Great Wall Motors (กเรท วอลล์ มอเตอร์ส) ยกทัพรถยนต์รุ่นใหม่จาก 4 บแรนด์ HAVAL (ฮาวัล), WEY (เว่ย), ORA (โออาร์เอ) และ GWM Pickup (จีดับเบิลยูเอม พิคอัพ) กว่า 10 รุ่น จัดแสดงในงานมหกรรมยานยนต์เฉิงตู 2020 ตอกย้ำความเป็นผู้นำระดับโลกด้วยอัตลักษณ์ดีไซจ์นสุดสร้างสรรค์ ด้วยแรงบันดาลใจจากทั่วโลก ผสานพแลทฟอร์มเทคโนโลยีอัจฉริยะที่พัฒนาล่าสุด เพื่อสนับสนุนระบบขับเคลื่อนยานยนต์แห่งโลกอนาคต
แจค เวย ประธาน Great Wall Motors เปิดเผยในโอกาสครบรอบ 30 ปีของบริษัทฯ ว่า จากการวิเคราะห์เชิงลึก ทั้งในแง่ของสภาพแวดล้อมปัจจุบัน และวิกฤตที่ธุรกิจกำลังเผชิญอยู่นั้น เชื่อว่า Great Wall Motors สามารถก้าวข้ามอุปสรรค และเปลี่ยนแปลงได้อย่างสร้างสรรค์ด้วย 3 แกนหลักสำหรับดำเนินธุรกิจ ได้แก่ กลไกการสร้างนวัตกรรมในองค์กร การปรับรูปแบบองค์กร และการใช้เทคโนโลยี และระบบดิจิทอล พร้อมเปิดตัวพแลทฟอร์มเทคโนโลยีที่พัฒนาขึ้นเอง ได้แก่ LEMON, TANK · WEY และ COFFEE ซึ่งเป็นหมัดฮุคสำคัญที่จะพลิกโฉม Great Wall Motors จากผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติจีน สู่การเป็นบริษัทที่ให้บริการการขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีระดับโลก โดยพแลทฟอร์มเหล่านี้จะเป็นกลไกหลักสำคัญในดำเนินงานของบริษัทฯ ตลอดจนการคิดค้นนวัตกรรม เพื่อให้สอดรับกับการเป็นผู้นำเทคโนโลยียานยนต์พลังงานสะอาด และระบบเทคโนโลยีการขับขี่อัจฉริยะของ Great Wall Motors
พร้อมกันนี้ Great Wall Motors ได้นำรถยนต์รุ่นใหม่ จาก 4 บแรนด์ HAVAL, WEY, ORA, GWM Pickup และพแลทฟอร์มเทคโนโลยีล่าสุดที่เพิ่งเปิดตัว มาจัดแสดงในงานมหกรรมยานยนต์เฉิงตู 2020 ซึ่งเป็นงานแสดงยานยนต์ระดับโลกที่ใหญ่ที่สุดที่จัดขึ้นในประเทศจีน หลังการระบาดใหญ่ของโรค COVID-19 และมีผู้ผลิตรถยนต์เข้าร่วมกว่า 120 ราย และได้รับความสนใจจากทั้งสื่อ และประชาชนอย่างล้นหลาม
HAVAL สร้างไลฟ์สไตล์ที่เป็นตัวเองกับเอสยูวีที่ตอบโจทย์ได้ในทุกมิติ
ในงานมหกรรมยานยนต์เฉิงตู 2020 Great Wall Motors จัดแสดง HAVAL บแรนด์ที่สร้างการพูดถึง และการจดจำ ให้แก่บริษัทถึง 3 รุ่น 3 สไตล์สุดโดดเด่น สำหรับนิวไลฟ์สไตล์ตามความคิดของคนรุ่นใหม่ที่กระตือรือร้นจะสำรวจความหมายที่แท้จริง และรูปแบบของชีวิตที่แตกต่าง โดยมีรุ่นไฮไลท์สำคัญ ได้แก่
WEY ยกระดับการขับขี่ด้วยเทคโนโลยีอัจฉริยะ
WEY ที่จัดแสดงภายในงาน สร้างการรับรู้ใหม่ให้แก่ผู้บริโภคเกี่ยวกับการเดินทางที่ชาญฉลาด และนำพารถเอสยูวีอัจฉริยะไปสู่การเดินทางยุคใหม่
บุกเบิกทุกเส้นทางที่ใช่กับไลฟ์สไตล์ที่ชอบด้วย GWM Pickup
สร้างความฮือฮาอีกครั้งภายในงานเมื่อ Great Wall Motors เปิดตัว “GWM Pao” (จีดับเบิลยูเอม เพ่า) รถพิคอัพ 4x4 เครื่องยนต์ดีเซล เกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ ที่นอกจากจะมาพร้อมขุมพลังที่ประหยัดน้ำมันแล้ว ยังโชว์การตกแต่งและดัดแปลงด้วยอุปกรณ์หลากหลายเพื่อให้เหมาะสำหรับการผจญภัยแบบออฟโรด ไม่ว่าจะเป็นการติดตั้งอุปกรณ์ปีนเขา ไฟสปอทไลท์บนหลังคารถ และอุปกรณ์กล่องท้ายรถที่ออกแบบพิเศษสำหรับผู้ที่ชื่นชอบการตกปลา เพื่อแสดงให้เห็นว่า GWM Pao สามารถปรับแต่งเข้ากับไลฟ์สไตล์ที่หลากหลายได้อย่างสมบูรณ์แบบ
GWM Pao พิคอัพ 4x4 เครื่องยนต์ดีเซล เกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ เครื่องยนต์ 2.0T ชื่อรหัส GW4D20M ซึ่งเป็นเครื่องยนต์ที่ Great Wall Motors พัฒนาขึ้นเอง มีกำลังแรงม้าสูงสุดของเครื่องยนต์ คือ 120 กิโลวัตต์ ที่ 3,600 รตน. และแรงบิดสูงสุดถึง 400 นิวตัน-เมตร ที่ 1,500-2,500 รตน. ถือว่าเป็นเครื่องยนต์ดีเซลที่มีแรงบิดสูงสุดในตลาดรถพิคอัพของจีนในปัจจุบัน ข้อได้เปรียบ คือ แม้แรงบิดต่ำก็ยังสามารถให้กำลังแรงม้าสูง เมื่อจับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ จาก ZF ที่มีอัตราทดเกียร์ที่ฉับไว และการเปลี่ยนเกียร์ที่ราบรื่น ด้วยความเร็ว 75 กม./ชม. จึงสามารถดันขึ้นไปถึงเกียร์ 8 ได้ ด้วยการประสานงานของระบบส่งกำลังที่สมบูรณ์แบบนี้ ไม่เพียงแต่มอบพละกำลังเท่านั้น แต่ยังประหยัด และเป็นการใช้เชื้อเพลิงอย่างมีประสิทธิภาพด้วยการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงเพียง 8.3 ลิตร/100 กม. เท่านั้น รับรองคุณภาพจากผู้บริโภคที่ทำการทดสอบมาแล้ว และการันตีด้วยรางวัลในอุตสาหกรรมมากมาย เช่น เครื่องยนต์ที่ดีที่สุด 10 อันดับจาก "China Heart" เป็นต้น
ตอกย้ำผู้นำด้านพลังงานใหม่กับรถยนต์พลังงานไฟฟ้า ORA
ยังคงพัฒนาต่อเนื่องสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าจากค่าย Great Wall Motors ซึ่งในงานได้เปิดตัว ORA รถยนต์พลังงานไฟฟ้าสุดอัจฉริยะ 3 รุ่น ที่มีชื่อเล่นเอาใจทาสแมว White Cat, Black Cat และ Good Cat
จากรากฐานอันแข็งแกร่ง วันนี้ Great Wall Motors กำลังเติบโตอย่างต่อเนื่อง และรวดเร็ว โดยปัจจุบันมีเครือข่ายการผลิตทั่วโลก โดยมีฐานการผลิตในจีน 9 แห่ง และโรงงานผลิตในต่างประเทศอีก 5 แห่ง ได้แก่ เอกวาดอร์ มาเลเซีย ตูนีเซีย บัลแกเรีย และรัสเซีย พร้อมเร่งสปีดขยายธุรกิจทั่วโลก รวมถึงในประเทศไทย และภูมิภาคอาเซียน ควบคู่ไปกับการสร้างสรรค์นวัตกรรม และเทคโนโลยีใหม่ๆ โดยมีศูนย์การวิจัยและพัฒนาตั้งอยู่ใน 10 เมือง 7 ประเทศ ทั้งญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา เยอรมนี อินเดีย ออสเตรีย และเกาหลีใต้ เพื่อเป้าหมายในการก้าวสู่การเป็น “บริษัทที่ให้บริการการขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีระดับโลก” (Global Mobility Technology Company) พร้อมที่จะเป็นผู้นำในการเปลี่ยนแปลงแนวโน้มของอุตสาหกรรมยานยนต์ ไปสู่ความเป็นระบบอัจฉริยะ (Intelligence) ด้วยการเชื่อมต่อ (Network) และการใช้พลังงานสะอาด (Clean) เพื่อขับเคลื่อนสู่อนาคตที่ยั่งยืน และคุณภาพชีวิตที่ดีของคนทั่วโลก