สำนักข่าว Bloomberg NEF สื่อมวลชนที่ทำงานด้านการวิเคราะห์อุตสาหกรรมสมัยใหม่ ซึ่งอยู่ระหว่างการเปลี่ยนถ่ายเทคโนโลยี ระบุว่า ภายในปี 2027 หรือ พศ. 2570 รถไฟฟ้าแบทเตอรี หรือ BEV ราคาจำหน่ายจะถูกกว่ารถเครื่องยนต์สันดาปภายในข้อคิดเห็นนี้ สืบเนื่องมาจากการผลิตชุดแบทเตอรีในปัจจุบัน เริ่มมีต้นทุนการผลิตที่ถูกลง และทำให้ผู้ผลิตต้องกำหนดขนาดพื้นที่ของชุดแบทเตอรี ที่ติดตั้งบนพื้นตัวรถ ซึ่งทำให้การผลิตเป็นอุตสาหกรรม เริ่มเข้าที่เข้าทาง เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และราคาที่เริ่มถูกลง อย่างน้อยที่สุดก็ในทวีปยุโรป ภายใน 6 ปีข้างหน้า ราคารถไฟฟ้าที่จำหน่ายจะถูกกว่ารถที่ใช้น้ำมันเบนซิน หรือดีเซล เป็นพลังงาน และภายในปี 2570 สำนักข่าว Bloomberg NEF ยืนยันว่า ราคาระหว่างรถเครื่องยนต์สันดาปภายในกับรถไฟฟ้า จะใกล้เคียงกัน หรือรถไฟฟ้า จะมีราคาถูกกว่า สำนักข่าว The Guardian สรุปบทความการวิเคราะห์ราคานี้ไว้ และเสนอแนะว่า ราคาของรถไฟฟ้า ประเภท เอสยูวี และซีดาน จะใกล้เคียงกับราคาของรถเครื่องยนต์สันดาปภายใน นับแต่ปี 2026 หรือ พศ. 2569 ส่วนราคาของรถแฮทช์แบคขนาดเล็กที่ใกล้เคียงจะอยู่ในปีถัดไป รายงานของ Bloomberg NEF ชี้ประเด็นว่า ราคาเฉลี่ยของรถยนต์ขนาดกลาง ไม่ว่าจะเป็นรถไฟฟ้า หรือรถเครื่องยนต์สันดาปภายใน จะอยู่ที่ประมาณคันละ 19,000 ยูโร หรือประมาณ 760,000 บาท จนถึงปี 2030 หรือ พศ. 2573 ค่าเฉลี่ยของรถไฟฟ้า จะลดลงอยู่ที่คันละ 16,300 ยูโร หรือประมาณ 652,000 บาท ขณะที่ราคาเฉลี่ยของรถเครื่องยนต์สันดาปภายใน จะสูงขึ้นไปเป็น คันละ 19,900 ยูโร หรือประมาณ 796,000 บาท นี่คือ ความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ จากในปัจจุบัน ที่ค่าเฉลี่ยรถไฟฟ้า ตกอยู่คันละ 33,300 ยูโร หรือประมาณ 1,332,000 บาท และค่าเฉลี่ยของรถเครื่องยนต์สันดาปภายในตกคันละ 18,600 ยูโร หรือประมาณ 744,000 บาท ฺBloomberg NEF ยังรายงานว่า นักวิเคราะห์การลงทุนจาก UBS เชื่อมั่นว่า ราคาในการผลิตทั้งรถไฟฟ้า และรถเครื่องยนต์ดีเซล จะมีราคาเท่ากัน ภายในปี 2024 หรือ พศ. 2567 ทั้งนี้ทั้งนั้น ส่วนหนึ่งเกิดจากค่าใช้จ่ายในการขึ้นสายการผลิตรถไฟฟ้า ที่คำนวณจากงบประมาณการลงทุนปรับปรุงสายการผลิตแล้วเสร็จเรียบร้อย ไม่มีค่าใช้จ่ายในการลงทุนเพิ่มเติมอีกต่อไป ผู้ผลิตก็สามารถที่จะลดราคาจำหน่ายรถไฟฟ้าให้แก่ผู้บริโภคลงได้ เช่นเดียวกับคณะกรรมการขนส่งและสิ่งแวดล้อมหรือ Transport and Environment สหภาพยุโรป ประเมินว่า ราคาชุดแบทเตอรี จะลดลงถึง 58 % ภายใน 10 ปีข้างหน้า ยิ่งจะทำให้ราคาของรถยนต์ทั้ง 2 ประเภท ใกล้เคียงกันมากยิ่งขึ้น