รถใหม่รอบโลก
BMW iX ครอสส์โอเวอร์ EV ไฟฟ้าล้วนมาแล้ว
ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2564 นี้ เตรียมพบกับเทคโนโลยีระดับเรือธงใหม่ล่าสุดจาก BMW Group (บีเอมดับเบิลยู กรุพ) ผสานสุนทรียภาพแห่งการขับขี่ที่ปลอดมลพิษ เข้าไว้กับความปราดเปรียวแบบสปอร์ท และระยะการขับขี่ด้วยพลังงานไฟฟ้าที่ยาวไกลยิ่งขึ้น มาพร้อมเอกลักษณ์ที่สื่อถึงวิสัยทัศน์แห่งความยั่งยืนอย่างเต็มรูปแบบ โดดเด่นด้วยดีไซจ์นที่ก้าวล้ำ และการออกแบบภายในห้องโดยสารโอ่อ่ากว้างขวาง นับเป็นการสร้างนิยามใหม่เอี่ยมให้แก่รถยนต์อเนกประสงค์ Sports Activity Vehicle (SAV) ด้วยความมุ่งมั่นในการสร้างรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100 % BMW iX (บีเอมด้บเบิลยู ไอเอกซ์) จึงนับเป็นการปูรากฐานสู่นวัตกรรมแห่งอนาคต เตรียมพร้อมสำหรับเทคโนโลยีการขับขี่อัตโนมัติ รวมถึงการทำงาน การเชื่อมต่อ และบริการด้านดิจิทอลต่างๆ ที่มอบประสบการณ์การขับขี่ระดับพรีเมียมที่เหนือกว่ายนตรกรรมอื่นๆ ในเซกเมนท์เดียวกัน
ดีไซจ์นภายนอกที่มีเส้นสายในการออกแบบชัดเจนทรงพลัง แต่ยังมีความเรียบง่าย และคงความบึกบึนสไตล์ SAV รายละเอียดขององค์ประกอบต่างๆ สื่อถึงความประณีต และความหรูหราล้ำยุค โดดเด่นสะดุดตาด้วยกระจังหน้าทรงไตคู่ที่เกือบปิดทึบ สะท้อนถึงนวัตกรรมการผลิตที่ล้ำสมัย ส่วนกล้อง และเรดาร์เซนเซอร์ฝังอยู่ภายใต้พื้นผิวของกระจังหน้า มิติตัวรถ ยาว/กว้าง/สูง 4,953/1,967/1,696 มม. ฐานล้อ 3,000 มม. ช่วงล้อหน้า/หลัง กว้าง 1,677/1,706 มม.
BMW iX จะเปิดตัวสู่ตลาดเป็นครั้งแรกด้วย 2 รุ่นย่อย คือ BMW iX xDrive40 และ BMW iX xDrive50 ซึ่งมาพร้อมระบบการขับเคลื่อน 4 ล้อแบบไฟฟ้า ใช้มอเตอร์ 2 ตัวที่ทำงานด้วยหลักการของมอเตอร์ซิงโครนัสที่กระตุ้นด้วยไฟฟ้าแทนที่จะเป็นแม่เหล็กแบบในมอเตอร์ทั่วไป ทำงานควบคู่กับเทคโนโลยีเซลล์แบทเตอรีใหม่ล่าสุด
BMW iX xDrive40 มอเตอร์หน้า 258 แรงม้า หลัง 272 แรงม้า พละกำลังสูงสุด 326 แรงม้า/240 กิโลวัตต์ แรงบิดรวมได้สูงสุดถึง 64.2 กก.-ม. หรือ 630 นิวตัน-เมตร (อัตราการใช้ไฟฟ้าตามมาตรฐาน WLTP อยู่ที่ 22.5-19.4 กิโลวัตต์ชั่วโมง/100 กม. ระดับการปล่อย CO2 เฉลี่ย 0 กรัม/กม.) ระยะทางขับเคลื่อนตามมาตรฐาน WLTP สูงสุดถึง 425 กม.
BMW iX xDrive50 มอเตอร์หน้า 258 แรงม้า หลัง 313 แรงม้า พละกำลังรวมสูงสุด 523 แรงม้า/385 กิโลวัตต์ แรงบิดรวมได้สูงสุดถึง 78.0 กก.-ม. หรือ 765 นิวตัน-เมตร (อัตราการใช้ไฟฟ้าตามมาตรฐาน WLTP อยู่ที่ 23.0-19.8 กิโลวัตต์ชั่วโมง/100 กม. ระดับการปล่อย CO2 เฉลี่ย 0 กรัม/กม.) ระยะทางขับเคลื่อนตามมาตรฐาน WLTP สูงสุดถึง 630 กม.
นอกจากนี้ BMW Group ยังเตรียมเปิดตัว BMW iX M60 ขุมพลังสูงสุดถึง 600 แรงม้า/440 กิโลวัตต์ มาร่วมไลน์อัพ (อัตราการใช้ไฟฟ้าตามมาตรฐาน WLTP อยู่ที่ 21.6 กิโลวัตต์ชั่วโมง/100 กม. ระดับการปล่อย CO2 เฉลี่ย 0 กรัม/กม.) ที่พร้อมสร้างประสบการณ์ขับขี่ด้วยพลังงานไฟฟ้าแบบสปอร์ทเร้าใจอย่างเต็มพิกัด (ข้อมูลการส่งกำลังของมอเตอร์ และอัตราการใช้ไฟฟ้าของ BMW iX M60 เป็นการคาดการณ์โดยใช้ข้อมูลของรถยนต์ซึ่งยังอยู่ในขั้นตอนการพัฒนา)
โครงสร้างของ iX มาในวัสดุอลูมิเนียมแบบ Spaceframe ส่วนหลังคามาในโครงสร้าง Carbon Cage ซึ่งประกอบด้วยวัสดุคาร์บอนไฟเบอร์บริเวณด้านข้าง และด้านหลัง ผสานการใช้วัสดุ 2ประเภทเข้าไว้ด้วยกัน เพื่อเสริมทั้งความแข็งแกร่ง และลดน้ำหนักให้เบาลง ส่วนค่าสัมประสิทธิ์แรงต้านอากาศ (Drag Coefficient) ที่ต่ำเพียง 0.25 จากองค์ประกอบด้านอากาศพลศาสตร์ต่างๆ ยังช่วยเสริมประสิทธิภาพการทำงานของเครื่องยนต์ และระยะการขับขี่ด้วยเช่นกัน แบทเตอรีแรงดันสูงใน iX ที่ติดตั้งอยู่ใต้ท้องรถ ช่วยลดจุดศูนย์ถ่วงให้ต่ำลง เมื่อประสานเข้ากับการกระจายน้ำหนักอย่างสมดุล จึงทำให้ตอบสนองต่อการควบคุมฉับไว นอกจากนี้ รูปแบบการขับขี่ที่มีความสมดุลของ iX ยังช่วยเพิ่มความมั่นคง และความสบายขณะขับขี่ ขณะที่ยังคงความคล่องตัว
เทคโนโลยีแชสซีส์ที่ใช้ในการพัฒนา iX ประกอบด้วย เพลาหน้าแบบปีกนกคู่ เพลาหลังแบบ five-link ช่วงล่างแบบปรับระดับได้ และระบบพวงมาลัยไฟฟ้าที่ปรับน้ำหนักตามความเร็วรถขณะขับขี่ (Servotronic) แปรผันตามการหมุนและความเร็ว นอกจากนี้ ตัวรถยังมาพร้อมอุปกรณ์เสริมอย่างระบบช่วงล่างแบบถุงลมที่ควบคุมด้วยไฟฟ้า ระบบปรับองศาของล้อหลังเพื่อการเข้าโค้ง หรือเลี้ยว (Integral Active Steering) และเบรคแบบสปอร์ท iX มาพร้อมล้ออัลลอยน้ำหนักเบาขนาด 20 นิ้วเป็นมาตรฐาน โดยสามารถเลือกเปลี่ยนเป็นล้อ Air Performance ขนาด 21 และ 22 นิ้วได้ตามต้องการ เสริมด้วยยางล้อลดเสียงรบกวนที่มีชั้นโฟมบริเวณพื้นผิวด้านในเพื่อลดการเกิดเสียง
iX มาพร้อมกับระบบขับเคลื่อน 4 ล้อแบบไฟฟ้า และระบบป้องกันการลื่นไถลของล้อ (Near-actuator wheel slip limitation) ส่งแรงบิดด้วยกำลังที่พอเหมาะลงสู่ล้อหน้า และล้อหลังในทุกสภาวะการขับขี่ ระบบการควบคุมที่ชาญฉลาดส่งกำลังแบบแปรผันได้อย่างเต็มรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการส่งกำลังเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของการขับเคลื่อนล้อหลัง ตลอดไปจนถึงการเพิ่มแรงดึงเพื่อป้องกันการลื่นไถลขณะขับเคลื่อน 4 ล้อ ช่วยป้องกันการลื่นไถลของล้อ และเพิ่มความเสถียรภาพในการควบคุมรถยิ่งขึ้นอีกระดับ โดยเป็นส่วนหนึ่งของระบบการจัดการมอเตอร์ ซึ่งป้อนข้อมูลที่แม่นยำ และฉับไวเพื่อขับเคลื่อนรถยนต์อยู่ตลอดเวลา iX xDrive40 สามารถทำความเร็วจาก 0-100 กม./ชม. ภายใน 6.1 วินาที และ iX xDrive50 ทำได้ภายในเพียง 4.6 วินาที
ระบบการขับเคลื่อนประสิทธิภาพสูงเทคโนโลยี BMW eDrive เจเนอเรชันที่ 5 ใน iX นั้น มีหัวใจสำคัญอยู่ที่ระบบขับเคลื่อนซึ่งรวมมอเตอร์ไฟฟ้า วงจรอีเลคทรอนิค และระบบเกียร์ เอาไว้ภายใต้โครงสร้างเดียวกัน การสร้างโครงข่ายของระบบการขับเคลื่อนไฟฟ้าที่สอดประสานเป็นหนึ่งเดียว ช่วยเพิ่มความหนาแน่น และศักยภาพของกำลังไฟฟ้า อีกทั้งยังเป็นการใช้พื้นที่ระหว่างเพลาหน้า และเพลาท้ายให้เกิดประโยชน์สูงสุด
iX ใช้มอเตอร์ 2 ตัวที่ทำงานด้วยหลักการของมอเตอร์ซิงโครนัสที่กระตุ้นด้วยไฟฟ้าแทนที่จะเป็นแม่เหล็กแบบในมอเตอร์ทั่วไป จึงสร้างแรงบิดรวมได้สูงสุดถึง 64.2 กก.-ม. หรือ 630 นิวตัน-เมตร สำหรับ iX xDrive40 และ 78.0 กก.-ม. หรือ 765 นิวตัน-เมตร สำหรับ iX xDrive50
ระบบการนำพลังงานกลับมาใช้ใหม่แบบแปรผัน (Adaptive recuperation) ช่วยเสริมประสิทธิภาพ และระยะการขับขี่ของ iX ด้วยการดึงพลังงานจากระบบเบรคกลับมาใช้ใหม่ให้เหมาะสมกับสภาวะการขับขี่ โดยใช้ข้อมูลจากระบบนำทาง และเซนเซอร์จากระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ ยกตัวอย่างเช่น เมื่อรถเข้าใกล้ทางแยก ระดับการดึงพลังงานกลับมาใช้ใหม่จะเพิ่มสูงขึ้น เพื่อเติมพลังงานไฟฟ้ากลับเข้าสู่แบทเตอรีแรงดันสูง ในขณะเดียวกันก็จะทำให้ความเร็วการขับขี่ลดลง และจะทำงานสลับกับฟังค์ชัน Coasting ขณะขับขี่บนท้องถนน ซึ่งช่วยให้รถเคลื่อนที่ได้โดยไม่ต้องใช้พลังงานเมื่อผู้ขับขี่ยกเท้าออกจากแป้นคันเร่งระบบการนำพลังงานกลับมาใช้ใหม่แบบแปรผันนี้ ทำงานเมื่อเข้าเกียร์ D แต่ผู้ขับขี่สามารถเลือกระดับการนำพลังงานกลับมาใช้ใหม่ได้ตามต้องการ ระหว่างระดับสูง ปานกลาง และต่ำ ในระดับสูง ระบบ Recuperation จะทำงานอัตโนมัติเมื่อเข้าเกียร์ B สร้างประสบการณ์ในการขับขี่แบบ one-pedal feeling ส่วนข้อมูลเกี่ยวกับการไหลเวียนของพลังงานจะแสดงผลผ่านจอ Control Display ขณะขับขี่ในทุกตำแหน่งเกียร์ นอกจากนี้ ระบบนี้ยังมาพร้อมกับคุณสมบัติ Efficiency Trainer ที่แนะนำเคล็ดลับในการขับขี่แบบประหยัดพลังงานมากที่สุด พร้อมแสดง Range Horizon เพื่อวิเคราะห์ระดับพลังงานของแบทเตอรีแรงดันสูงโดยอ้างอิงจากสไตล์การขับขี่
เทคโนโลยี BMW eDrive เจเนอเรชันที่ 5 ยังมาพร้อมแบทเตอรีแรงดันสูงที่ใช้เทคโนโลยีเซลล์แบทเตอรีใหม่ล่าสุด ความสามารถในการกักเก็บพลังงานในระดับเซลล์เพิ่มขึ้นถึง 40 % เมื่อเทียบกับแบทเตอรีแรงดันสูงที่ใช้ใน i3 (ไอ 3) รุ่นปี 2020iX xDrive50 มาพร้อมแบทเตอรีแรงดันสูงที่มีความจุพลังงานสุทธิ 105.2 กิโลวัตต์ชั่วโมง (ความจุพลังงานรวม 111.5 กิโลวัตต์ชั่วโมง) ส่วนแบทเตอรีแรงดันสูงใน iX xDrive40 มีความจุพลังงานสุทธิ 71 กิโลวัตต์ชั่วโมง (ความจุพลังงานรวม 76.6 กิโลวัตต์ชั่วโมง)
iX ยังมีระบบควบคุมอุณหภูมิภายในห้องโดยสารติดตั้งมาเป็นมาตรฐาน แบทเตอรีแรงดันสูง และระบบขับเคลื่อนทำงานด้วยปั๊มความร้อนที่มีประสิทธิภาพ พร้อมระบบควบคุมอุณหภูมิการทำงานของแบทเตอรีแรงดันสูงเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการชาร์จแบทเตอรีด้วยความเร็วสูง
หัวชาร์จแบบ Combined Charging Unit (CCU) ได้รับการออกแบบมาเพื่อมอบการชาร์จที่ยืดหยุ่น รองรับการชาร์จแบบ DC ได้สูงสุด 200 กิโลวัตต์ (iX xDrive50) หรือ 150 กิโลวัตต์ (iX xDrive40) เพิ่มความเร็วในการชาร์จจาก 10 % ถึง 80 % ภายใน 35 นาที สำหรับ iX xDrive50 และภายใน 31 นาที สำหรับ iX xDrive40 อีกทั้งยังเพิ่มระยะขับขี่ได้สูงสุดถึง 150 กม. ใน iX xDrive50 และมากกว่า 95 กม. ใน iX xDrive40 หลังชาร์จแบทเตอรีที่มีระดับพลังงาน 10 % แบบ DC fast-charging เพียง 10 นาที
หน้าจอแสดงผล และระบบทำงาน iDrive เจเนอเรชันใหม่ ซึ่งเปิดตัวเป็นครั้งแรกใน iX ต่อยอดการสื่อสารระหว่างผู้ขับขี่ และรถยนต์ให้เป็นธรรมชาติมากขึ้น ทำงานด้วยระบบปฏิบัติการ BMW Operating System 8 ที่ออกแบบสำหรับทำงานร่วมกับจอระบบสัมผัสแบบโค้ง BMW Curved Display รองรับการโต้ตอบด้วยเสียงกับ BMW Intelligent Personal Assistant ซึ่งได้รับการอัพเกรดจากรุ่นก่อนหน้า โดยจอ BMW Curved Display เป็นกลุ่มจอแสดงผลดิจิทอลซึ่งประกอบไปด้วย จอ Information Display ขนาด 12.3 นิ้ว และจอ Control Display ขนาด 14.9 นิ้ว รวมเข้าด้วยกันภายใต้แผงกระจกชิ้นเดียวที่หันหน้าเข้าหาผู้ขับขี่ ส่วนระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ดิจิทอลมาพร้อมฟีเจอร์ใหม่ และแสดงกราฟิคดีไซจ์นใหม่ขณะสื่อสารกับผู้ใช้งาน
ระบบ My Modes ใหม่ ขยายการตั้งค่าต่างๆ ของรถยนต์ให้ครอบคลุมประสบการณ์ขับขี่ทุกรูปแบบ โดยสามารถอัพเกรดระบบ หรือซื้อบริการเพิ่มเติมจาก BMW ConnectedDrive Store ได้ด้วยตนเองผ่านคุณสมบัติ Functions on Demand ซึ่งติดตั้งโปรแกรมต่างๆ ได้แบบไร้สาย และอัพเดทซอฟท์แวร์ล่าสุดได้ตลอดเวลา ระบบนำทางซึ่งประกอบด้วย BMW My Maps และ Augmented Reality Video แสดงผลทางจอ Control Display และทำงานบนระบบคลาวด์ จึงวางแผนเส้นทางได้อย่างรวดเร็ว และแม่นยำ ให้ผู้ขับขี่ค้นหาเส้นทางได้อย่างง่ายดาย ทั้งนี้ ตัวรถใช้เทคโนโลยี 5G ในการรับส่งข้อมูล อีกทั้งยังสามารถส่งข้อมูลจากมือถือไปยังรถยนต์โดยใช้ eSIM ซึ่งเป็นอีกหนึ่งเทคโนโลยีใหม่ที่บุกเบิกมาพร้อมกับ iX
ระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ที่หลากหลายใน iX ยังปูทางสู่การพัฒนาระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติ และระบบช่วยเหลือการเข้าที่จอดต่างๆ เพื่อก้าวสู่ระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติ Level 3 มาพร้อมเซนเซอร์เจเนอเรชันใหม่ ซอฟท์แวร์ใหม่ และพแลทฟอร์มในการประมวลผลที่ทรงพลัง ใช้กล้อง 5 ตัว เรดาร์เซนเซอร์อีก 5 ตัว และอุลทราโซนิคเซนเซอร์ 12 ตัวในการตรวจจับสภาพแวดล้อมรอบคัน
iX ยังมาพร้อมระบบเตือนการชนด้านหน้าสามารถตรวจจับการจราจรหน้ารถได้ขณะเลี้ยวซ้าย (สำหรับประเทศที่รถยนต์ขับด้านขวา) หรือตรวจจับจักรยาน และคนเดินเท้าได้ขณะเลี้ยวขวา ลูกค้ายังสามารถเลือกติดตั้งอุปกรณ์เพิ่มเติม เช่น ระบบเตือนขณะเปลี่ยนเลน Steering and Lane Control Assistant ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติพร้อมฟังค์ชัน Stop & Go รวมถึง 2 ระบบใหม่ล่าสุดอย่าง ระบบเตือนขณะเปิดประตูรถ ในกรณีที่มีจักรยาน หรือคนเดินเท้าอยู่ใกล้ประตูรถ (Exit warning function) และระบบ Remote Theft Recorder ซึ่งมาเสริมการทำงานของระบบที่ติดตั้งมาเป็นมาตรฐานอย่างระบบช่วยนำรถเข้าที่จอดอัตโนมัติ (Parking Assistant) ซึ่งประกอบด้วยกล้องมองหลัง (Reversing Assist Camera) และระบบช่วยถอยหลัง (Reversing Assistant)
การออกแบบภายในห้องโดยสารมุ่งนำเสนอแนวคิดของการใช้ชีวิตที่เปี่ยมด้วยคุณภาพ มาพร้อมพื้นที่กว้างขวาง และเบาะที่นั่งแบบใหม่พร้อมพนักพิงศีรษะเสริมความหรูหรายิ่งขึ้น มีพื้นที่วางขามากขึ้นเนื่องจากไม่ต้องมีท่อส่งน้ำมันกลางตัวรถ ซึ่งยังช่วยเพิ่มพื้นที่เก็บสัมภาระ คอนโซลกลางมาในดีไซจ์นเทียบเคียงเฟอร์นิเจอร์หรู ปุ่มควบคุมระบบสัมผัส และระบบเปลี่ยนเกียร์แบบ Rocker Switch เติมเต็มความทันสมัยยิ่งขึ้นภายในห้องโดยสาร พร้อมเน้นย้ำถึงการออกแบบห้องโดยสารเพื่อผู้ขับขี่ด้วยพวงมาลัยทรงหกเหลี่ยม และจอ Head-Up Display
ระบบปรับอากาศอัตโนมัติมาพร้อมฟีลเตอร์นาโนไฟเบอร์ที่สามารถกรองอากาศบริสุทธิ์ ควบคุมผ่านจอระบบสัมผัสแบบใหม่ ซึ่งใช้ควบคุมการหมุนเวียนของอากาศภายในห้องโดยสาร รวมถึงระบบทำความร้อนที่เบาะนั่ง และพวงมาลัย มาพร้อมตัวเลือกอุปกรณ์เสริมคุณภาพเสียงทรงพลังยิ่งขึ้น อย่างระบบเสียง Bowers & Wilkins Diamond Surround Sound System ที่ฝังอยู่ในพนักพิงศีรษะ และระบบเสียงแบบ 4D ที่มีฟังค์ชันสั่นตามเสียงเบสส์ในเบาะหน้า
นอกจากระบบการจำลองเสียงเพื่อเตือนคนเดินถนน iX ยังมาพร้อมเสียงประกอบการขับขี่ที่ออกแบบมาเป็นพิเศษ เติมเต็มความเร้าใจในการขับขี่ทุกครั้งที่เร่งความเร็ว ฟังค์ชัน BMW IconicSounds Electric ที่ติดตั้งมาเป็นมาตรฐาน ยังมาพร้อมตัวเลือกเสียงใหม่ล่าสุดจากนักแต่งเพลงประกอบภาพยนตร์ชื่อดังระดับโลกอย่าง Hans Zimmer
iX ผลิตที่โรงงานในเมืองดิงกอลฟิง ซึ่งทั้งตัวรถ และเซลล์แบทเตอรีผลิตด้วยพลังงานสะอาดทุกขั้นตอน โดย BMW Group ได้จัดหาแร่ธาตุโคบอลท์ และลิเธียม สำหรับการผลิตแบทเตอรีแรงดันสูง จากแหล่งผลิตภายใต้การควบคุมในประเทศออสเตรเลีย และโมรอคโค จากนั้นจึงส่งตรงไปยังผู้ผลิตแบทเตอรีแรงดันสูง ปรัชญาในการออกแบบมอเตอร์ไฟฟ้าของ BMW ยังหลีกเลี่ยงการใช้แร่แรร์เอิร์ธในโรเตอร์ของระบบขับเคลื่อน และใช้อลูมิเนียมที่ผลิตในโรงงานซึ่งใช้พลังงานจากโซลาร์เซลล์
กระบวนการผลิต iX ยังครอบคลุมถึงการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ โดยใช้อลูมิเนียมที่ผ่านกระบวนการหล่อ และนำกลับมาใช้ใหม่ รวมถึงการนำพลาสติคกลับมาใช้ใหม่ในปริมาณมาก ภายในห้องโดยสารประกอบด้วยวัสดุไม้ที่รับรองจาก FSC หนังฟอกด้วยสารสกัดจากใบมะกอก และยังมีส่วนประกอบจากธรรมชาติอื่นๆ อีกมากมาย และยังใช้แหจับปลาที่ผ่านการรีไซเคิลเป็นหนึ่งในวัสดุสำหรับผลิตพรมปูพื้นรถอีกด้วย