สิ้นสุดการรอคอย สำหรับ McLaren Artura (แมคลาเรน อาร์ทูรา) ซูเพอร์คาร์พลังไฮบริด สมรรถนะสูง (High-Performance Hybird-HPH) รุ่นแรกของ McLaren ด้วยการพัฒนาบนพแลทฟอร์มใหม่ McLaren Carbon Lightweight Architecture (MCLA) ที่แข็งแกร่ง และน้ำหนักเบา กับเลย์เอาท์เครื่องยนต์ วี 6 ขนาด 3.0 ลิตร เทอร์โบคู่ วางกลางลำ ผสานการทำงานกับมอเตอร์ไฟฟ้า อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ภายใน 3.0 วินาที สามารถขับเคลื่อนในโหมด EV ได้ระยะทาง 30 กม.McLaren Artura เปิดตัวอย่างเป็นทางการครั้งแรกในโลก เมื่อ 17 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา ล่าสุด McLaren Bangkok ได้รับการสนับสนุนจากบริษัทแม่ McLaren Automotive ด้วยการส่งซูเพอร์คาร์ไฮบริด รุ่นนี้มาอวดโฉมในไทย ซึ่งเป็นประเทศแรกของภูมิภาคอาเซียน All-New McLaren Artura เป็นซูเพอร์คาร์ซีรีส์ไฮบริด รุ่นแรกของ McLaren Automotive ที่ขึ้นสายการผลิต และทำตลาดต่อสาธารณชนอย่างเป็นทางการ ด้วยการหลอมรวมประสบการณ์ และความเชี่ยวชาญมากว่า 50 ปี จากการพัฒนา Racing Car สู่ Road Car พร้อมนำเทคโนโลยียานยนต์ล้ำสมัย ระบบไฮบริดชั้นสูงเพื่อถ่ายทอดสมรรถนะที่สมบูรณ์แบบให้ถึงมือผู้ขับขี่ McLaren ทั่วโลก การออกแบบ การพัฒนา และการผลิตโครงสร้าง มีขึ้นที่ศูนย์ McLaren Composites Technology Center (MCTC) เมืองเชฟฟีลด์ ประเทศอังกฤษ ที่ McLaren ลงทุนไปกว่า 50 ล้านปอนด์ (ประมาณกว่า 2,200 ล้านบาท) ซึ่งจะรองรับการพัฒนาซูเพอร์คาร์รุ่นใหม่ๆ และเทคโนโลยีขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าในอนาคต สำหรับ McLaren Artura เป็นยนตรกรรมรุ่นแรก ที่ใช้พแลทฟอร์มใหม่ McLaren Carbon Lightweight Architecture (MCLA) พร้อมโครงสร้างตัวถังน้ำหนักเบา ที่ประกอบขึ้นด้วย คาร์บอนไฟเบอร์ และอลูมิเนียม ขณะที่อัตราส่วนกำลัง/น้ำหนักอยู่ที่ 488 แรงม้า/น้ำหนักรถ 1 ตัน เท่านั้น น้ำหนักโดยรวมของส่วนประกอบไฮบริดอยู่ที่ 130 กก. (ประกอบด้วยแบทเตอรี 88 กก. และมอเตอร์ไฟฟ้า 15.4 กก.) และน้ำหนักขณะไม่บรรทุกสัมภาระ (DIN kerb weight) อยู่ที่ 1,498 กก. (เทียบเท่ากับซูเพอร์คาร์ในกลุ่มเดียวกันที่ไม่มีระบบส่งกำลังแบบไฮบริด) นี่คือข้อได้เปรียบด้านน้ำหนัก ที่ทำให้ McLaren Artura เหนือกว่ายนตรกรรมรุ่นอื่น เครื่องยนต์ M630 วี 6 ขนาด 3.0 ลิตร เทอร์โบคู่ วางกลางลำตัวรถ ให้กำลังสูงสุด 585 แรงม้า (PS) แรงบิดสูงสุด 59.7 กก.-ม. หรือ 585 นิวตัน-เมตร ขณะที่มอเตอร์ไฟฟ้ากำลัง 95 แรงม้า และแรงบิด 22.9 กก.-ม. (225 นิวตัน-เมตร) เมื่อรวมประสิทธิผลของเครื่องยนต์ และมอเตอร์ไฟฟ้า จะให้กำลังสูงสุดถึง 680 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 73.4 กก.-ม. (720 นิวตัน-เมตร) ส่งกำลังสู่ล้อหลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ SSG 8 จังหวะรุ่นใหม่ สามารถทำอัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ได้ในเวลา 3.0 วินาที และ 0-200 กม./ชม. ภายใน 8.3 วินาที ส่วนความเร็วสูงสุด 330 กม./ชม. สมรรถนะที่ยอดเยี่ยมของ McLaren Artura ยังเลือกโหมดการขับขี่ได้ ทั้ง Comfort, Sport และความเร้าใจขีดสุดแบบ Track modes ขณะเดียวกันในโหมด Electric ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า 100 % (EV) สามารถทำความเร็วได้สูงสุด 130 กม./ชม. และยังเป็นซูเพอร์คาร์ที่ประหยัดน้ำมันมากที่สุด ตั้งแต่ McLaren ผลิตรถมา ด้วยอัตราบริโภคน้ำมันเฉลี่ย 5.6 ลิตร/100 กม. และการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ 129 กรัม/กม. (มาตรฐาน WLTP) McLaren Artura ยังมาพร้อมแบทเตอรีลิเธียม-ไอออน ความจุ 7.4 กิโลวัตต์ชั่วโมง เมื่อชาร์จไฟเต็มสามารถวิ่งในโหมด EV โดยเครื่องยนต์ไม่ติดได้ถึง 30 กม. ระบบอินโฟเทนเมนท์ หน้าจอสัมผัสความละเอียดสูงขนาด 8 นิ้ว ช่วยให้สามารถตั้งค่าระบบช่วยขับขั้นสูง (ADAS) และระบบแชร์หน้าจอจากสมาร์ทโฟน (Smartphone Mirroring) และการอัพเดทข้อมูล ระบบปฏิบัติการผ่านดาวเทียม (Over-The-Air หรือ OTA) และยังมีระบบติดตามยานพาหนะเมื่อถูกโจรกรรมอีกครั้ง (ออพชันนี้ขึ้นอยู่กับตลาดแต่ละประเทศ) การตกแต่งภายในที่เป็นเอกลักษณ์ ภายใต้ปรัชญาการออกแบบ “form follows function” เน้นประโยชน์ใช้สอย และการควบคุมโดยไม่ต้องยกมือออกมาจากพวงมาลัย ในส่วนช่วงล่างได้รับการออกแบบใหม่ ด้านหน้าเป็นแบบปีกนกคู่ อลูมิเนียม ส่วนหลังใช้ปีกนกด้านบน และมัลทิลิงค์ด้านล่าง พวงมาลัยผ่อนแรงด้วยไฮดรอลิค และระบบไฟฟ้า ช่วยเพิ่มความคล่องตัวในการขับขี่ ล้ออัลลอยขนาด 19 นิ้ว ในคู่หน้า และขนาด 20 นิ้วคู่หลัง ประกบยางสมรรถนะสูง Pirelli P ZERO ด้านหน้า 235/35 ZR19 และหลัง 295/35 R20 สำหรับ McLaren Artura ซูเพอร์คาร์ไฮบริด จะวางตำแหน่งการทำตลาดระหว่าง รุ่น GT และ 720S โดยตั้งราคาขาย 16.7 ล้านบาท พร้อมการรับประกันตัวรถ 5 ปี หรือ 75,000 กม. และรับประกันแบทเตอรี 6 ปี หรือ 75,000 กม. (แล้วแต่ระยะใดถึงก่อน) วิทวัส ชินบารมี กรรมการผู้จัดการใหญ่ McLaren Bangkok เปิดเผยว่า McLaren Artura ถูกนำเข้ามาให้แฟนๆ ซูเพอร์คาร์ชาวไทยได้สัมผัสอย่างใกล้ชิด ถือเป็นซูเพอร์คาร์ไฮบริด สมรรถนะสูง ที่เข้ามาเปิดศักราชใหม่ของการผลิตรถขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าของ McLaren พร้อมตอกย้ำเป้าหมายของแบรนด์ ในการส่งมอบยนตรกรรมที่มีความพิเศษเฉพาะตัวให้แก่ลูกค้า สำหรับ McLaren เป็นซูเพอร์คาร์ที่ไม่เน้นเพิ่มจำนวนผลิต และไม่มีรถเครื่องยนต์วางหน้า รถ 4 ประตู หรือเอสยูวี ดังนั้น เราจะเป็นซูเพอร์คาร์ยี่ห้อสุดท้ายในโลก สำหรับปีนี้ยังทำการตลาดอย่างต่อเนื่อง โดยมุ่งเข้าหาลูกค้าโดยตรงที่เป็นตลาดเฉพาะกลุ่ม “ปีนี้จะรุกตลาดมากกว่าที่เคย โดยเน้นกิจกรรมทางการตลาดมากขึ้น พร้อมให้ความสำคัญกับการสร้าง McLaren’s Club Thailand เพื่อให้เป็นชุมชนคนรักซูเพอร์คาร์ ที่ดีที่สุดในประเทศ ส่วน McLaren Artura มั่นใจว่าจะได้การตอบรับเป็นอย่างดี ด้วยเทคโนโลยีระดับไฮเพอร์คาร์ สมรรถนะเหนือกว่าคู่แข่งทั้งหมด พร้อมราคาที่น่าสนใจ” วิทวัส กล่าวสรุป