All-New 2020 Mercedes-Benz S-Class สุดยอดนวัตกรรมยานยนต์

Mercedes-Benz (เมร์เซเดส-เบนซ์) ปล่อย Teaser ประกาศความพร้อมสำหรับ All-New 2020 Mercedes-Benz S-Class พี่ใหญ่ของรถยนต์ซีดานจากค่ายดาวสามแฉก ที่มาพร้อมนวัตกรรมใหม่ ทั้งด้านความสะดวกสบาย และความปลอดภัย โดยจะเปิดตัววันที่ 2 กันยายน นี้

S-Class (เอส-คลาสส์) เป็นรถซีดานเรือธงขนาดใหญ่ที่สุดที่ Mercedes-Benz ผลิต โดยเริ่มการผลิตตั้งแต่ปี 2494 จนถึงปัจจุบัน เป็นรถซีดานระดับหรูที่ขายดีที่สุดในโลก เริ่มตั้งแต่ W187 (ปี 2494 - 2498) W180 และ W128 (ปี 2497 - 2503) W111 และ W112 (ปี 2502 - 2514) W108 (ปี 2508 - 2515) W116 (ปี 2515 - 2523) W126 (ปี 2522 - 2535) W140 (ปี 2534 - 2542) W220 (ปี 2542 - 2549) W221 (ปี 2548 - 2556) W222 (ปี 2556 - ปัจจุบัน) โดย W116 เป็นโฉมแรกที่ Mercedes-Benz ตั้งชื่อว่า S-Class (โฉมก่อนหน้านี้เรียกว่า Ponton และ Fintail หรือเรียกรหัส (W108) ไม่ได้เรียก S-Class อย่างเป็นทางการ) ซึ่ง S ย่อมาจาก "Special Class" ดังนั้น S-class รุ่นใหม่จึงนับว่าเป็นเจเนอเรชันที่ 7 New S-Class มีระยะฐานล้อในรุ่นมาตรฐานความยาว 3,106 มม. (122.2 นิ้ว) ยาวขึ้น 71 มม. (2.8 นิ้ว) เมื่อเทียบกับรุ่น W222 และในรุ่น LWB จะเพิ่ม 51 มม. (2 นิ้ว) เป็น 3,216 มม. (126.6 นิ้ว) โดยขนาดน้ำหนักรถจะเบากว่ารุ่นก่อน จากการที่ใช้อลูมิเนียมเป็นส่วนประกอบ เพิ่มขึ้นเกือบ 60 % ตามที่หัวหน้าวิศวกรของ S-Class Jürgen Weissinger ให้สัมภาษณ์ Mercedes-Benz สามารถสร้างรถซีดานที่มีประสิทธิภาพตามหลักอากาศพลศาสตร์ที่ดีที่สุดในกลุ่ม โดยมีค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทานอากาศเพียง 0.22 เท่านั้น Mercedes-Benz S-Class W223 มีปุ่มกดที่ลดลงจากรุ่นปัจจุบัน 27 ปุ่ม แทนที่ด้วยหน้าจอแสดงผลถึง 5 จอ เทคโนโลยี OLED ที่ให้ภาพคมชัด โดยมีหน้าจอสัมผัสขนาด 12.8 นิ้ว บริเวณกลางคอนโซล พนักพิงศีรษะของเบาะคู่หน้าติดตั้ง 2 จอ และหน้าจอกลางบริเวณที่วางแขนด้านหลัง

การสั่งการด้วยเสียงผ่านระบบ MBUX Generation 2 ที่เริ่มต้นการใช้งานด้วยการพูดว่า “Hey Mercedes” และยังรองรับได้ถึง 27 ภาษา สามารถสั่งการจากเบาะหลังได้อีกด้วย ระบบควบคุมการหักเลี้ยวมีองศาการหักเลี้ยวมากขึ้น มาจากระบบล้อหลังช่วยเลี้ยว ทำให้เลี้ยวมากขึ้น 10 องศา ทำให้รัศมีการเลี้ยวลดลง 2 ม. เมื่อเทียบกับวงเลี้ยว 10.2 ม. ในรุ่นปัจจุบัน Mercedes-Benz S-Class ใหม่ เป็นรถยนต์คันแรกในโลกที่มาพร้อมระบบถุงลมนิรภัยสำหรับผู้โดยสารตอนหลัง และยังสามารถรองรับการติดตั้งเบาะที่นั่งสำหรับเด็กได้อีกด้วย ถุงลมนิรภัยชนิดนี้ยังทำงานร่วมกับระบบ Pre-Safe Impulse Side function ซึ่งใช้เซนเซอร์เรดาร์ในการตรวจจับ หากถูกชนด้านข้าง ระบบจะปรับเบาะผู้ขับขี่หรือผู้โดยสาร ให้เอนทำให้คนนั่งไหลเข้ามาทางกลางรถ เพื่อเพิ่มระยะห่างจากประตูที่ถูกชน พร้อมกันนั้นระบบจะสั่งการให้ E-Active Body Control ยกความสูงของตัวรถขึ้น เตรียมรับแรงปะทะ เพื่อให้ส่วนของตัวถัง แชสซีส์ ที่แข็งแรงกว่าที่อยู่ใต้พื้นรถ ซับแรงชนให้ได้มากที่สุด ระบบ Active Parking Assist ของ S-Class ใหม่ ได้ทำการปรับปรุงความสามารถของเซนเซอร์ 12 ตัว ที่ด้านหน้า และด้านท้ายของรถ พร้อมทั้งการปรับการแสดงผล และการควบคุมผ่าน MBUX ที่ควบคุมได้อย่างง่ายดาย ระบบกล้องมองภาพรอบคัน 360 องศา ที่ใช้กล้องมองภาพ 4 ตัว ในการสร้างภาพจำลองแบบ 3 มิติ ซึ่งการทำงานทั้งหมดของระบบจะเกิดขึ้นแบบเรียลไทม์ Mercedes-Benz S-Class ใหม่ คาดว่าจะใช้ขุมพลังของ S580e เครื่องยนต์เบนซิน 3.0 ลิตร กำลังรวม 375 กิโลวัตต์ (503 แรงม้า) พร้อมมอเตอร์ไฟฟ้า และชุดแบทเตอรี 31.2 กิโลวัตต์ชั่วโมง ที่ยกมาจาก GLE 350e วิ่งได้ระยะทางวิ่งสูงสุด 100 กม./การชาร์จไฟ 1 ครั้ง รวมถึงเครื่องยนต์ดีเซล 3.0 ลิตร ให้กำลัง 282 แรงม้า และ 600 นิวตัน-เมตร (443 ฟุตปอนด์) ส่วนรุ่น EQ S หรือรถยนต์ไฟฟ้า EV ที่ใช้ตัวถังเดียวกับ S-Class คาดว่าจะเปิดตัวในเวลาไล่เลี่ยกัน โดย EQ S จะติดตั้งมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว พร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้อตลอดเวลา ให้กำลัง 400 แรงม้า แรงบิด 700 นิวตัน-เมตร สำหรับเวอร์ชัน AMG จะให้กำลังสูงถึง 600 แรงม้า รองรับระยะทางวิ่งสูงสุด 498 กม.