ทดลองขับ(formula)
All New Haval Jolion Hybrid SUV ครอสส์โอเวอร์ เอสยูวีไฮบริดมาแรง งบแค่ 8-9 แสน
Great Wall Motor (กเรท วอลล์ มอเตอร์) ประเทศไทย ได้จัดกิจกรรมทดลองขับ Haval Jolion (ฮาวัล โจไลออน) Hybrid Suv รุ่นที่ 2 จากบแรนด์ Haval บนเส้นทางกรุงเทพฯ-สระบุรี เพื่อให้สื่อมวลชนได้สัมผัสสมรรถนะจากการใช้งานจริงบนท้องถนน
Haval Jolion ครอสส์โอเวอร์ เอสยูวีกลุ่มซี-เซกเมนท์ ขุมพลังไฮบริด พแลทฟอร์ม GWM Lemon ที่มีราคาตั้งแต่ 879,000-999,000 บาท โดยแบ่งเป็น 3 รุ่นย่อย คือ Tech (เทค) Pro (พโร) และ Ultra (อุลทรา) รุ่นที่ใช้ในกิจกรรมครั้งนี้
ไฟหน้า LED เต็มรูปแบบ พร้อมกระจังหน้า Star Matrix สีดำ/เทา หลังคาซันรูฟแบบพาโนรามิค สปอยเลอร์ท้าย เสาอากาศแบบ Shark Fin เข้าทรงกับดิฟฟิวเซอร์ดีไซจ์นสปอร์ท และไฟท้าย LED พร้อมไฟเบรคดวงที่ 3 และไฟตัดหมอกหลังแบบ LED ล้ออัลลอยทูโทน ขนาด 18 นิ้ว พร้อมมิติตัวรถ ขนาดยาว/กว้าง/สูง 4,472/1,841/1,619 มม. และระยะฐานล้อ 2,700 มม. เมื่อเทียบกับคู่แข่งในกลุ่มนี้ Haval Jolion มีขนาดใหญ่กว่า Honda HR-V (ฮอนดา เอชอาร์-วี) 4,385/1,790/1,590 มม. และ MG ZS (เอมจี เซดเอส) 4,323/1,809/1,653 มม. ขนาดใกล้เคียง Toyota Corolla Cross (โตโยตา โคโรลลา ครอสส์) 4,460/1,825/1,620 มม.
ห้องโดยสารที่กว้างสบาย แบบ Two Tone ตัดด้วยลายเส้นสีโรสโกลด์ (Rose Gold) ในรุ่น Ultra และหน้าจอกลางอัจฉริยะแบบสัมผัส 12.3 นิ้ว รองรับ Apple CarPlay การเล่น Mp3 รวมไปถึง Joox และระบบนำทาง นอกจากนี้ ยังมีหน้าจอ Multi Information Display ความละเอียดสูง ขนาด 7 นิ้ว พร้อม Head-Up Display แสดงข้อมูลการขับขี่บนกระจกบังลมหน้า และระบบปรับอากาศอัตโนมัติแยกอิสระซ้าย/ขวา พร้อมระบบกรองอากาศ PM2.5 และยังมี Wireless Charger
รุ่น Ultra มีหลังคาพาโนรามิคซันรูฟ พื้นที่ถึง 1.2 ตารางเมตร พร้อมพื้นที่เก็บสัมภาระกว้างขวาง และสามารถเพิ่มพื้นที่จัดเก็บได้ด้วยการพับเบาะแบนราบ เพื่อขนย้ายสัมภาระขนาดใหญ่
เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ 1.5 ลิตร 95 แรงม้า ที่ 6,000 รตน. แรงบิดสูงสุด 12.7 กก.-ม. ตั้งแต่ 4,400-5,200 รตน. ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 156 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 25.5 กก.-ม. ให้กำลังสุทธิ 190 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 38.2 กก.-ม. โดยใช้แบทเตอรีลิเธียม-ไอออน ใต้ห้องเก็บสัมภาระด้านหลัง สำหรับระบบส่งกำลังเป็นแบบเพลาขับเคลื่อนอีเลคทรอนิคส์ Multi-Mode DHT โดยเป็นแบบ 2 ระบบเกียร์ (1 ระบบเกียร์ที่ด้านเครื่องยนต์ และอีก 1 ระบบเกียร์ที่ด้านมอเตอร์ขับเคลื่อน) ขับเคลื่อนล้อหน้า และระบบขับขี่มี 4 โหมด ได้แก่ มาตรฐาน, Sport, ECO, สภาพถนนลื่น ให้เลือกใช้งาน
แม้ว่าเครื่องยนต์จะไม่มีเทอร์โบ แต่ด้วยกำลังมอเตอร์ไฟฟ้าสูงถึง 156 แรงม้า ซึ่งน้อยกว่ากำลังมอเตอร์ไฟฟ้าของรุ่นพี่ H6 (เอช 6) เพียง 21 แรงม้า ทำให้ระบบไฮบริดตอบสนองคันเร่งเร็วทันใจ ในช่วงออกตัว และเร่งแซงใกล้เคียงกับรุ่นพี่ H6 ส่วนความเร็วช่วงปลายของ Haval Jolion อยู่ที่ 158 กม./ชม. (ตัวเลขบนมาตรวัด)
Haval Jolion มีระบบการช่วยเหลือผู้ขับขี่ และระบบความปลอดภัย ใกล้เคียง Haval H6 ใส่มาให้ทั้ง ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน (ACC) มาพร้อมกล้องติดรถยนต์ ADAS ที่ประสานกับชิปควบคุมการขับเคลื่อนอัตโนมัติ EYEQ4 ของโมบายล์อาย ช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่วงความเร็วที่กำหนดไว้ โดยจะปรับลดความเร็วเพื่อรักษาระยะห่างระหว่างรถคันหน้า เพื่อความปลอดภัย รวมถึงการหยุด และรีสตาร์ทกลับไปยังความเร็วที่ตั้งไว้ก่อนหน้า
การเข้าโค้งอัจฉริยะ เมื่อระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน (ACC) ทำงาน กล้องจะทำการตรวจสอบความโค้งของถนน และความเร็วจะถูกปรับอัตโนมัติหากจำเป็นต้องลดความเร็วในขณะเข้าโค้งเพื่อความปลอดภัย และเมื่อผ่านโค้งไปแล้ว รถจะกลับเข้าสู่ความเร็วเดิมที่ตั้งไว้
ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติที่ความเร็วต่ำ (TJA) เป็นระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติเมื่อใช้ความเร็วต่ำ
ระบบช่วยจอดรถอัจฉริยะ 3 รูปแบบ (IIP) ใช้เซนเซอร์ และกล้องในการตรวจสอบ เพื่อตรวจจับวัตถุ และเครื่องหมายบริเวณช่องจอดหรือจุดจอดรถ และช่วยทำงานเต็มรูปแบบเพื่อเข้าจอด ทั้งแนวตรง แนวเฉียง และจอดเทียบข้าง
กล้องแสดงภาพรอบทิศทาง 360 องศา ประกอบไปด้วยกล้อง 4 ตัว ที่มีความละเอียดคมชัด 4 Megapixel โดยระบบจะรวมเอามุมมองภาพทั้ง 4 กล้องมาสร้างภาพที่มีมุมมอง 360 องศาจากมุมบน เพื่อช่วยให้การขับขี่ในทุกสถานการณ์เป็นเรื่องง่าย
ระบบเบรคฉุกเฉินอัตโนมัติบนทางตรง และทางแยก (AEBI) มาพร้อมระบบการตรวจจับรถยนต์, ผู้ขับขี่จักรยาน และคนเดินถนน ทั้งทางตรง และทางแยก โดยสามารถคำนวณระยะทางระหว่างรถยนต์, ผู้ขับขี่จักรยาน และคนเดินถนนได้แบบเรียลไทม์ มีสัญญาณเตือนด้วยเสียง และระบบช่วยเบรคฉุกเฉินอัตโนมัติ ช่วยหลีกเลี่ยงการชน หรือลดแรงกระแทก และยังมีการเตือนการชนด้านหน้าและด้านหลัง โดยใช้เรดาร์ด้านหน้า และหลัง เพื่อพิจารณาระยะทาง ทิศทาง และความเร็วสัมพันธ์ของรถคันอื่น (ไม่เหยียบเบรคและไม่หักพวงมาลัย)
ระบบช่วยเตือนและเบรคเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง (RCTB) ช่วยตรวจสอบจุดอับสายตาด้านหลังของตัวรถทั้งด้านซ้ายและด้านขวาของช่องทางเดินรถในขณะถอยหลัง โดยส่งสัญญาณเตือนด้วยเสียง และหยุดรถเพื่อหลีกเลี่ยงการชน
ระบบช่วยเลี่ยงการเข้าใกล้รถใหญ่จากด้านข้าง (WDS) โดยระบบจะตรวจสอบรถบรรทุกขนาดใหญ่ หรือรถที่มีขนาดยาว หรือสูง ในระหว่างการขับผ่านทางด้านซ้าย หรือด้านขวา ระบบจะเบี่ยงเพื่อเพิ่มระยะห่างตามระยะที่เหมาะสม เพื่อหลีกเลี่ยงการปะทะ และกลับสู่กึ่งกลางของเลนเดิมอัตโนมัติ (ทำงานร่วมกับ Lane Center Keeping)
ถุงลมนิรภัย 6 ตำแหน่ง เพื่อปกป้องผู้โดยสาร เมื่อเกิดอุบัติเหตุ ในกรณีที่ถุงลมนิรภัยทำงาน ประตูจะถูกปลดลอคโดยอัตโนมัติ และรถยนต์จะโทรติดต่อศูนย์ช่วยเหลือฉุกเฉิน พร้อมทั้งสามารถส่งตำแหน่งเพื่อขอความช่วยเหลือได้
ระบบช่วยลงทางลาดชัน (HDC) และระบบช่วยออกตัวบนทางชัน (HSA)
ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน (LKA) ช่วยควบคุมพวงมาลัยให้รถอยู่ในเลน ระบบช่วยเตือนเมื่อรถออกนอกเลน (LDW) แจ้งเตือนเมื่อรถกำลังออกนอกเลน และระบบช่วยรักษาระยะให้อยู่กลางเลน (LCK) ช่วยควบคุมรถให้อยู่กึ่งกลางเลน (ทำงานที่ความเร็วตั้งแต่ 60-150 กม./ชม.)
ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลนในภาวะฉุกเฉิน (ELK) ในกรณีที่รถเริ่มเบี่ยงออกจากเลนโดยไม่รู้ตัว หรือเปิดไฟเลี้ยว และทำการเปลี่ยนเลนทันที โดยมีความเสี่ยงต่อการชนกับรถยนต์ที่ตามมาด้านหลัง ระบบจะทำการแจ้งเตือน และแทรกแซงการปรับพวงมาลัยแบบฉุกเฉิน เพื่อหลีกเลี่ยงการชน หรือการเกิดอุบัติเหตุ
ระบบช่วยเตือนมุมอับสายตา (BSD) ช่วยแจ้งเตือนขณะที่มีรถอยู่ในมุมอับสายตา โดยจะมีไฟเตือนที่กระจกมองหลังด้านนอกในด้านที่ตรวจพบ ระบบช่วยเตือนการเปิดประตู (DOW) หลังจากจอดรถยนต์แล้ว ระบบจะแจ้งเตือนหากระบบตรวจพบเป้าหมายที่เสี่ยงต่อการชนหากเปิดประตูรถยนต์ ระบบตรวจความดันลมยาง (TPMS) โดยรถจะทำการวัดแรงดันลมยางอย่างต่อเนื่อง และเตือนผู้ขับขี่หากมีแรงดันลมยางล้อใดลดลง
ระบบช่วยเตือนความเมื่อยล้าขณะขับขี่ (DFM) เมื่อผู้ขับขี่ขับรถด้วยความเร็วเฉลี่ยเกิน 65 กม./ชม. ต่อเนื่องมากกว่า 4 ชม. ระบบจะแจ้งเตือน และแนะนำให้หยุดพัก ระบบจะเตือนด้วยภาพ และเสียงนาน 20 วินาที ทุกๆ 10 นาที
ระบบรองรับด้านหน้าเป็นแบบอิสระ แมคเฟอร์สันสตรัท ด้านหลังแบบทอร์ชันบีม พร้อมเหล็กกันโคลง เหมาะสมกับสภาพการขับขี่บนท้องถนนเมืองไทย มีความนุ่มนวลสูง สามารถตอบโจทย์การใช้งานของคนเมืองได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะเรื่องการรองรับแรงสั่นสะเทือนจากพื้นถนน การเข้าโค้งด้วยความเร็วสูง ตัวรถมีอาการเอียงค่อนข้างมาก แต่ยังยึดเกาะถนน
ในสนามทดสอบรถระบบปิด (Test Track) บริเวณอิมแพคท์ เลคไซด์ เมืองทองธานี เราได้ทดสอบสมรรถนะ และเทคโนโลยีอัจฉริยะของ Haval Jolion Hybrid SUV
- การทดสอบระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน (ACC) Haval Jolion Hybrid SUV มาพร้อมกับกล้องติดรถยนต์ ADAS ที่ประสานกับชิพควบคุมการขับเคลื่อนอัตโนมัติ EYEQ4 ของโมบายล์อาย ช่วยควบคุมรถยนต์ให้อยู่ในช่วงความเร็วที่กำหนดไว้ โดยจะปรับลดความเร็วเพื่อรักษาระยะห่างระหว่างรถยนต์คันหน้าเพื่อความปลอดภัย รวมไปถึงการหยุด และรีสตาร์ทกลับไปยังความเร็วที่ตั้งไว้ก่อนหน้า
- การทดสอบอัตราเร่ง เป็นการทดสอบสมรรถนะ และความแรงของเครื่องยนต์ 1.5L ที่ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้าของรถยนต์
- การทดสอบระบบช่วยจอดรถอัจฉริยะ 3 รูปแบบ (IIP) เป็นการใช้เซนเซอร์ และกล้องในการตรวจสอบ เพื่อตรวจจับวัตถุ และเครื่องหมายบริเวณช่องจอด หรือจุดจอดรถ จากนั้น ระบบจะทำงานเต็มรูปแบบเพื่อเข้าจอด ไม่ว่าจะเป็นการจอดแบบแนวตรง แนวเฉียง และการจอดเทียบข้าง ที่ทำได้อย่างแม่นยำ และสะดวกสบาย โดยในการทดสอบที่สนามทดสอบจะเป็นการทดสอบการจอดแบบแนวตรง และการจอดเทียบข้าง
- การทดสอบการขับขี่ขณะเปลี่ยนเลน และการขับขี่แบบสลาลอม (Slalom) เป็นการทดสอบการทรงตัวของตัวรถยนต์ การควบคุมพวงมาลัย และความแม่นยำของพวงมาลัยขณะขับขี่ เมื่อต้องการเปลี่ยนเลน หรือพบสิ่งกีดขวาง
- การทดสอบเทคโนโลยีคันเร่งอัจฉริยะ (Intelligent Single Pedal) เป็นการทดสอบการเร่ง หรือชะลอความเร็วโดยใช้เพียงคันเร่งเดียว โดยเมื่อตำแหน่งเกียร์อยู่ที่เกียร์ D ให้เหยียบคันเร่ง หรือยกเท้าออกจากแป้นคันเร่งเท่านั้น ก็จะสามารถทำให้รถยนต์เพิ่มความเร็ว หรือลดความเร็ว และจอดรถยนต์ได้อย่างสมบูรณ์แบบ
ABOUT THE AUTHOR
Thanasan Saowamol
ลุงหนึ่ง ฟอร์มูลา ศึกษาวิชาตำรารถมานานกว่า 30 ปี ผ่านร้อนหนาว ตั้งแต่ ยุคเครื่องยนต์ มาถึงยุคมอเตอร์ จะว่าเวอร์ ก็เจอมาหมด
ภาพโดย : GWMคอลัมน์ Online : ทดลองขับ(formula)