ทดลองขับ
ทดลองขับ New Mitsubishi Pajero Sport เอสยูวีหรู ลุยสนุก !
บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด จัดทริพพิเศษทดลองขับ มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ท ใหม่ (New Mitsubishi Pajero Sport) บนเส้นทางกรุงเทพฯ-หัวหิน โดยมีเส้นทางวิบากตามธรรมชาติในอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ให้ได้ลองระบบ Super Select 4WD II ซึ่งเราได้ลองแล้ว พูดเลยว่า "ของเขาดีจริงๆ !"
มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ท ใหม่ เปิดตัวอย่างเป็นทางการช่วงปลายเดือนกรกฎาคม ที่ผ่านมา 1 เดือนกว่าๆ มียอดจองกว่า 1,314 คัน ถือว่าประสบความสำเร็จอย่างงดงามตามความคาดหมาย มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ท ใหม่ มีของดีที่บรรจุมาเพียบ ทั้งอุปกรณ์อำนวยความสะดวก และอุปกรณ์เพื่อความปลอดภัย ถูกติดตั้งมาแบบไม่ยั้ง เหมือนจะต้องการให้ผู้บริโภคได้ตัดสินใจแบบไม่ต้องเกรงใจใคร !
จุดขายหลักของ มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ท ใหม่ มีหลากหลายประเด็นที่เราต้องพูดถึง อาทิ หน้าตาภายนอกที่ดูทันสมัย ภายในห้องโดยสาร ที่ปรับแต่งใหม่ ให้มีความหรูหรา และคัดสรรวัสดุคุณภาพดีมาตกแต่ง ความสะดวกสบายของอุปกรณ์ล้ำสมัยมากมาย เช่น จอแสดงผลข้อมูลการขับขี่ LCD ขนาด 8 นิ้ว ที่ปรับหน้าจอได้ 3 รูปแบบ ง่ายต่อการอ่านหรือตั้งค่าต่างๆ บนหน้าจอ, ประตูฝาท้ายเปิด/ปิดด้วยระบบไฟฟ้า และสามารถสั่งงานผ่านสมาร์ทโฟนได้ด้วย ฯลฯ
ภายนอก
หรูหรา โฉบเฉี่ยว สไตล์ มิตซูบิชิ
มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ท ใหม่ มาพร้อมกระจังหน้าแบบ Advance Dynamic Shield Design ดูโดดเด่น และสะท้อน DNA ของ มิตซูบิชิ ได้อย่างลงตัว
ไฟหน้าแบบ Projector Bi-LED พร้อมระบบปรับระดับลำแสงอัตโนมัติ มาพร้อมไฟส่องสว่างเวลากลางวันแบบ Spectrum LED รูปทรงเรียวยาวรับกับกระจังหน้า เพิ่มความหรูหราของหน้าตาด้วยเส้นโครเมียมบนกันชน ทำให้ดูล้ำสมัย และมีไฟส่องสว่างขณะเลี้ยว พร้อมไฟตัดหมอกหน้าแบบ LED ส่วนไฟท้าย LED แบบใหม่ วางตามแนวตั้งของฝากระโปรงท้ายลงมาถึงกันชน และเสริมมาดเท่ตามสไตล์รถเอสยูวี ด้วยล้ออัลลอย สีทูโทน มาพร้อมกับยาง Toyo Tires รุ่น Open Country ขนาด 265/60 R18
ภายใน
หรูหรา สะดวกสบาย อุปกรณ์ไฮเทคเพียบ !
ห้องโดยสารของ มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ท ใหม่ มีความกว้างขวาง สะดวกสบาย พร้อมด้วยฟังค์ชันการใช้งานที่ครบครัน แผงหน้าปัดดูทันสมัย และน่าใช้มากยิ่งขึ้น พวงมาลัยแบบ 4 ก้าน ปรับตำแหน่งได้ 4 ทิศทาง พร้อมระบบมัลทิฟังค์ชัน ที่ควบคุมการสั่งงานต่างๆ ผ่านระบบสัมผัส หน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบ LCD ขนาด 8 นิ้ว ปรับเปลี่ยนรูปแบบหน้าจอได้ 3 รูปแบบ และรองรับเมนูภาษาไทย มาพร้อมระบบเชื่อมต่อ และแสดงข้อมูลจากหน้าจอระบบสัมผัส SDA (Smartphone-Link Display Audio) พร้อมระบบสั่งการด้วยเสียง มีอยู่ในรถรุ่น 4WD 2.4 GT-Premium รุ่นที่เราได้ทดลองขับในครั้งนี้
ส่วนอุปกรณ์อำนวยความสะดวกสบายต่างๆ อัดแน่นกว่ารุ่นเดิม อาทิ เครื่องเสียง 2 DIN พร้อมจอภาพระบบสัมผัส ขนาด 8 นิ้ว สามารถเชื่อมต่อบลูทูธ และระบบนำทาง ใช้งานง่าย รวมทั้งเชื่อมต่อความบันเทิงต่างๆ ด้วย Apple CarPlay เพียงเชื่อมต่อกับ iPhone ก็สามารถรับสายโทรเข้า/โทรออก รับ/ส่งข้อความ พร้อมฟังเพลงได้อย่างสบายอารมณ์ และเมื่อเข้าเกียร์ถอยหลัง จะแสดงภาพตัวรถแบบ 3 มิติ ที่ได้จากกล้อง 4 จุด ช่วยให้ผู้ขับมองเห็นได้รอบคัน
คอนโซลกลาง และแผงประตู บุด้วยด้วยวัสดุนุ่มพิเศษ และเพิ่มช่องเก็บของใต้คอนโซลเพื่อการใช้งานที่สะดวกมากยิ่งขึ้น ช่องต่ออุปกรณ์ USB 2 ตำแหน่งพร้อม HDMI บริเวณคอนโซลหน้า ช่วยเชื่อมต่อความบันเทิงกับ SDA และมีช่องจ่ายกระแสไฟ AC 220 โวลท์ พร้อมช่องชาร์จอุปกรณ์ USB 2.1A อีก 2 ตำแหน่งบริเวณคอนโซลกลางด้านหลัง ช่วยเพิ่มความสะดวกสบายให้ผู้โดยสารด้านหลัง ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ แบบปรับแยกอุณหภูมิอิสระซ้าย/ขวา และเทคโนโลยีฟอกอากาศ Nanoe ช่วยสร้างไอออนประจุลบ เพื่อดักจับฝุ่น แบคทีเรีย และกลิ่นไม่พึงประสงค์
ส่วนความบันเทิงด้านหลัง มีการติดตั้งจอภาพสำหรับผู้โดยสารตอนหลัง ขนาด 12.1 นิ้ว รองรับความบันเทิงแบบครอบครัว มาพร้อมกับรีโมทและหูฟังอินฟราเรด เชื่อมต่อ HDMI และ USB
นอกจากนี้ ยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกสบายมากมาย อาทิ เบาะคู่หน้าปรับระดับได้ 8 ทิศทาง ด้วยระบบไฟฟ้า เบาะแถว 2 แยกพับแบบ 60:40 เบาะแถว 3 พับ 50:50 โดยพับราบไปกับพื้นรถได้ หรือพับเบาะแบบต่างๆ เพื่อเพิ่มพื้นที่การใช้สอยภายในรถ, ช่องเก็บของด้านท้ายรถหลังเบาะนั่งแถว 3 พร้อมฝาปิดและชุดซ่อมยางฉุกเฉิน, ระบบเปิดและปิดประตูท้ายด้วยไฟฟ้า (Electric Tailgate with Hands-Free) พร้อมระบบแฮนด์ฟรี และปุ่มปิดฝาท้ายพร้อมลอครถ โดยทำงานควบคู่กับระบบกุญแจอัจฉริยะ KOS อีกทั้งยังมีเทคโนโลยีสุดล้ำ ด้วยระบบเชื่อมต่อผ่านแอพพลิเคชัน เพื่อสั่งการทำงานบนสมาร์ทโฟน (Mitsubishi Remote Control) สามารถสั่งเปิด/ปิดประตูท้ายอัตโนมัติได้ล่วงหน้า (ในระยะเวลาไม่เกิน 20 นาที), ระบบช่วยเหลือพร้อมแจ้งเตือนสาเหตุผ่านสมาร์ทโฟน, ระบบแจ้งเตือนถึงสถานะของรถ เช่น ลืมลอครถ ลืมปิดไฟหน้า รวมถึงการจัดการกับตัวรถผ่านสมาร์ทโฟน เช่น สั่งให้ลอครถ, ระบบแสดงผลข้อมูลและประวัติการใช้งานต่างๆ เช่น อัตราเฉลี่ยการบริโภคน้ำทัน ระยะการเดินทาง และอื่นๆ
เครื่องยนต์
2.4 ลิตร 181 แรงม้า สมรรถนะเกินความคาดหมาย
มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ท ใหม่ วางเครื่องยนต์ ดีเซล คอมมอนเรล 2.4 ลิตร 4 สูบแถวเรียง DOHC 16 วาล์ว พร้อมวาล์วไอดีแปรผัน เทอร์โบแปรผัน และอินเตอร์คูเลอร์ กำลังสูงสุด 181 แรงม้า ที่ 3,500 รตน. แรงบิดสูงสุด 43.9 กก.-ม. ที่ 2,500 รตน. ถ่ายทอดกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ เครื่องยนต์ดีเซลรุ่นนี้ มาพร้อมเสื้อสูบและฝาสูบอลูมินัมอัลลอย มีน้ำหนักเบา ทนทาน ช่วยให้เครื่องยนต์มีกำลังสูง ทั้งในรอบปานกลาง และรอบสูง ตอบสนองการเร่งแซงที่รวดเร็วทันใจ
และในรุ่น GT-Premium 4WD ยังได้ติดตั้งระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ เสริมด้วยโหมดขับเคลื่อน Super-Select 4WD-II ช่วยเพิ่มความมั่นใจในทุกสภาพการใช้งาน โดยระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ แบบ Super-Select 4WD–II สามารถเลือกได้ทั้งระบบขับเคลื่อน 2 ล้อหลัง (2H) ที่เหมาะกับการขับขี่บนสภาพทางปกติ ให้อัตราเร่งที่ดี และประหยัดน้ำมัน เพราะกำลังของเครื่องยนต์ทั้งหมด 100 % จะถูกส่งไปยังล้อหลังเท่านั้น, ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ (4H) แบบ Full-Time All Wheel Control ระบบนี้จะทำงานโดยส่งกำลังไปที่ล้อหน้า 40 % และล้อหลัง 60 % บนถนนแห้ง และแบ่งถ่ายกำลังแบบล้อหน้า 50 % และล้อหลัง 50 % เมื่ออยู่บนถนนเปียกลื่น ช่วยให้การยึดเกาะถนนทำได้ดียิ่งขึ้น
นอกจากนี้ ยังโดดเด่นด้วยระบบ Center Differential Lock แบ่งกำลังไปยังล้อหน้าและล้อหลังในสัดส่วนที่เท่ากัน สามารถเลือกรูปแบบการขับขี่ตามสภาพเส้นทางต่างๆ ได้ถึง 4 รูปแบบ เช่น 2H ระบบขับเคลื่อน 2 ล้อในเส้นทางปกติ, 4H ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ทำงานแบบฟูลล์-ไทม์ ออลล์วีล คอนทโรล เหมาะกับถนนเปียกลื่นที่ใช้ความเร็ว, 4HLC (4WD High-Range with Locked Transfer) หรือขับเคลื่อน 4 ล้อความเร็วสูง และ 4LLC (4WD Low-Range with Locked Transfer) หรือขับเคลื่อน 4 ล้อความเร็วต่ำ และยังมีฟังค์ชันขับขี่ 4 รูปแบบ คือ Gravel (กรวด หรือลูกรัง) Mud/Snow (โคลน/หิมะ) Sand (ทราย) และ Rock (หิน) รวมทั้งติดตั้งระบบลอคเฟืองท้ายหลัง (Rear Differential Lock) ควบคุมการทำงานด้วยไฟฟ้า โดยกดสวิทช์ที่บริเวณแผงคอนโซลกลาง ระบบจะลอคเฟืองท้ายหลังเพื่อให้เครื่องยนต์ส่งกำลังไปยังล้อหลังทั้งซ้ายและขวา ให้หมุนเท่ากันตลอดเวลา ระบบนี้ทำงานร่วมกับระบบ Center Differential Lock ช่วยให้ขับผ่านเส้นทางวิบากได้ง่ายขึ้น
ช่วงล่าง
ปรับใหม่ นุ่มหนึบกว่าเดิม
มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ท ใหม่ วางระบบรองรับด้านหน้าแบบอิสระ ดับเบิลวิชโบน คอยล์สปริง พร้อมเหล็กกันโคลง ด้านหลังแบบธรีลิงค์ ทอร์คอาร์ม คอยล์สปริง และเหล็กกันโคลง ให้ความนุ่มหนึบ และการทรงตัวดีกว่ารุ่นเดิมอย่างเห็นได้ชัด
ระบบความปลอดภัยมีมาให้ครบครัน โดดเด่นและล้ำสมัยกว่าคู่แข่งในระดับเดียวกันอย่างเห็นได้ชัด เช่น ระบบเบรคแบบป้องกันล้อลอค (ABS: Anti-Lock Braking System), ระบบเสริมแรงเบรค (BA: Brake Assist), ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน (HSA: Hill Start Assist), ระบบกระจายแรงดันน้ำมันเบรคแบบอีเลคทอรนิคส์ (EBD: Electronic Brake Force Distribution), ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัวในสภาวะที่รถเสียสมดุล (ASTC: Active Stability and Traction Control), ระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน (HDC: Hill Descent Control), ระบบเบรคมือควบคุมด้วยไฟฟ้า (Auto Parking Brake & Brake Auto Hold), ระบบสัญญาณเตือนด้านหลังขณะถอยออกจากช่องจอดรถ (RCTA: Rear Cross Traffic Alert), ระบบสัญญาณเตือนจุดอับสายตา พร้อมระบบสัญญาณเตือนขณะเปลี่ยนเลน (Blind Spot Warning with Lane Change Assist), ระบบเตือนการชนด้านหน้าตรง พร้อมระบบช่วยชะลอความเร็ว (FCM: Forward Collision Mitigation System), ระบบตัดกำลังเครื่องยนต์ชั่วขณะ เมื่อเหยียบคันเร่งอย่างรุนแรงและรวดเร็ว (UMS: Ultrasonic Misacceleration Mitigation System), ระบบลอคความเร็วแบบแปรผันอัตโนมัติ (Adaptive Cruise Control), กล้องมองภาพรอบคัน, ถุงลมนิรภัย 7 ตำแหน่งครอบคุลมผู้โดยสารแถวที่ 3, โครงสร้างตัวถังนิรภัยเหล็กกล้า (Rise Body)
ทดลองขับ
ทางเรียบขับสนุก ทางวิบาก "เอาอยู่ !"
เราได้ทดลองขับ รุ่น 4WD 2.4 GT-Premium รุ่นทอพสุด จากจุดเริ่มต้นที่ร้านอาหาร Brasserie 9 แถวสาทร เป้าหมายแรกของการเดินทาง มุ่งหน้าไปถนนเพชรเกษม (ทางหลวงหมายเลข 4) เป้าหมาย คือ จุดนัดพบที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ระยะทางประมาณ 169.4 กม. ช่วงแรกสภาพการจราจรหนาแน่น รถติดยาว เพราะมีการซ่อมสร้างและขยายถนน ทำให้เราได้รู้ถึงความคล่องตัวของ มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ท ใหม่ พวงมาลัยแบบฟันเฟืองและตัวหนอน พร้อมเพาเวอร์ช่วยผ่อนแรง มีรัศมีวงเลี้ยวแคบ 6.4 เมตร ให้ความคล่องแคล่ว บวกกับน้ำหนักของพวงมาลัยที่กำลังดี ทำให้เราควบคุมตัวรถได้ง่ายขึ้น ความเร็วเฉลี่ยที่ใช้ในการเดินทางประมาณ 120-130 กม./ชม. การขึ้น/ลงคอสะพาน หรือหลุมบ่อบนผิวถนน ช่วงล่างเก็บอาการได้ดีกว่ารุ่นเดิม
เส้นทางช่วงที่ 2 เป็นเส้นทางวิบากตามธรรมชาติ ระยะทางประมาณ 18 กม. (ไป/กลับ) จากที่ทำการอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน-ห้วยคมกฤต (หน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน กจ. 20) สภาพเส้นทางดูไม่จืด เพราะมีฝนตกก่อนหน้านี้ ทำให้เส้นทางจากดินแดงกลายเป็นดินโคลน บางช่วงเป็นร่องทางลึกและลื่น ในสเตชันนี้ เราได้ลองระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ Super-Select 4WD-II โดยปรับไปที่โหมด 4LLC (4WD Low-Range with Locked Transfer) หรือขับเคลื่อน 4 ล้อความเร็วต่ำ และปรับฟังค์ชันการขับขี่รูปแบบ Gravel (กรวด หรือลูกรัง) ยิ่งเพิ่มความมั่นใจในการขับ และสนุกสนานกับการไต่ระดับเนินชันต่างๆ อีกทั้งยังผ่านห้วยเล็กๆ เป็นช่วงๆ มีดีดดิ้นบ้าง ตามบุคลิกของรถ 4WD แต่ก็สนุก และเป็นประสบการณ์ที่หวนให้เรานึกถึงอดีตขึ้นมาทันที ค่อยๆ ขับ ค่อยๆ หยอด ปีนซ้ายป่ายขวา หาความสำราญกับเส้นทางไปเรื่อยๆ น่าเสียดายที่เรามีเวลาพักท่ามกลางธรรมชาติของป่าหน้าฝนน้อยไปสักนิด เราก็ต้องรีบออกเดินทางกลับเส้นทางเดิม เพื่อหนีฝนและฟ้าที่กำลังมืด
โดยรวมแล้ว มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ท ใหม่ เป็นรถเอสยูวีที่มีบุคลิกหน้าตาดี ภายในห้องโดยสารดูหรูหรา ขับสนุกบนทางเรียบ ถ้าเบื่อๆ ก็เอาไปลุยในเส้นทางวิบากได้ แบบไม่ต้องคิดมาก "เอาอยู่" และเอาตัวรอดได้จากทุกอุปสรรค ส่วนอัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ย อยู่ที่ระดับ 9.1-9.6 ลิตร/100 กม. และน่าสนใจมาก ด้วยราคาจำหน่ายเริ่มต้นที่รุ่น 2WD 2.4 GT ราคา 1,299,000 บาท, รุ่น 2WD 2.4 GT-Premium ราคา 1,469,000 บาท และรุ่น 4WD 2.4 GT-Premium ราคา 1,599,000 บาท
ABOUT THE AUTHOR
ลิขิต น้าประเสริฐ
ภาพโดย : บริษัทผู้ผลิตคอลัมน์ Online : ทดลองขับ (บก. ออนไลน์)