กิจกรรม(formula)
BMW Track Day 2020 ลองระบบ M xDrive ใน M5
[video mp4="https://www.autoinfo.co.th/uploads/2020/10/---------------------------_1080p.mp4"][/video]
บีเอ็มดับเบิลยู ประเทศไทย นำสื่อมวลชนเปิดประสบการณ์ขุมพลังแรงใน BMW Track Day 2020 ซึ่งครั้งนี้ประกอบด้วย M4 Competition M4 CS Coupe M5 และสุดยอดรถยนต์ไฟฟ้าแห่งอนาคต i8 Roer ที่พกพาความดุดันและประสิทธิภาพระดับสปอร์ท เสริมด้วยฟังก์ชันและเทคโนโลยีการขับขี่ ณ สนามแข่งรถปทุมธานี สปีดเวย์ จังหวัดปทุมธานี
ในครั้งนี้ ผู้เข้าร่วมกิจกรรมได้ทดสอบความแรงของ M4 Competition M4 CS Coupe และ M5 ในสนามแข่งเพื่อให้สามารถทดสอบทุกฟีเจอร์การขับขี่สไตล์สปอร์ทได้อย่างครบถ้วนเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็นระบบขับเคลื่อนและเครื่องยนต์อันทรงพลังของ BMW ตระกูล M อย่างระบบช่วงล่าง Adaptive M ระบบควบคุมเสถียรภาพการขับขี่ (DSC) หรือระบบเฟืองท้าย Active M โดยได้ทดสอบรถยนต์ด้วยการขับขี่แบบ Convoy, Free Run และสลาลม เปรียบเทียบสมรรถนะที่แตกต่างกันระหว่าง M4 Competition และ M4 CS Coupe ไม่ว่าจะเป็นอัตราเร่ง การควบคุม หรือการขับขี่ขณะเข้าโค้ง พร้อมทดลองหลากหลายโหมดการขับขี่ของระบบ M xDrive ใน M5
พร้อมเจาะลึกนวัตกรรมล้ำสมัยของ i8 Roer ที่ผสมผสานพลังงานไฟฟ้าจากเทคโนโลยี BMW eDrive เข้ากับเครื่องยนต์ BMW TwinPower Turbo ได้อย่างลงตัว รวมถึงระบบขับเคลื่อน 4 ล้อและฟังก์ชันการขับขี่
BMW M4 Competition มีรูปลักษณ์ในสไตล์ดุดันตามแบบฉบับของ M4 ไม่ว่าจะเป็นช่องรับลมขนาดใหญ่ที่ช่วยระบายความร้อนของเครื่องยนต์ในขณะขับขี่ด้วยความเร็ว เพาเวอร์-โดม (power-dome) บนฝากระโปรงหน้าที่ขับเน้นรูปทรงของเครื่องยนต์พลังเทอร์โบชาร์จเจอร์ ล้ออัลลอยน้ำหนักเบาแบบ M ขนาด 20 นิ้ว และการออกแบบภายนอกตัวรถที่คำนึงถึงหลักอากาศพลศาสตร์ ที่เสริมความสปอร์ทควบคู่ไปกับปากท่อไอเสียแบบขอบเฉียงและเสียงเครื่องยนต์ที่กึกก้องอย่างทรงพลัง
สมรรถนะการขับขี่ M4 Competition มีรากฐานมาจากเครื่องยนต์ M TwinPower Turbo 6 สูบขนาด 3 ลิตร ที่ส่งกำลังแรงถึง 450 แรงม้า สามารถทำความเร็วจาก 0-100 กม./ชม. ได้ภายในเวลาเพียง 4 วินาที และให้ความเร็วสูงสุด 280 กม./ชม. โดยส่งกำลังสู่ล้อด้วยกับระบบเกียร์ M DCT (double-clutch transmission) 7 จังหวะ ที่ได้รับการออกแบบมาเพื่อเครื่องยนต์ประสิทธิภาพสูงในตระกูล M โดยเฉพาะ นอกจากนี้ M4 Competition ยังมาพร้อมเสถียรภาพการขับขี่เหนือระดับที่ให้การยึดเกาะถนน ที่ตอบสนองทุกการควบคุมได้ฉับไวยิ่งกว่าเดิม ด้วยระบบช่วงล่าง Adaptive M ระบบ DSC (Dynamic Stability Control) ที่ปรับแต่งมาเป็นพิเศษ และระบบเฟืองท้าย Active M
การออกแบบภายในห้องโดยสารของ M4 Competition ก็โดดเด่นด้วยเบาะนั่ง M ที่มีน้ำหนักเบาและให้ความรู้สึกแบบสปอร์ท สามารถปรับความกว้างของพนักพิงได้ สายเข็มขัดนิรภัยลาย M การจัดวางฟังก์ชั่นควบคุมต่างๆ โดยคำนึงถึงผู้ขับขี่เป็นหลัก เพื่อความสะดวกสบายและรวดเร็วในการสั่งการทุกระบบ พวงมาลัยหุ้มหนัง และคันเกียร์สไตล์ M นอกจากนี้ ผู้ขับขี่ยังสามารถใช้งานเทคโนโลยี Head-Up Display ได้ในโหมดพิเศษสำหรับรถยนต์ตระกูล M โดยเฉพาะ ซึ่งแตกต่างจากโหมดปกติด้วยดีไซน์กราฟฟิกในแบบสปอร์ต พร้อมมาตรวัดความเร็ว เกียร์ รอบเครื่องยนต์ ไฟแจ้งเปลี่ยนเกียร์ และอื่นๆ อีกมากมาย
M4 Competition ราคาจำหน่าย 8,799,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม และโปรแกรมบำรุงรักษา BSI Standard)
รูปลักษณ์ของ M4 CS Coupe โดดเด่นจากกระจังหน้าที่มาคู่กับช่องดักอากาศขนาดใหญ่ 3 ช่อง เข้ากันกับไฟหน้า LED คู่ดูทันสมัย กระโปรงหน้าและหลังคาทำจากวัสดุคาร์บอนไฟเบอร์ที่มีคุณสมบัติความแข็งแกร่งและน้ำหนักเบาพิเศษ ดีไซน์ด้วยเส้นสายสไตล์คูเป โฉบเฉี่ยวด้วยชุดแต่งแบบ M และเสริมความดุดันด้วยซุ้มล้อที่เบ่งกว้างดูทรงพลัง
M4 CS Coupe เป็นรถยนต์รุ่นพิเศษในตระกูล M ที่ผลิตขึ้นในจำนวนจำกัด สานต่อตำนานแห่งสมรรถนะด้วยขุมพลัง 6 สูบ ความจุ 3.0 ลิตร ด้วยเทคโนโลยี BMW M TwinPower Turbo พัฒนาสมรรถนะ
การส่งกำลังสูงสุด 460 แรงม้า ทำงานคู่กับเกียร์อัตโนมัติ M แบบคลัตช์คู่ 7 จังหวะ พร้อมระบบ Drivelogic เพื่อการเปลี่ยนเกียร์ที่รวดเร็วภายในเสี้ยววินาที ด้วยแป้นเปลี่ยนเกียร์ paddle shift บนพวงมาลัย อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ภายใน 3.9 วินาที ความเร็วสูงสุด 280 กม./ชม.
M4 CS Coupe มาพร้อมระบบควบคุมเสถียรภาพการขับขี่ (DSC) ที่สามารถทำงานในโหมดพิเศษ M Dynamic (MDM) เพื่อความเพลิดเพลินสูงสุดในการขับขี่ และระบบเฟืองท้าย Active M สามารถเลือกปรับเปลี่ยนโหมดการขับขี่ได้ 3 โหมดด้วยกัน คือ Comfort Sport และ Sport+ ตอบสนองการควบคุมในแบบที่ต้องการ สอดรับกับลักษณะของเส้นทางอย่างลงตัว
ภายในของ M4 CS Coupe สปอร์ทกว่า M4 Competition ด้วยเบาะที่นั่งน้ำหนักเบาแบบ M Sport หุ้มหนังแท้สลับ Alcantara พนักพิงหลังปรับความกว้างได้ เข็มขัดนิรภัยลาย M พวงมาลัยมัลติฟังก์ชัน หุ้มหนัง Alcantara ดีไซน์ M พร้อมก้านเปลี่ยนเกียร์ ทั้งนี้ M4 CS Coupe จะมีสีพิเศษจาก BMW Individual ให้เลือก
M4 CS Coupe ราคาจำหน่าย 11,439,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม และโปรแกรมบำรุงรักษา BSI Standard)
BMW M5 มาพร้อมกับ M xDrive ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อมาตรฐานใหม่ ครั้งแรกซีดานประสิทธิภาพสูง โดย M5 เจนเนอเรชันที่ 6 นี้ มีความคล่องตัวสูงสุดด้วยการส่งกำลังขับเคลื่อนจากล้อหลัง ควบคู่กับการเพิ่มกำลังไปยังล้อหน้าในกรณีที่กำลังขับเคลื่อนจากล้อหลังไม่เพียงพอและต้องการแรงฉุดลากที่เพิ่มขึ้น แม้ในสภาวะการขับขี่ด้วยความเร็วสูง ระบบขับเคลื่อน M xDrive ก็ทำให้ผู้ขับขี่สามารถควบคุม M5 ใหม่นี้ ได้อย่างแม่นยำและง่ายดายยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ ผู้ขับขี่ยังสามารถเลือกตั้งค่าลักษณะการขับได้อย่างหลากหลายตามความต้องการถึง 5 โหมดด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นโหมดการขับขี่ด้วยระบบควบคุมเสถียรภาพแบบไดนามิก หรือ DSC ที่สามารถเลือกเปิดหรือปิดระบบ DSC หรือเลือกการขับขี่ด้วยโหมด M Dynamic และยังสามารถเลือกการขับขี่ด้วยระบบ M xDrive ซึ่งแบ่งเป็นโหมด 4WD, 4WD Sport และ 2WD ที่ให้ผู้ขับขี่ได้สัมผัสความแรงเร้าใจด้วยความคล่องตัวสูงสุดบนท้องถนน รวมทั้งระบบเฟืองท้าย Active M ที่กระจายกำลัง ป้องกันการลื่นไถลเมื่อเข้าโค้งด้วยความเร็วสูง โดยช่วยลดความแตกต่างของความเร็วรอบระหว่างล้อหลัง
อีกหนึ่งเอกลักษณ์ความโดดเด่นของ M5 ใหม่นี้ คือปุ่ม M1 และ M2 สีแดงแยกซ้ายขวา ซึ่งอยู่ติดกับระบบควบคุมการเปลี่ยนเกียร์บนพวงมาลัย เพื่อให้ผู้ขับขี่สามารถเลือกปรับเปลี่ยนการตั้งค่าระบบต่าง ๆ ตามที่ต้องการได้ถึง 2 แบบเพียงแค่ปลายนิ้วสัมผัส ไม่ว่าจะเป็นการตั้งค่าระบบ M xDrive ระบบควบคุมเสถียรภาพแบบไดนามิก (DSC) ระบบเครื่องยนต์ ระบบเกียร์ ระบบระบายอากาศ ระบบการควบคุมพวงมาลัยไฟฟ้า หรือแม้กระทั่งการตั้งค่ารูปแบบของการแสดงผลบน Head-Up Display
M5 ใหม่ ใช้เครื่องยนต์ M TwinPower Turbo แบบวี 8 สูบ ความจุ 4.4 ลิตร ให้พละกำลังสูงสุด 600 แรงม้า หรือ 441 กิโลวัตต์ ที่ 5,600 – 6,700 รตน. แรงบิดสูงสุด 76.5 กก.-ม. หรือ 750 นิวตันเมตร ที่ 1,800 – 5,600 รตน. มาคู่กับเกียร์อัตโนมัติ M Steptronic 8 จังหวะ พร้อมระบบ Drivelogic สามารถเร่งความเร็วจาก 0-100 กม./ชม. ได้ภายใน 3.4 วินาที และ 0-200 กม./ชม. ภายใน 11.1 วินาที โลดแล่นด้วยความเร็วสูงสุดที่ควบคุมด้วยระบบอิเลคทรอนิคไว้ที่ 250 กม./ชม.
M5 ราคาจำหน่าย: 13,339,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม และโปรแกรมบำรุงรักษา BSI Standard)
i8 Roer ขับเคลื่อนในระบบพลักอิน ไฮบริด ควบคู่กับเทคโนโลยี BMW eDrive ที่ได้รับการพัฒนาให้สามารถวิ่งได้นานและไกลมากขึ้นโดยไร้การปล่อยมลภาวะ
i8 Roer มาพร้อมแบทเตอรีลิเธียมไอออนแรงดันสูงที่เพิ่มความจุจาก 20 แอมป์เป็น 34 แอมป์ หรือเพิ่มความจุแบทเตอรีโดยรวมจาก 7.1 เป็น 11.6 กิโลวัตต์ชั่วโมง ส่งพลังด้วยด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าที่ 143 แรงม้า หรือ 105 กิโลวัตต์ เพิ่มขึ้นจากเดิม 12 แรงม้า หรือ 9 กิโลวัตต์ สามารถเร่งความเร็วสูงสุดได้ 105 กม./ชม. พัฒนาจากมอเตอร์ไฟฟ้าของรุ่นก่อนหน้าที่เร่งความเร็วได้สูงสุด 70 กม./ชม. ซึ่งเมื่อขับขี่ด้วยโหมด eDrive โดยไม่มีการปล่อยไอเสียเลย ด้วยความเร็วสูงสุด 120 กม./ชม. และสามารถขับขี่ในตัวเมืองได้โดยไม่ปล่อยมลภาวะออกจากท่อไอเสียเป็นระยะทางสูงสุด 53 กม. (EU test cycle)
เครื่องยนต์เบนซิน 3 สูบ พร้อมเทคโนโลยี BMW TwinPower Turbo ยังคงทรงพลังเช่นเดิมด้วยกำลัง 231 แรงม้า (170 กิโลวัตต์) อัตราเร่งจาก 0 ถึง 100 กม./ชม. ได้ภายใน 4.6 วินาที เพิ่มลุคสปอร์ทด้วยล้ออัลลอยขนาด 20 นิ้วลาย W-spoke เสริมด้วยสัญลักษณ์ Roer บริเวณท้ายรถและเสา C-pillar โครงกระจกหน้ามาในวัสดุคาร์บอนไฟเบอร์น้ำหนักเบา พร้อมด้วยหลังคาที่เปิด/ปิดด้วยระบบไฟฟ้าได้ภายในเวลา 15 วินาที ขณะขับขี่ที่ความเร็วสูงสุด 50 กม./ชม. โดยหลังคาจะถูกเก็บลงในลักษณะตั้งฉาก ทำให้เพิ่มปริมาตรการเก็บสัมภาระที่ท้ายรถได้ถึงมากขึ้นถึง 100 ลิตร
ABOUT THE AUTHOR
thanasan saowamol
ลุงหนึ่ง ฟอร์มูลา ศึกษาวิชาตำรารถมานานกว่า 30 ปี ผ่านร้อนหนาว ตั้งแต่ ยุคเครื่องยนต์ มาถึงยุคมอเตอร์ จะว่าเวอร์ ก็เจอมาหมด
ภาพโดย : BMWคอลัมน์ Online : กิจกรรม(formula)
คำค้นหา