังสงวนท่าทีที่จะเปิดโครงการดังกล่าวในสหรัฐอเมริกา โดยกล่าวว่า ยังอยู่ในขั้นตอนการศึกษา ข่าวเรื่องการเปลี่ยนชุดแบทเตอรีนั้น นับเป็นสัญญาณเตือนสำหรับค่ายรถยนต์ที่ผลิตรถไฟฟ้าจำหน่าย ว่าจำเป็นต้องมีมาตรการรองรับความต้องการด้านนี้ด้วย เพราะผู้บริโภค ต่างพากันกังวล เพราะใช้เวลาในการชาร์จชุดแบทเตอรีนานเกินควร โดยเฉพาะกำลังไฟจากชุดแบทเตอรี ที่ลดลงอย่างรวดเร็ว ส่วนผู้บริโภคที่ใช้ Nissan Leaf รุ่นแรก ระบุว่า ชุดแบทเตอรีขนาด 24 กิโลวัตต์ชั่วโมง ปัจจุบันเริ่มเสื่อมสภาพเหลือความจุประมาณครึ่งเดียว หลังผ่านการใช้งาน เพียง 100,000 กม. เท่านั้น เช่นเดียวกับค่าย Tesla ที่ออกจำหน่ายรุ่น Model S ในปี 2555 อายุของรถใกล้จะถึง 8 ปี สำหรับการรับประกันชุดแบทเตอรี ส่วนค่าย BMW ที่ออกรถรุ่น i3 ในตลาดสหรัฐอเมริกา เมื่อปี 2557 ผู้บริโภครายหนึ่งให้สัมภาษณ์ว่า “์Nissan เสนอโครงการเปลี่ยนเซลล์ในชุดแบทเตอรี สำหรับรถยนต์รุ่นแรก โดยเปิดราคาที่ชุดละ 5,500 เหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 165,000 บาท แต่กลับขึ้นราคาแบบเงียบๆ ไปเป็น ชุดละ 8,500 เหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 255,000 บาท” ในปี 2561 Nissan แนะนำพโรแกรมการเปลี่ยนชุดแบทเตอรีลิเธียม-ไอออน กับ Nissan Leaf รุ่นแรก ในญี่ปุ่น ราคาชุดละ 300,000 เยน หรือ ประมาณ 90,000 บาท ซึ่งถูกกว่าการซื้อชุดแบทเตอรีใหม่ ราวครึ่งหนึ่ง ส่วนในสหรัฐอเมริกา Nissan ยังไม่พูดถึงโครงการเปลี่ยนชุดแบทเตอรีใดๆ จึงทำให้ผู้บริโภค ต่างพากันกังวลว่า ราคาขายต่อของ Nissan Leaf จะเหลือเท่าไร เมื่อเจ้าของเดิมไม่มีการเปลี่ยนชุดแบทเตอรีใหม่ ขณะที่ชุดแบทเตอรีที่ติดรถในปัจจุบัน เสื่อมสภาพลงเรื่อยๆ และหากจำเป็นต้องขายรถ ผู้บริโภคระบุว่า รถคันต่อไปจะไม่ใช้รถไฟฟ้าอีกแล้ว โดยเฉพาะยี่ห้อ Nissan สำหรับการเปลี่ยนชุดแบทเตอรี ผู้บริโภคสามารถเปลี่ยนจากชุดแบทเตอรีขนาด 24 กิโลวัตต์ชั่วโมง เพิ่มเป็น 30 หรือ 40 กิโลวัตต์ชั่วโมง ซึ่งมีขนาดตัวแบทเตอรีเท่าเดิม ผู้ค้ารถยนต์มือสองในสหรัฐอเมริกา ระบุว่า ผู้บริโภคที่ต้องการซื้อรถไฟฟ้ามือสอง ไม่ได้กังวลถึงสภาพภายในของรถ แต่กังวลถึงอายุการใช้งานของแบทเตอรี แต่กระนั้น การเปลี่ยนชุดแบทเตอรีใหม่ ที่ราคาชุดละ 8,000 เหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 240,000 บาท จะส่งผลให้ราคาของรถมือสองสูงขึ้นมาก