รถ SUV (Sport Utility Vehicle) กำลังกลายเป็นเมกะทเรนด์ทั่วโลก รวมถึงในประเทศไทย ด้วยไลฟ์สไตล์ และรูปแบบการใช้ชีวิตที่เปลี่ยนแปลงไป ส่งผลให้รูปแบบความนิยมในการขับรถเปลี่ยนแปลงตามไปเช่นกัน โดยรถ SUV นับได้ว่าเป็นรถที่ตอบโจทย์ความเปลี่ยนแปลงเหล่านั้นได้มากที่สุดในยุคนี้ ดังจะเห็นได้จากจำนวนของรถ SUV ที่เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัดบนท้องถนนในเมืองไทย และต่างชาติ โดยในประเทศไทยมียอดขายรวมของรถ SUV (Subcompact SUV+Compact SUV+PPV) ที่เติบโตอย่างก้าวกระโดดภายในระยะเวลา 3 ปีที่ผ่านมาสูงถึง 30 % ซึ่งในปี พศ. 2562 มียอดขาย SUV อยู่ที่ 125,593 คัน สอดคล้องกับทเรนด์การใช้งานรถ SUV ทั่วโลกที่เพิ่มขึ้นจาก 35 ล้านคันในปี พศ. 2553 สู่ 200 ล้านคันในปี พศ. 2562 หรือเติบโตกว่า 471 %
จากผลสำรวจพบว่า ผู้บริโภคยุคปัจจุบันมีพฤติกรรมการใช้ชีวิตที่เปลี่ยนไปจากเดิม ผู้คนเริ่มแสวงหา Work-Life Balance และการทำกิจกรรมที่สะท้อนความเป็นตัวของตัวเอง เพื่อความสนุก การผ่อนคลาย และการได้ออกไปตามหาแรงบันดาลใจในการเสริมสร้างความคิดสร้างสรรค์ ผ่านไลฟ์สไตล์ที่ฉีกไปจากกรอบเดิมๆ ซึ่งหนึ่งในกิจกรรมที่เห็นได้ชัด คือ เรื่องของการท่องเที่ยวที่ทเรนด์ของการท่องเที่ยวตามกระแสเริ่มลดลง และปรับเปลี่ยนมาเป็นการท่องเที่ยวแบบเฉพาะกลุ่มมากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็น การท่องเที่ยวเชิงผจญภัย (Microadventure Travel) อย่างการไปปีนเขา เดินป่า ตั้งแคมพ์กลางแจ้ง การท่องเที่ยวแบบเนิบช้า (Slow Travel) ที่ลดความเร่งรีบ ปล่อยให้ตัวเองซึมซับกับบรรยากาศรอบๆ ศึกษาวิถีชีวิต และวัฒนธรรม การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ (Wellness Travel) เสริมสร้างความเป็นอยู่ของชีวิตให้ดียิ่งขึ้น ทั้งในด้านร่างกาย และจิตใจ หรือการท่องเที่ยวแบบหลากหลายวัย (Multigeneration Travel) เช่น การออกไปเที่ยวด้วยกันทั้งบ้าน เพื่อเสริมสร้างความสัมพันธ์ของคนหลากหลายวัยในครอบครัว ซึ่งรถ SUV ก็มักจะเป็นตัวเลือกยานพาหนะยอดนิยมอันดับต้นๆ สำหรับกิจกรรมเหล่านี้
ณรงค์ สีตลายน กรรมการผู้จัดการ กเรท วอลล์ มอเตอร์ส ประเทศไทย กล่าวว่า คนไทยยังคงนิยมการท่องเที่ยวด้วยการขับรถด้วยตนเอง จากการศึกษาของ Great Wall Motors (กเรท วอลล์ มอเตอร์ส) พบว่ากลุ่มใช้รถ SUV นั้น จะอยู่ในช่วงวัยทำงาน แบ่งเป็น ชาย 55 % หญิง 45 % อายุ 30-59 ปี โดยจะใช้รถ SUV ทั้งสำหรับการขับไปทำงาน และเพื่อการท่องเที่ยวพักผ่อน ซึ่งกลุ่มคนเหล่านี้จะเลือกรถ SUV จากดีไซจ์น และรูปลักษณ์ภายนอก (26 %) ความทนทานในการใช้งาน (24 %) ทัศนวิสัยขณะขับขี่ (20 %) พื้นที่ และความสะดวกสบายของห้องโดยสาร (18 %) และระบบความปลอดภัย (12 %) และที่สำคัญรถ SUV นั้น ต้องมาพร้อมจุดเด่นด้านการใช้งานที่คล่องตัว ทั้งการขับขี่ในเมืองสำหรับชีวิตประจำวัน และการขับขี่แบบออฟโรดสำหรับการท่องเที่ยว นอกจากนี้รถ SUV ยังมาพร้อมความสูงของพื้นตัวรถ (Ground Clearance) ที่ยกสูงกว่ารถแบบซีดานทั่วไป ซึ่งเหมาะกับการขับขี่ในทุกสภาพถนน ทั้งขรุขระ น้ำท่วม เป็นหลุมเป็นบ่อ ขึ้นดอย หรือลงเขา เรียกได้ว่ารถ SUV เป็นหนึ่งในพาหนะคู่กายของคนยุคนี้ไปเรียบร้อยแล้ว
กเรท วอลล์ มอเตอร์ส (GWM) เล็งเห็นถึงความสำคัญของทเรนด์การใช้ชีวิตของผู้คนที่เปลี่ยนแปลงไป จึงไม่หยุดยั้งที่จะพัฒนารถยนต์ และเทคโนโลยีเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคให้ได้มากที่สุด และหนึ่งในนั้น คือ การสร้างบแรนด์รถ SUV อย่าง Haval (ฮาวัล) ที่ครองใจผู้ใช้จนสามารถขึ้นแท่นเป็นบแรนด์รถ SUV อันดับ 1 ของประเทศจีนติดต่อกันถึง 88 เดือน (ข้อมูลอัพเดท กย. 63) และกลายเป็น Top 3 บแรนด์รถ SUV ระดับโลก พร้อมยอดขายทะลุ 5 ล้านคันทั่วโลกในปีที่ผ่านมา
ความสำเร็จเหล่านี้เกิดขึ้นจากความใส่ใจ และการศึกษาวิจัยของ Haval ที่เข้าใจถึงปัจจัยสำคัญในการเลือกซื้อ SUV ของผู้ใช้งานทั่วโลก โดยผู้ใช้จะคำนึงถึงเรื่องของความทนทาน (Durability) สมรรถนะ (Performance) และเทคโนโลยี (Equipped Technologies) ของรถมาเป็นอันดับต้นๆ แต่ก็ยังคงให้ความสำคัญในเรื่องของการออกแบบ (Design) และความปลอดภัย (Safety) ทำให้ Haval สามารถสร้างสรรค์ และออกแบบรถ SUV ของบแรนด์ให้มีความโดดเด่น ทั้งสมรรถนะที่ทรงพลัง เทคโนโลยี และระบบความปลอดภัยเหนือระดับ พร้อมสไตล์ และฟังค์ชันการใช้งานที่หลากหลายในแต่ละรุ่น ไม่ว่าจะเป็น Haval H6 (เอช 6), Haval Big Dog (บิกดอก) และรุ่นอื่นๆ ที่ตอบโจทย์แต่ละไลฟ์สไตล์ และความต้องการของผู้ใช้แทบทุกกลุ่มได้เป็นอย่างดี
นอกเหนือจากการผลิตรถ SUV คุณภาพออกสู่ตลาดแล้ว Haval ยังใส่ใจในด้านการสร้างประสบการณ์การขับขี่อันยอดเยี่ยมให้กับผู้ใช้ ด้วยการลงทุนมหาศาลด้านการวิจัย และการพัฒนาสมาร์ทดไรฟ ไม่ว่าจะเป็นสร้างระบบการขับเคลื่อนอัจฉริยะด้วยเทคโนโลยี 3 มิติ บริการส่วนบุคคล การสร้างระบบนิเวศ 5G และการสร้างความร่วมมือกับพแลทฟอร์ม Internet of Everything เพื่ออำนวยความสะดวกด้านต่างๆ ในการขับขี่ รวมไปถึงการเป็นผู้นำในการวิจัย และพัฒนาด้านการขับเคลื่อนด้วยพลังงานทางเลือก (New Energy Technology) ทั้งการผลิตยานยนต์ไฮบริด (Hybrid Electric Vehicle) พลัก-อิน ไฮบริด (Plug-in Hybrid Electric Vehicle) รถยนต์ไฟฟ้าเต็มรูปแบบ (Battery Electric Vehicle) ยานยนต์ไฟฟ้าเซลล์เชื้อเพลิง (Fuel Cell Electric Vehicle) และการพัฒนารถ SUV ที่ขับเคลื่อนด้วยไฮโดรเจนชั้นนำของโลก
ภายใต้แนวคิด “Focus, Dedication, Specialization” ของ Great Wall Motors ส่งผลให้ Haval จะยังคงมุ่งมั่นที่จะสร้างสรรค์รถ SUV คุณภาพระดับโลกที่เปี่ยมไปด้วยเทคโนโลยี และการการออกแบบที่จัดเต็ม พร้อมความใส่ใจในรายละเอียดเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคให้ดีที่สุด โดย Haval ตั้งเป้าที่จะก้าวขึ้นสู่การเป็นบแรนด์ SUV อันดับ 1 ของโลกภายใน 5 ปี สำหรับในประเทศไทย รถ SUV ยังคงได้รับความนิยม และตลาด SUV ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง ด้วยทเรนด์การใช้ชีวิตของผู้บริโภคที่ยังคงเปลี่ยนแปลงไปในทุกๆ วัน ทำให้ Haval เป็นที่น่าจับตามองอย่างยิ่ง รวมไปถึงถึงกลยุทธ์ และความใส่ใจของ Great Wall Motors ในการสร้างปรากฏการณ์ และส่งมอบประสบการณ์การใช้งานรถ SUV อันยอดเยี่ยม เพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภคชาวไทยในอนาคต