ธุรกิจ
Lamborghini อวดโฉมยนตรกรรมระดับโลก ในงานมอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 41
เรนาสโซ มอเตอร์ฯ ในเครือชาริช โฮลดิ้งฯ ตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ Lamborghini (ลัมโบร์กินี) อย่างเป็นทางการรายเดียวในประเทศไทย นำเสนอยนตรกรรมสายพันธุ์กระทิงดุหลากหลายรุ่นในงาน บางกอก อินเตอร์เนชันแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 41
อภิชาติ ลีนุตพงษ์ ประธานกรรมการ บริษัท เรนาสโซ มอเตอร์ จำกัด กล่าวว่า Lamborghini นำซูเพอร์สปอร์ทคาร์ระดับโลกมาให้แฟนพันธุ์แท้ Lamborghini รวมถึงผู้ที่ชื่นชอบซูเพอร์สปอร์ทคาร์ในประเทศไทยได้สัมผัสกันอย่างใกล้ชิด ทั้ง Lamborghini Aventador (อเวนตาโดร์), Huracan (อูรากัน) และ Urus (อูรุส) โดยทุกรุ่นมีดีไซจ์นอันเป็นเอกลักษณ์ และมีสมรรถนะที่เร้าใจ ตอกย้ำดีเอนเอความเป็นบแรนด์สุดยอดรถซูเพอร์สปอร์ทคาร์หรูระดับโลก ในงานมอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 41 ตั้งแต่วันนี้-26 กรกฎาคม 2563 ณ อิมแพคท์ เมืองทองธานี
Lamborghini Huracan EVO RWD Spyder (ลัมโบร์กินี อูรากัน เอโว เรียร์วีลดไรฟ สไปเดอร์) ซูเพอร์สปอร์ทคาร์ขับเคลื่อนล้อหลังแบบเปิดประทุนเครื่องยนต์ V10 รุ่นใหม่ล่าสุด ใช้หลักการออกแบบทางวิศวกรรมให้ตัวรถมีน้ำหนักเบา ให้สมรรถนะเต็มที่ในทุกสภาวะการขับขี่ด้วยระบบ Performance Traction Control System (P-TCS) หลังคาเปิด หรือปิดที่มาพร้อมเอกลักษณ์เสียงคำรามของเครื่องยนต์ V10 ที่ขับเคลื่อนตัวรถไปข้างหน้าอย่างไร้ขีดจำกัด ขับเคลื่อนด้วยพละกำลัง 610 แรงม้า และแรงบิด 560 นิวตัน-เมตร ซึ่งถูกส่งตรงไปที่ล้อคู่หลังเพื่ออรรถรสสูงสุดแห่งการขับขี่ Huracan EVO RWD Spyder มีอัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ในเวลาเพียง 3.5 วินาที และยังสามารถเร่งความเร็วได้สูงสุดถึง 324 กม./ชม. มอบประสบการณ์การขับขี่ที่สนุกเร้าใจจากการควบคุมรถได้อย่างอิสระตามต้องการ
Huracan EVO RWD Spyder ถูกรังสรรค์ให้เป็นรถที่เหมาะสำหรับผู้ขับขี่ที่กระหายในความเร็ว แต่ยังต้องการที่จะควบคุมตัวรถด้วยความสามารถของตัวผู้ขับขี่เองเป็นหลัก ด้วยการออกแบบระบบขับเคลื่อนที่ส่งกำลังไปที่ล้อคู่หลังทั้งหมด ผู้ขับขี่จะรู้สึกได้ถึงการตอบสนองของรถที่ฉับไว และเป็นธรรมชาติ ระบบ P-TCS ใหม่ของ Huracan EVO RWD Spyder ที่เพิ่มเข้ามานั้นช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถใช้สมรรถนะของตัวรถออกมาได้เต็มที่ในทุกสภาวะการขับขี่ อีกทั้งยังเพิ่มความปลอดภัยด้วยการจัดการกับแรงบิดของรถให้ส่งกำลังอย่างต่อเนื่อง เพื่อป้องกันการตัดกำลัง หรือส่งกำลังอย่างฉับพลัน โดยเมื่อผู้ขับขี่เลือกที่จะเปิดหลังคาประทุนของ Huracan EVO RWD Spyder ผู้ขับขี่จะได้พบกับเสียงคำรามของเครื่องยนต์ V10 ที่ขับเคลื่อนตัวรถไปข้างหน้าอย่างไร้ขีดจำกัด
บนพวงมาลัยของ Huracan EVO RWD Spyder ผู้ขับขี่สามารถเลือกโหมดการขับขี่ผ่านสวิทช์ ANIMA ซึ่งระบบจะปรับให้ตัวรถตอบสนองตามแบบที่ผู้ขับขี่ต้องการ โดยโหมด Strada ตัวระบบจะควบคุมรถให้มีเสถียรภาพ และความปลอดภัยสูงสุดผ่านการส่งแรงบิดอย่างละเอียดอ่อน เพื่อช่วยลดโอกาสที่ล้ออาจจะหมุนฟรีบนพื้นผิวที่มีความลื่น หรือแรงเสียดทานต่ำ สำหรับโหมด Sport ตัวรถจะช่วยให้ผู้ขับขี่เข้าถึงประสบการณ์การขับขี่ที่เร้าใจอย่างแท้จริง ด้วยการปล่อยให้แรงบิดของรถขับเคลื่อนล้อหลังแม้ตัวรถจะมีการสไลด์ หรือดริฟท์อยู่ก็ตาม ทำให้ผู้ขับขี่สามารถควบคุมตัวรถด้วยคันเร่ง และองศาพวงมาลัย เพื่อดึงรถให้กลับมาตรงด้วยตัวผู้ขับขี่เอง และในโหมด Corsa ตัวรถจะควบคุมแรงบิดของรถให้สามารถส่งกำลังลงพื้นได้อย่างเต็มที่สูงสุด เพื่อที่จะทำเวลาต่อรอบสนาม
Huracan EVO RWD Spyder มีวัสดุตัวถังที่แข็งแรงซึ่งผสมผสานด้วยวัสดุผสมระหว่างอลูมิเนียม และคาร์บอนไฟเบอร์ ด้วยน้ำหนักตัวที่เบาเพียง 1,509 กก. จึงทำให้มีแรงม้าต่อน้ำหนักที่ 2.47 กก./แรงม้า ระบบเบรคเป็นแบบเหล็กที่มาพร้อมจานเจาะรู และครีบระบายความร้อน ล้อขนาด 19 นิ้ว เป็นมาตรฐาน ยาง Pirelli P Zero สเปคพิเศษที่มี L-mark โดยผู้ขับขี่สามารถเลือกเพิ่มออพชันล้อเป็นขนาด 20 นิ้ว หรืออัพเกรดระบบเบรคแบบเซรามิค
Huracan EVO RWD Spyder มาพร้อมเครื่องยนต์ V10 ไร้ระบบอัดอากาศตามแบบฉบับของ Lamborghini แต่ปรับเปลี่ยนดีไซจ์นทางด้านหน้า และหลัง เพื่อสร้างแรงกด (Downforce) ให้กับรถมากยิ่งขึ้น เมื่อใช้ความเร็วสูง หลังคาผ้าใบของ Huracan EVO RWD Spyder สามารถเปิด/ปิดได้ภายในเวลาเพียง 17 วินาที แม้ขณะขับขี่โดยความเร็วไม่เกิน 50 กม./ชม. จอกลางควบคุมตัวรถแบบ HMI ขนาด 8.4 นิ้ว ช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถจัดการกับตัวรถ และระบบอินโฟเทนเมนท์ต่างๆ รวมไปถึงระบบ Apple CarPlay สำหรับราคาของ Huracan EVO RWD Spyder เริ่มต้นที่ 21,800,000 บาท
Lamborghini Aventador SVJ Roer (อเวนตาโดร์ เอสวีเจ โรดสเตอร์) มาพร้อมกับประสบการณ์ขับขี่แบบ Open air ที่สมบูรณ์แบบที่สุด โดยใช้เครื่องยนต์ V12 ขนาด 6.5 ลิตร ที่สามารถรีดพละกำลังสูงสุดถึง 770 แรงม้า ช่วยให้ทะยานจาก 0-100 กม./ชม. ภายในเวลาเพียง 2.9 วินาที ทำความเร็วสูงสุด 350 กม./ชม. นอกจากสมรรถนะเครื่องยนต์ที่ยอดเยี่ยมแล้ว Aventador SVJ Roer มาพร้อมกับระบบอากาศพลศาสตร์ ALA (Aerodynamica Lamborghini Attiva) 2.0 ที่ถูกพัฒนาให้ทำงานได้รวดเร็วยิ่งขึ้น และมีประสิทธิภาพในการจัดการอากาศได้ดีกว่ารุ่น Aventador SV Roer ถึง 40 % สำหรับหลังคาของ Aventador SVJ Roer นั้น ทำจากวัสดุคาร์บอนไฟเบอร์ เพื่อโครงสร้างที่แข็งแรง และมีน้ำหนักเบา ตามสไตล์ของ Lamborghini ซึ่งสามารถจัดเก็บได้ภายใต้ฝากระโปรงด้านหน้าของตัวรถเมื่อต้องการเปิดประทุน ตัวรถมีน้ำหนักเพียง 1,575 กิโลกรัม ซึ่งมากกว่า อเวนทาดอร์ เอสวีเจ เพียง 50 กก.เท่านั้น
ทั้งนี้ Aventador SVJ Roer ถูกจำกัดจำนวนการผลิตไว้เพียง 800 คันทั่วโลก ส่งผลให้ Aventador SVJ Roer เป็นกระทิงเปลี่ยวที่ดุดันที่สุดในประวัติศาสตร์ของบแรนด์ Lamborghini ราคาเริ่มต้นที่ 48,980,000 บาท
Lamborghini Huracan EVO ซูเพอร์สปอร์ทคาร์ เครื่องยนต์ V10 Naturally-Aspirated อันทรงพลัง และได้รับการถ่ายทอดสมรรถนะการขับขี่มาจาก Lamborghini Huracan Performante ด้วยพละกำลังสูงสุด 640 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 600 นิวตัน-เมตร ช่วยให้ Huracan EVO ทะยานจาก 0-100 กม./ชม. ในเวลาเพียง 2.9 วินาที และทำความเร็วสูงสุดได้มากกว่า 325 กม./ชม.
ดีไซจ์นตัวถังด้วยอลูมิเนียมผสมกับคาร์บอนไฟเบอร์ ทำให้ตัวรถมีน้ำหนักเพียง 1,422 กก. ช่วยให้ระยะเบรคจาก 100-0 กม./ชม. มีระยะเพียง 31.9 เมตรเท่านั้น โดย Huracan EVO มาพร้อมระบบ LDVI ที่สามารถคาดการณ์การเคลื่อนไหวของตัวรถ พร้อมควบคุมระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ และระบบเลี้ยว 4 ล้อ เพื่อการตอบสนองที่รวดเร็ว และขับขี่ง่ายมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ ยังมีระบบ Infotainment ใหม่ ที่มาพร้อมฟีเจอร์การเชื่อมต่อมากยิ่งขึ้น เพื่อวิวัฒนาการเหนือระดับสู่สุนทรียภาพแห่งการขับขี่สูงสุด
Lamborghini Urus (ลัมโบร์กินี อูรุส) Super SUV คันแรกของโลก ที่ถ่ายทอด DNA ของ Lamborghini อย่างแท้จริง ผสมผสานกับความอเนกประสงค์ของรถ SUV ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยสมรรถนะอันทรงพลัง ที่มาพร้อมกับนิยามว่า “Since We Made It Possible” ด้วยเครื่องยนต์ V8 Twin-turbo ให้พละกำลัง 650 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 850 นิวตัน-เมตร ที่มาตั้งแต่รอบต่ำ ส่งผ่านเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ ไปยังระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ให้อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ในเวลาเพียง 3.6 วินาที และทำความเร็วสูงสุดกว่า 300 กม./ชม. ดังนั้น Urus จึงมาพร้อมจานเบรคแบบคาร์บอนเซรามิคที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ด้วยขนาด 440 มม. ในด้านหน้า และขนาด 370 มม. ในด้านหลัง ทำให้ระยะเบรคจาก 100-0 กม./ชม. มีระยะเพียง 33.7 เมตรเท่านั้น ทั้งนี้ ผู้ขับขี่ยังสามารถควบคุมความดุดันของ Urus ผ่าน Tamburo-Lamborghini Driving Dynamics Control ได้ถึง 4 โหมด และยังปรับแต่งรูปแบบการขับขี่ได้ตามความต้องการของผู้ขับขี่ผ่าน EGO mode นอกจากนี้ ยังสามารถติดตั้งโหมดพิเศษเพิ่มเติม อย่างโหมด Terra (ออฟโรด) และโหมด Sabbia (ทะเลทราย) ที่ช่วยให้ทุกเส้นทางเป็นเรื่องสนุกสำหรับคุณ
เรื่องโดย : นุสรา เงินเจริญ
ภาพโดย : บริษัทผู้ผลิต
คอลัมน์ Online : ธุรกิจ (บก. ออนไลน์)
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/online/335153