ในที่สุด สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กับ กรมการขนส่งทางบก ก็สามารถเชื่อมโยงข้อมูลใบสั่งจราจรทางอีเลคทรอนิคกันได้เสียที ส่งผลให้สามารถชำระค่าปรับใบสั่งที่คั่งค้างได้แล้ว ที่กรมการขนส่งทางบก เริ่ม 19 ธค. นี้เมื่อวันที่ 25 กย. ที่ผ่านมา สำนักงานตำรวจแห่งชาติ นำโดย พลตท. ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผู้ช่วย ผบ.ตร.) และจันทิรา บุรุษพัฒน์ รองอธิบดีกรมการขนส่งทางบก ได้ร่วมลงนามข้อตกลงเชื่อมโยงข้อมูลทางอีเลคทรอนิคเกี่ยวกับใบสั่งจราจร เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบังคับใช้กฎหมายว่าด้วยการจราจรทางบกร่วมกัน พลตท. ดำรงศักดิ์ ได้กล่าวถึง พรบ. จราจรทางบก พศ. 2522 ม.4/1 แก้ไขเพิ่มเติมโดย (ฉบับที่ 12) พศ. 2562 ว่า ได้กำหนดให้นายทะเบียนกรมการขนส่งทางบก มีอำนาจในการรับชำระค่าปรับที่คั่งค้างตามใบสั่งที่ออกโดยสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ และทั้งสองหน่วยงานต้องเชื่อมโยงข้อมูลทางอีเลคทรอนิคกัน ซึ่งมีผลบังคับใช้ไปแล้วตั้งแต่วันที่ 20 กย. 62 ที่ผ่านมา (ที่อนุญาตให้ประชาชนแสดงใบขับขี่ดิจิทอลแทนใบขับขี่ตัวจริงได้) อย่างไรก็ตาม แม้กฎหมายจะมีผลบังคับใช้ไปแล้ว แต่ทั้งสองหน่วยงานต่างต้องกำหนดหลักเกณฑ์ รวมถึงขั้นตอนปฏิบัติ และวิธีการต่างๆ ร่วมกันให้แล้วเสร็จภายใน 90 วัน ตามข้อบังคับ พรบ. จราจรทางบก ฉบับล่าสุด ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และกรมการขนส่งทางบก ได้ประชุมจนได้ข้อสรุปว่า ในวันที่ 19 ธค. 62 ที่จะถึงนี้ ให้เป็นวันแรกที่กรมการขนส่งทางบก จะรับชำระค่าปรับตามใบสั่งที่ค้างชำระ แทนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยผู้ขับขี่สามารถชำระค่าปรับไปพร้อมกับชำระภาษีประจำปีได้เลย ที่สำนักงานขนส่งทุกแห่งทั่วประเทศ หากผู้ขับขี่ไม่พร้อมชำระค่าปรับที่คั่งค้างตามใบสั่ง กรมการขนส่งทางบกจะออกใบแทนแสดงการเสียภาษีฉบับชั่วคราวให้ ซึ่งใบแทนนี้จะสามารถใช้ได้เพียง 30 วันเท่านั้น ระหว่างนี้ ผู้ขับขี่สามารถไปชำระค่าปรับได้ที่สถานีตำรวจทุกแห่งทั่วประเทศ หรือช่องทางอื่นๆ ได้ เช่น ที่ไปรษณีย์ทุกแห่งทั่วประเทศ เคาน์เตอร์บริการของธนาคารกรุงไทย ตู้เอทีเอมธนาคารกรุงไทย แอพพลิเคชันกรุงไทย NEXT และหน่วยบริการรับชำระเงินที่มีสัญลักษณ์ PTM เช่น กลุ่ม CenPay และตู้บุญเติม เป็นต้น ภายใน 30 วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งจากนายทะเบียน นอกจากนี้ ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ยังเปิดโอกาสให้ผู้ขับขี่ที่เห็นว่าตนไม่ได้กระทำความผิดตามที่ใบสั่งระบุไว้ สามารถทำหนังสือโต้แย้งข้อกล่าวหานั้นได้ภายใน 15 วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งจากนายทะเบียนขนส่ง โดยส่งหนังสือโต้แย้งข้อกล่าวหาดังกล่าวทางไปรษณีย์ตอบรับไปยังสถานีตำรวจตามที่ระบุไว้ในใบสั่ง หรือทางระบบอีเลคทรอนิคได้อีกด้วย ทั้งนี้สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้จัดทำเวบไซท์ใบสั่งจราจรออนไลน์สำหรับประชาชน https://ptm.police.go.th/eTicket/#/ หรือเรียกชื่อย่อว่า e-Ticket เพื่อให้ประชาชนได้ศึกษาข้อมูล และตรวจสอบใบสั่งจราจร จำนวนค่าปรับ และช่องทางการชำระได้แล้ววันนี้