รายงานข่าวจากสหรัฐอเมริกา ระบุว่า สถาบันเพื่อความปลอดภัยทางถนน IIHS และองค์กรเพื่อผู้บริโภค Consumer Reports ร่วมกันทำการศึกษาด้านระบบเบรคอัตโนมัติ ในกรณีเกิดอุบัติเหตุ พบว่า ปัจจุบัน ผู้ผลิตในอุตสาหกรรมยานยนต์ส่วนใหญ่ ต่างพากันติดตั้งเทคโนโลยีเพื่อความปลอดภัย เพื่อการปกป้องชีวิตของผู้โดยสารภายในรถ เพิ่มมากขึ้นแต่กระนั้น จากรายงานของทั้ง 2 องค์กร ยังระบุว่า มีผู้ผลิตบางราย ที่ยังไม่ได้บรรจุเทคโนโลยีเพื่อความปลอดภัยรถรุ่นใหม่ๆ นี้ ลงในรถยนต์ยี่ห้อของตนเอง โดยเฉพาะรถใหม่ในรุ่นปี 2566 เมื่อปี 2558 ผู้ผลิตในอุตสาหกรรมรถยนต์ ในสหรัฐอเมริกา ต่างให้คำมั่นว่า จะติดตั้งระบบเบรคอัตโนมัติในกรณีเกิดเหตุฉุกเฉิน หรือ Automatic Emergency Brake (AEB) ในรถยนต์ทุกคันที่ออกจำหน่ายภายในวันที่ 1 กันยายน 2565 โดยผู้ผลิต 10 รายจากจำนวน 20 ราย ได้ดำเนินการตามคำมั่นนั้นแล้ว แต่ยังมีผู้ผลิต 5 ราย ที่เพิกเฉย ไม่ดำเนินการใดๆ David Friedman รองประธานขององค์กรเพื่อผู้บริโภค ระบุว่า “ผู้ผลิตส่วนใหญ่ ต่างแสดงความจริงใจในการติดตั้งอุปกรณ์เพื่อความปลอดภัยนี้ ให้เป็นมาตรฐาน” และพร้อมระบุต่อไปว่า “สถาบันเพื่อความปลอดภัยทางถนน น่าจะติดตามคำมั่นของบรรดาผู้ผลิตรถยนต์ ให้แน่ใจว่า ภายในปี 2568 รถยนต์ใหม่ทุกคัน จะต้องมีระบบเพื่อความปลอดภัยติดตั้งเป็นมาตรฐาน รวมทั้งช่วยปกป้องคนเดินถนนได้เช่นกัน” ค่ายรถยนต์ที่ติดตั้งอุปกรณ์เพื่อความปลอดภัยในรถทุกรุ่นเป็นมาตรฐาน แล้วเสร็จเมื่อปี 2562 ได้แก่ Audi, Mercedes-Benz, Volvo, Tesla และยี่ห้อที่ดำเนินการเรียบร้อยแล้วในปี 2563 ได้แก่ BMW, Hyundai, Mazda, Subaru, Toyota และ Volkswagen สถาบันเพื่อความปลอดภัยเพื่อการเดินทางทางถนน ยังระบุว่า เทคโนโลยีเพื่อความปลอดภัยนี้ โดยการใช้กล้องและเรดาร์ จะสามารถตรวจสอบ หรือหลีกเลี่ยงการเฉี่ยวชนได้ โดยไม่ต้องพูดถึงการชนจากด้านท้าย ที่สามารถลดกรณีอุบัติเหตุลงได้ครึ่งหนึ่ง และจากการทดสอบของสถาบันฯ พบว่า การทำงานของระบบร่วมกันกับระบบการเตือนการชนด้านหน้า จะช่วยลดความเร็วลงได้ราว 16 กม./ชม. จากระดับ 40 กม./ชม. เมื่อ 5 ปีที่แล้ว ระบบนี้ สถาบันฯ ได้ทำความตกลงตามความสมัครใจกับผู้ผลิตรถยนต์ เพื่อให้ผู้ผลิตดำเนินการภายใน 7 ปี และกว่าครึ่งของผู้ผลิต ได้เพิ่มความปลอดภัยไปก่อนเวลาที่สถาบันฯ ร้องขอ ซึ่งเป็นผลดีแก่ผู้ขับขี่ และคนเดินถนนด้วยเช่นกัน จากข้อมูลการเกิดอุบัติเหตุ พบว่า ในปี 2562 เกิดอุบัติเหตุลดลง 2 % และผู้ขับขี่เดินทางไกลเพิ่มขึ้น 1 % นับเป็นเวลา 3 ปีติดต่อกัน ที่สามารถลดจำนวนการเกิดอุบัติเหตุได้ จากการติดตั้งอุปกรณ์เพื่อความปลอดภัยใหม่ๆ ให้เป็นมาตรฐานในรถทุกคัน