ธุรกิจ
ข่าวเด่นในรอบสัปดาห์
Motor Expo 2024 จัดงาน Countdown รวมนวัตกรรมยานยนต์
“มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 41” พร้อมจัดยิ่งใหญ่ส่งท้ายปี ล่าสุดค่ายรถยนต์ จักรยานยนต์ ร่วมแสดงนวัตกรรม พร้อมอัดโปรโมชันเพียบ ณ อาคารชาลเลนเจอร์ IMPACT เมืองทองธานี วันที่ 29 พฤศจิ กายน-10 ธันวาคม นี้
ขวัญชัย ปภัสร์พงษ์ ประธานจัดงาน “มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 41” เผยว่า “ปีนี้จัดงานภายใต้แนวคิด “จิตวิญญาณแห่งนวัตกรรม…ยานยนต์ล้ำอนาคต-Innovative Spirit…Futuristic Vehicles” มีค่ายรถยนต์เข้าร่วมงานทั้งหมด 42 แบรนด์ จาก 9 ประเทศ รถจักรยานยนต์ 22 แบรนด์ จาก 7 ประเทศ พร้อมจัดแสดงรถต้นแบบ รวมถึงเปิดตัวรถรุ่นใหม่ภายในงานมากมาย”
รถยนต์ 42 แบรนด์ ได้แก่ Aion, Audi, Avatr, BMW, BYD, BYD Commercial, Deepal, Denza, Ford, Foton, Geely, Great Wall Motor, Honda, Hyundai, Isuzu, Jeep, Juneyao, Kia, King Long, Leapmotor, Lexus, Lotus, Maserati, Mazda, Mercedes-Benz, MG, MINI, Mitsubishi, Neta, Nissan, Omoda & Jaecoo, Peugeot, Pocco, Porsche, Riddara, Suzuki, Tesla, Toyota, Volvo, Wuling, Xpeng และ Zeekr อีกทั้งยังมีชุดแต่งจากผู้นำเข้าอิสระ M‘Z Speed
รถจักรยานยนต์ 22 แบรนด์ ได้แก่ AJ EV, Alpha Volantis, BMW Motorrad, Deco, EM Motor, Felo, Hanway, Harley-Davidson, Honda, Kawasaki, Lambretta, NIU, Rapid, Royal Alloy, Royal Enfield, Solar, Strom, Suzuki, Triumph, Yamaha, Zeeho และ Zontes
นอกจากนี้ ยังมีรถมือสอง 5 แบรนด์ ได้แก่ Aston Martin Timeless, BMW Premium Selection, Mercedes-Benz Certified Pre-Owned Vehicles, Rolls-Royce Provenance และ Volvo Selekt
สำหรับกิจกรรมคืนกำไรให้ผู้ชมทั้ง ซื้อรถ...ชิงรถ/ซื้อบัตร...ชิงรถ/ซื้อมอเตอร์ไซค์...ชิงบิกไบค์/ชมงานผ่าน Motor Expo App ชิงรางวัล มีรายละเอียดดังนี้
1. “ซื้อรถ...ชิงรถ” เมื่อจอง หรือซื้อรถยนต์ใหม่ภายในงาน มีสิทธิ์ชิงรถยนต์ The Kia EV5 รุ่น Light มูลค่า 1,299,000 บาท
2. “ซื้อบัตร...ชิงรถ” ผู้ซื้อบัตรชมงาน มีสิทธิ์ชิงรถยนต์ Mazda รุ่น New CX-3 Base Plus มูลค่า 830,000 บาท
3. “ซื้อมอเตอร์ไซค์...ชิงบิกไบค์” เมื่อจอง หรือซื้อรถจักรยานยนต์ใหม่ในงาน มีสิทธิ์ชิงรถจักรยานยนต์ Triumph รุ่น Scrambler 1200 X มูลค่า 599,000 บาท
4. “ชมงานผ่าน Motor Expo App ชิงรถ" ผู้ชิงโชคต้องลงทะเบียนใน Motor Expo Application พร้อมตอบแบบสอบถามให้ครบถ้วน ตั้งแต่วันที่ 15 พฤศจิกายน-31 ธันวาคม 2567 มีสิทธิ์ชิงรถยนต์ Suzuki รุ่น Swift GL มูลค่า 567,000 บาท พร้อมกันนี้ ภายในบูธ Motor Expo App ยังมีกิจกรรม Choose & Match-Motor Expo Application ผู้ร่วมสนุกลุ้นรับรางวัล ลำโพง Marshall 1 รางวัล ตั้งแต่วันที่ 28 พฤศจิกายน-10 ธันวาคม 2567
พิเศษสำหรับผู้ชมงาน มีบริการ “Motor Expo Exclusive Visitor” แพคเกจชมงานแบบ VIP เพียง 1,000 บาท รับสิทธิประโยชน์ บัตรเข้าชมงาน Ultimate VIP 3 ใบ บริการช่องจอดรถ VIP ณ ลานจอดรถ P1 (1 คัน/1 สิทธิ์) ฟรีค่าจอด 3 ชม. พื้นที่รับรองพิเศษ Exclusive Visitor Lounge บริการนำชมรถโดยพนักงานขายของแบรนด์ที่ลูกค้าสนใจ ซื้อสินค้าที่ระลึก Motor Expo ลด 10 % และสิทธิ์เข้าร่วมชิงโชครายการ “ซื้อบัตร ชิงรถ”
ยิ่งกว่านั้น Motor Expo 2024 ยังมีกิจกรรมมากมาย ได้แก่ Skill Driving Experience Junior อบรมปลูกฝังวินัยจราจรเด็ก/Skill Driving Experience ให้ความรู้เกี่ยวกับการขับขี่รถที่ถูกต้องแก่บุคคลทั่วไป/Spirit of the 4x4 Driving School ให้ความรู้ และทดลองขับรถขับเคลื่อน 4 ล้อ/นิทรรศการสมาคมรถโบราณแห่งประเทศไทย อวดโฉมรถโบราณทรงคุณค่า พร้อมเปิดโหวทรถประทับใจ ชิง People Choice Award/มูลนิธิ "ลมหายใจไร้มลทิน" จัดกิจกรรมสำหรับเด็ก และเยาวชน/Join Boat Platform จัดแสดงเรือ และกิจกรรมทางน้ำ ฯลฯ
งาน “มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 41” จะจัดขึ้น ณ อาคารชาลเลนเจอร์ IMPACT เมืองทองธานี ระหว่างวันที่ 29 พฤศจิกายน-10 ธันวาคม 2567 ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ทุกสื่อในเครือ “IMC สื่อสากล ” และสามารถซื้อบัตรชมงานได้ทาง motorexpo.co.th
..................................................................................................................................................
เปิดราคา Honda HR-V E:HEV ใหม่ ทุกรุ่น ! รุ่น RS 1,179,000 บาท รุ่น EL 1,079,000 บาท และรุ่น E 899,000 บาท (ช่วงแนะนำ) พร้อม Promotion เพียบ !
ราคาจำหน่ายอย่างเป็นทางการของ Honda HR-V E:HEV (ฮอนดา เอชอาร์-วี อี:เอชอีวี) มาพร้อมราคาแนะนำช่วงเปิดตัว 899,000 บาท ในรุ่น E:HEV E จำนวนจำกัด เพื่อให้เป็นเจ้า ของได้ง่ายขึ้น โดยมาพร้อมข้อเสนอรับฟรีประกันภัย 1 ปี และฟรี Honda Ultimate Care เมื่อจองตั้งแต่ 8 พย.-31 ธค. 67 และรับรถตั้งแต่ 28 พย. 67-31 ม.ค. 68
• รุ่น E:HEV E ราคาแนะนำช่วงเปิดตัว 899,000 บาท* จำนวนจำกัด เมื่อจองตั้งแต่ 8 พฤศจิกายน-31 ธันวาคม 2567 และรับรถตั้งแต่ 28 พฤศจิกายน 2567-31 มกราคม 2568 ให้ลูกค้าได้สัมผัสกับไฮบริดเอสยูวีที่คุ้มค่าในราคาที่เป็นเจ้าของได้ง่าย (ราคาจำหน่ายอย่างเป็นทางการ 949,000บาท ตั้งแต่ 1 มกราคม 2568 เป็นต้นไป)
• รุ่น E:HEV EL ราคา 1,079,000 บาท ราคาเดิม ! เพิ่มเติมฟังค์ชันที่เติมเต็มทุกการใช้งาน
• รุ่น E:HEV RS ราคา 1,179,000 บาท ราคาเดิม ! ที่อัพลุคดีไซจ์นแบบสปอร์ทเอกซ์คลูซีฟ พร้อมฟังค์ชันการใช้งานครบครัน
ชมการรีวิวของ Honda HR-V E:HEV รุ่น EL และ RS ได้ที่นี่ https://www.autoinfo.co.th/online/565303
พร้อมตอบรับลูกค้ากลุ่มหลักด้วยราคาเดิม ที่เพิ่มเติมความคุ้มค่ามากขึ้นสำหรับรุ่น E:HEV EL ราคา 1,079,000 บาท และรุ่น E:HEV RS ราคา 1,179,000 บาท เมื่อจองตั้งแต่ 8 พย. 67-28 กพ. 68 และรับรถตั้งแต่ 28 พย. 67-28 กพ. 68 รับ Honda Exclusive Care ประกอบด้วย ฟรีประกันภัย 1 ปี ฟรี Honda Ultimate Care อีกทั้งฟรีแพคเกจเชคระยะ ค่าแรง ค่าอะไหล่ 5 ปี หรือ 100,000 กม. และฟรีรับประกันอายุการใช้งานแบทเตอรีไฮบริดถึง 10 ปี พร้อมรับประกันระบบไฮบริดทั้งระบบ 5 ปี ไม่จำกัดระยะทาง
ทุกรุ่นรับเพิ่มฟรี ! บัตรเติมน้ำมันมูลค่า 5,000 บาท เมื่อจองตั้งแต่ 8-27 พย. 67 และรับรถตั้งแต่ 28 พย.-31 ธค. 67
- พร้อมข้อเสนออื่นๆ อาทิ ส่วนลดดอกเบี้ยพิเศษ 0.3 %* สำหรับเจ้าของรถยนต์ และรถจักรยานยนต์ Honda และครอบครัว (Honda Loyalty) หรือ Double Smile Plus ค่างวดเริ่มต้นเพียง 8,495 บาท* หรือเลือกดาวน์ต่ำเพียง 10 %*
- รวมถึงแคมเปญ "Honda Happy Trade-in" ขายรถคันเดิมเพื่อออกรถยนต์ Honda HR-V E:HEV ใหม่ รับเพิ่มบัตรน้ำมันสูงสุด 30,000 บาท*
สัมผัส Honda HR-V E:HEV ใหม่ ได้ตั้งแต่วันที่ 28 พฤศจิกายน 2567 เป็นต้นไป ที่โชว์รูม Honda ทั่วประเทศ และพบกันที่บูท Honda (A08) ในงานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 41 หรือ Thailand International Motor Expo 2024 ณ อาคาร IMPACT ชาลเลนเจอร์ เมืองทองธานี ระหว่างวันที่ 29 พฤศจิกายน-10 ธันวาคม 2567
พิเศษ ! ครั้งแรกกับชุดแต่ง Mugen เอาใจสาวก Honda
อุปกรณ์ตกแต่งจาก Mugen สำนักแต่งรถชื่อดังจากประเทศญี่ปุ่นยกระดับความแกร่งสไตล์สปอร์ทในแนวคิด "Sporty Energize with Aggressive Styling" กับอุปกรณ์ตกแต่ง Mugen ที่มาพร้อมชุดแต่งรอบคัน และหลากหลายทางเลือกให้เลือกตกแต่งจัดเต็มความสปอร์ท อาทิ สปอยเลอร์หน้า สปอยเลอร์หลัง และสเกิร์ทข้าง โดยจะประกาศรายละเอียดการจำหน่ายในวันที่ 28 พฤศจิกายน 2567
..................................................................................................................................................
Mazda CX-5 2025
Mazda (มาซดา) ปรับหน้า CX-5 (ซีเอกซ์-5) ใหม่ รับปี 2025 เพื่อกลับมาทวงบัลลังก์ครอสส์โอเวอร์ เอสยูวี หลังจากโมเดลนี้ เปิดตัวเจเนอเรชันที่ 2 เมื่อปลายปี 2017 นอกจากปรับหน้าตาใหม่ให้ทันสมัยกว่าเดิม และเพิ่มเติมเทคโนโลยีรุ่นใหม่ ยังปรับราคาลดลง เพื่อเน้นความคุ้มค่า คุ้มราคาด้วย
Mazda CX-5 2025 ยังคงเป็นครอสส์โอเวอร์ เอสยูวี ในกลุ่มซี (C-SUV) ที่มีให้เลือกทั้งแบบเครื่องยนต์เบนซิน รุ่น 2.0 S กับรุ่น 2.0 SP และดีเซล เทอร์โบ รุ่น XDL ที่ขับสนุก และประหยัดน้ำมัน
ปรับหน้าใหม่ สปอร์ท โฉบเฉี่ยว ยิ่งขึ้น
การเปลี่ยนแปลงของ Mazda CX-5 เริ่มจากการออกแบบภายนอกที่สร้างความ แตกต่างอย่างชัดเจน โดยผสมผสาน ระหว่างภาพลักษณ์ความสปอร์ท และความหรูหราอย่างลงตัวทั้งด้านหน้า และด้านหลัง
ด้านหน้า เริ่มตั้งแต่ไฟหน้าดีไซจ์นใหม่พโรเจคเตอร์แบบ LED เปิด/ปิด และปรับระดับสูง/ต่ำ อัตโนมัติ กระจังหน้าสี Piano Black ดีไซจ์นใหม่ และกันชนหน้าแบบไม่มีไฟตัดหมอก
ด้านหลัง ไฟท้ายใหม่ แบบ LED Signature และกันชนหลังแบบใหม่ เสริมชุดตกแต่ง คิ้วข้าง ประตูใหม่ ล้ออัลลอย 3 แบบ 3 รุ่น ขนาด 17 นิ้ว ในรุ่น 2.0 S ขนาด 19 นิ้ว ในรุ่น 2.0 SP และ XDL และท่อไอเสีย ดีไซจ์นใหม่
ส่วนรุ่น XDL ไม่เพียงได้กันชนหน้าดีไซจ์นใหม่ ด้านล่างเปลี่ยนสปอยเลอร์หน้าให้เป็นสีเดียวกับตัวรถ รวมทั้งขอบซุ้มล้อ สเกิร์ทข้าง หรือคิวขอบประตู และสเกิร์ทหลังด้านล่างใต้กันชนหลังให้เป็นสีเดียวกับตัวรถ ท่อไอเสียขนาดใหญ่
ภายในหรู และมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว
การตกแต่งภายในใหม่ด้วยเบาะ หนังสีดำ ตกแต่งด้วยด้ายสีน้ำตาล และใช้วัสดุตกแต่งภายในแบบ Real Wood และสีเงินชาตินโครม ในรุ่นเครื่องยนต์เบนซิน ทั้ง 2.0 S และ 2.0 SP
เบาะหนัง Nappa สีแดง Deep Red ตกแต่งด้วย ด้ายสีน้ำตาลเข้ม ในรุ่นเครื่องยนต์ดีเซล XDL
เบาะหนังสีดำด้ายสีน้ำตาลในรุ่น 2.0 S และ 2.0 SP
หนัง Nappa สีแดงเข้มๆ ด้ายสีน้ำตาลเข้ม ในรุ่น XDL
เสริมภาพลักษณ์ ด้วยหลังคาซันรูฟแบบไฟฟ้า เพิ่มเทคโนโลยีความ สะดวกสบายให้มาตั้งแต่รุ่นเริ่มต้น 2.0 S
Mazda CX-5 2025 ทุกรุ่น ยังติดตั้ง Apple Car Play ที่เชื่อมต่อไร้สาย และรองรับ Android Auto โดย แสดงผลบนหน้าจอสี Center Display แบบทัชสกรีนขนาด 8 นิ้ว ที่ควบคุมด้วย Center Commander ปุ่มควบคุม ระบบเสียง Bose รอบทิศทาง พร้อมลำโพง 10 ตำแหน่ง
หน้าจอสี Center Display แบบทัช สกรีนขนาด 8 นิ้ว
นอกจากนี้ Mazda CX-5 2025 ทุกรุ่น ยังมาพร้อมกับระบบควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย Sports Paddle Shift และเพิ่มความสะดวกสบายยิ่งขึ้น กับประตูท้าย เปิด/ปิด ด้วยระบบไฟฟ้า พร้อมระบบแฮนด์ฟรี
2 ทางเลือก คือ 2.0 เบนซิน และ 2.2 ดีเซล เทอร์โบ ยกเลิก 2.5 เบนซิน
เครื่องยนต์ Skyactiv-G (สกายแอคทีฟเบนซิน) ขนาด 2.0 ลิตร มาพร้อม เกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ Skyactiv-Drive ที่ได้รับการพัฒนาให้สามารถตอบสนองได้ดี ให้กำลังสูงสุด 165 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 210 นิวทันเมตร พร้อมระบบจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงแบบอีเลคทรอนิคไดเรคอินเจคชัน รองรับน้ำมันเชื้อเพลิง E85 ประหยัด น้ำมันเชื้อเพลิงสูงถึง 13.9 กม./ลิตร และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม Feel The Drive
เครื่องยนต์ Skyactive-D (สกายแอคทีฟคลีนดีเซล) 2.2 ลิตร มาพร้อมระบบเทอร์โบแปรผัน 2 ชั้น ที่สามารถตอบสนองได้อย่างรวดเร็ว และแม่นยำกว่าเดิมในทุกรอบความเร็ว ทั้งแรง และประหยัด ให้กำลังถึง 190 แรงม้า แรงบิดสูง 450 นิวทันเมตร พร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้ออัตโนมัติ I-Activ AWD รวมถึงระบบวาล์วไอเสียแปรผันอัจฉริยะ VVT สามารถประหยัดน้ำมันได้ถึง 15.9 กม./ลิตร ได้รับการรับรองมาตรฐาน การปล่อยไอเสียระดับ Euro5
นอกจากนี้ ในรุ่นเครื่องยนต์ดีเซล ยังมีการติดตั้งระบบช่วยป้องกันล้อหมุนฟรี Uy Off-Road (Off-Road Traction Assist) เพิ่มเติม เพื่อเพิ่มความปลอดภัยให้แก่ผู้ขับขี่ตลอดการเดินทาง
ช่วงล่างพัฒนาใหม่.. ขับนุ่ม นั่งสบาย
ระบบช่วงล่างของ Mazda ที่ขึ้นเรื่องของการเกาะถนน ในรถรุ่นนี้ได้รับการปรับปรุงช่วงล่างใหม่ เพื่อเพิ่มความนุ่มสบายขณะโดยสาร โดยได้เสริมคานด้านล่างของห้องโดยสารตอนหลัง เพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งให้แก่โครงสร้างตัวถัง และมีการเปลี่ยนสปริง และชอคอับใหม่ ซึ่งจะช่วยลดแรงสะเทือนที่เข้ามายังพื้นห้องโดยสารด้านล่าง ช่วยให้การขับขี่เป็นไปอย่างราบรื่น และมอบความสบายให้แก่ผู้ขับขี่ และผู้โดยสารมากยิ่งขึ้น เพิ่มระบบ Cruising Traffic Support และ MRCC Stop & Go ในรุ่น 2.0 SP และ XDL
Mazda CX-5 2025 ยังมาพร้อมระบบต่างๆ เพื่อเพิ่มความสะดวกสบาย และเทคโนโลยีด้านความปลอดภัยระดับโลก I-Activsense อย่างครบครัน ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน LAS (Lane-Keep Assist System) ระบบช่วยเตือนเมื่อผู้ขับเหนื่อยล้าขณะ ขับขี่ DAA (Driver Attention Alert) ระบบเตือนเมื่อรถเบี่ยงออกนอกเลน LDWS (Lane Departure Warning System) ระบบควบคุมความเร็วรถอัตโนมัติ MRCC แบบ Stop & Go (Mazda Radar Cruise Control with Stop & Go) ระบบเตือนเมื่อมีรถในจุด อับสายตาขณะถอยหลัง RCTA (Rear Cross Traffic Alert) ระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน ABSM (Advanced Blind Spot Monitoring)/ระบบเตือนการชนด้าน หน้าและช่วยเบรกอัตโนมัติ SBS (Smart Brake Support)/ระบบช่วยหยุดรถอัตโนมัติ แบบ Advance หรือ Advance SCBS (Advanced Smart City Brake Support) ระบบช่วยหยุดรถอัตโนมัติขณะถอยหลัง SCBS-R (Smart City Brake Suppo Reverse) ระบบไฟหน้า LED อัจ ฉริยะ ALH (Adaptive LED Headlamps) หน้าจอแสดงผลข้อมูลการขับขี่แบบสีบนกระจกหน้า
ลดราคา...เพื่อความคุ้มค่าคุ้มราคาที่สุด
ทุกรุ่นปรับราคาลดลงจากรุ่นปัจจุบัน ประมาณ 100,000-250,000 บาท ฟรีประกันภัยชั้น 1 Mazda Premium Insurance (MPI) ฟรี Mazda Ultimate Service (MUS) โปรแกรมคุ้มครอง และดูแลรถ 5 ปี ดอกเบี้ยต่ำสุดเริ่มต้นเพียง 1.99 % เปิดให้ลูกค้าที่สนใจ สามารถจองสิทธิ์ระหว่างวันที่ 11-27 พย. 67 ก่อนเปิดตัวอย่างเป็นทางการ โดยเริ่มลงทะเบียนจองสิทธิ์ได้ตั้งแต่วันที่ 11 พฤศจิกายน 2567 เป็นต้นไป ผ่าน ช่องทาง https://m.mazda.co.th/prcx5reg เพื่อรับส่วนลดเพิ่มเติมอีก 20,000 บาท (ลูกค้าลงทะเบียนจองสิทธิ์ระหว่างวันที่ 11-27 พย. 67 จองซื้อตั้งแต่วันที่ 28 พย. 67 และรับรถภายในวันที่ 31 ธค. 67)
พิเศษสุดสำหรับลูกค้า Mazda Family รับเพิ่มบัตรน้ำมันมูลค่า 30,000 บาท (ลูกค้าลงทะเบียนจองสิทธิ์ระหว่างวันที่ 11-27 พย. 67 จองซื้อตั้งแต่วันที่ 28 พย. 67 และรับ รถภายในวันที่ 31 ธค. 67) ลูกค้าที่จองสิทธิ์ก่อนสามารถรับรถได้ทันทีหลังการเปิดตัวอย่างเป็นทางการทุกโชว์รูมทั่วประเทศ
ทั้งนี้ New Mazda CX-5 จะมีกำหนดการเปิดตัวอย่างเป็นทางการในวันที่ 28 พย. 67 ในงาน Motor Expo 2024
.................................................................................................................................................
Great Wall Motor พร้อมเปิดตัวนวัตกรรมใหม่ ในงาน Motor Expo 2024
Great Wall Motor (ประเทศไทย) เชิญชวนร่วมชม และสัมผัสนวัตกรรมยานยนต์พลังงานใหม่แห่งอนาคตจาก Great Wall Motor (กเรท วอลล์ มอเตอร์) ที่งาน Thailand International Motor Expo ครั้งที่ 41 พบกับไฮไลท์กับการประกาศราคาขายพร้อมวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการสำหรับ “GWM Poer Sahar HEV” รถกระบะพลังงานไฮบริดทรงพลังคันแรกของเมืองไทย รวมไปถึง เซอร์พไรส์พิเศษที่ Great Wall Motor นำนวัตกรรมใหม่ล่าสุดส่งตรงจากประเทศจีนถึง 2 รุ่น จาก 2 เซกเมนท์ที่กำลังได้รับความนิยมสูงจากผู้บริโภคชาวไทย อย่าง “GWM Wey 80 PHEV” รถยนต์เอมพีวีอเนกประสงค์ระดับไฮเอนด์ พร้อมมอบประสบการณ์การเดินทางสุดพรีเมียม และการใช้สอยทางธุรกิจได้อย่างไร้ที่ติ และ “GWM Tank 700 Hi4-T” สุดยอดรถยนต์เอสยูวีออฟโรด ขุมพลังพลัก-อิน ไฮบริดที่มาพร้อมสมรรถนะขั้นสุด ผสมผสานสุนทรียภาพ และความแข็งแกร่งได้อย่างลงตัว สู่การเดินทางอันไร้ซึ่งขีดจำกัด และยังตระการตาไปกับขบวนพาเหรดรถยนต์พลังงานใหม่อีกหลากหลายรุ่น ครอบคลุมทุกเซกเมนท์ จากกลุ่มผลิตภัณฑ์ GWM ORA (กเรท วอลล์ มอเตอร์ โอรา), GWM Haval (กเรท วอลล์ มอเตอร์ ฮาวัล) และ GWM Tank (กเรท วอลล์ มอเตอร์ แทงค์) พร้อมร่วมทดลองขับ และรับข้อเสนอสุดพิเศษรวมถึงสิทธิประโยชน์มากมายสำหรับลูกค้าและผู้ที่สนใจซื้อรถยนต์ภายในงาน โดยผู้ที่สนใจสามารถร่วมชมการถ่ายทอดสดบรรยากาศการแถลงข่าวเปิดบูธของ Great Wall Motor ผ่านทุกช่องทางของ GWM Thailand ทั้ง Facebook, YouTube และ TikTok ในวันที่ 28 พฤศจิกายน พศ. 2567 ตั้งแต่เวลา 12.45 น. เป็นต้นไป
พบกับไฮไลท์สำคัญภายในงาน
ประกาศราคาขายพร้อมวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการของ “GWM Poer Sahar HEV” รถกระบะขุมพลังไฮบริดรุ่นแรกในประเทศไทย ที่จะเปลี่ยนนิยามของรถกระบะให้ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป โดดเด่นด้วยดีไซจ์นภายนอกที่มีความดุดัน แข็งแกร่งผสมผสานกับการตกแต่งภายในที่หรูหราและทันสมัยได้อย่างลงตัว ครบครันด้วยเทคโนโลยีสุดอัจฉริยะสู่ความสะดวกสบายเหนือระดับ มาพร้อมกับ พแลทฟอร์ม Tank และระบบขับเคลื่อนขุมพลังไฮบริดอันทรงพลัง ร่วมกับข้อเสนอสุดพิเศษ พร้อมให้ชาวไทยได้จับจอง และเป็นเจ้าของภายในงาน และที่พาร์ทเนอร์ สโตร์ ทั่วประเทศ พร้อมส่งมอบทันที
ยลโฉมเป็นครั้งแรกกับ “GWM Wey 80 PHEV” และ “GWM Tank 700 Hi4-T” รถยนต์เอสยูวีรุ่นเรือธงจาก Great Wall Motor ขุมพลังพลัก-อิน ไฮบริด ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ 3.0T Hi4-T แบบ Longitudinal Parallel Hybrid ที่มีความจุกระบอกสูบสูง มีระยะทางขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า 100 กม. (ตามมาตรฐาน NEDC)/การชาร์จ 1 ครั้ง สู่ประสบการณ์สุดพรีเมียมอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน มาพร้อมดีไซจ์นล้ำสมัยร่วมกับเทคโนโลยี และนวัตกรรมสุดอัจฉริยะจัดเต็มทุกตารางนิ้ว
พบกับข้อเสนอ และสิทธิประโยชน์สุดเอกซ์คลูซีฟมากมายให้แก่ลูกค้าที่ซื้อรถยนต์พลังงานใหม่จาก Great Wall Motor ภายในงาน และที่พาร์ทเนอร์ สโตร์ ทั่วประเทศ พร้อมให้ชาวไทยได้สัมผัสและจับจองรถยนต์พลังงานใหม่ที่เปี่ยมไปด้วยคุณภาพสู่ประสบการณ์การขับขี่เหนือระดับแตกต่างยิ่งกว่าใคร ร่วมกับราคาสุดคุ้มค่า ให้ชาวไทยได้มีสิทธิ์เป็นเจ้าของรถยนต์พลังงานใหม่ได้อย่างง่าย ดายมากยิ่งขึ้น
ขบวนไลน์อัพรถยนต์พลังงานใหม่รุ่นยอดนิยม ตอกย้ำการเป็นหนึ่งในผู้นำด้านรถยนต์พลังงานใหม่ของประเทศไทย
นำทัพด้วยเจ้าเหมียวไฟฟ้าขวัญใจคนไทย GWM ORA Good Cat (กเรท วอลล์ มอเตอร์ โอรา กูด แคท) รุ่น Pro (พโร), Ultra (อุลทรา), และ GT (จีที) ยนตรกรรมระดับมาสเตอร์พีศรถซีดานที่ผสานความสปอร์ท และความสง่างามเข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัวอย่าง GWM ORA 07 (กเรท วอลล์ มอเตอร์ โอรา 07) รถยนต์คอมแพคท์เอสยูวียอดนิยม GWM Haval H6 HEV (กเรท วอลล์ มอ เตอร์ ฮาวัล เอช 6 เอชอีวี) และเจ้าสิงโตอารมณ์ดีที่ครบครันทุกฟังค์ชันการขับขี่อย่าง GWM Haval Jolion HEV (กเรท วอลล์ มอเตอร์ ฮาวัล โจไลออน เอชอีวี) ตามด้วยรถยนต์เอสยูวีออฟโรดสำ หรับสายลุย แต่ยังเปี่ยมไปด้วยความหรูหราสง่างาม GWM Tank 500 HEV (กเรท วอลล์ มอเตอร์ แทงค์ 500 เอชอีวี) และ GWM Tank 300 HEV (กเรท วอลล์ มอเตอร์ แทงค์ 300 เอชอีวี)
สัมผัสประสบการณ์อันล้ำสมัยไปกับเทคโนโลยีการขับขี่อัจฉริยะแห่งอนาคตที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของ Great Wall Motor ในงาน Thailand International Motor Expo ครั้งที่ 41 ณ อาคารชาลเลนเจอร์ ฮอลล์ 1-3 IMPACT เมืองทองธานี ตั้งแต่วันที่ 29 พฤศจิกายน-10 ธันวาคม 2567 เวลา 12.00-22.00 น. (วันธรรมดา) และ 11.00-22.00 น. (วันเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดราชการ)
...............................................................................................................................................
Aion V เอสยูวีพลังไฟฟ้ารุ่นใหม่ เปิดราคาเบื้องต้นที่ 1,099,000 บาท กับความล้ำสมัย และความสะดวกสบายที่จัดเต็ม
Aion (ไอออน) ผู้นำด้านยานยนต์ไฟฟ้าระดับโลก จัดกิจกรรม Aion V My V, My Version เพื่อให้สื่อมวลชนร่วมสัมผัสประสบการณ์การขับขี่รถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ล่าสุด Aion V (ไอออน วี) เอสยูวีไฟ ฟ้าที่มาพร้อมเทคโนโลยีล้ำสมัย และการออกแบบที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ มุ่งเน้นให้ผู้เข้าร่วมได้สัมผัสกับสมรรถนะ และความสะดวกสบายที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของ Aion V ที่ถูกออก แบบให้สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ยุคใหม่ มาพร้อมเทคโนโลยีการขับขี่อัตโนมัติระดับ L2 และฟีเจอร์ความบันเทิงและฟังก์ชันอำนวยความสะดวกมากมาย ทำให้ผู้ขับขี่สามารถปรับแต่งการใช้งานให้เหมาะสมกับความต้องการส่วนตัวได้อย่างเต็มที่ ภายใต้แนวคิด My V, My Version ที่เน้นให้ผู้ขับขี่สามารถเลือกสไตล์การใช้งานที่ตรงกับตัวเอง
Aion V กับราคาเบื้องต้นที่ 1,099,000 บาท มาพร้อมแนวคิดการออกแบบ Cyber Design สะท้อนถึงความล้ำสมัย และความแข็งแกร่งในทุกมุมมอง โดดเด่นด้วยไฟหน้า และไฟท้ายที่ออกแบบมาอย่างลงตัว เส้นข้างตัวรถที่เฉียบคม พร้อมด้วยระยะทางวิ่งสูงสุด 602 กม. (มาตรฐาน NEDC)/การชาร์จ 1 ครั้ง Aion V จึงเหมาะสำหรับผู้ใช้งานที่ต้องการเดินทางระยะไกล โดยไม่ต้องกังวลเรื่องการชาร์จ ด้วยเทคโนโลยีแบทเตอรี Magazine Battery 2.0 แบบ Lithium-ion Phosphate ขนาด 75.3 กิโลวัตต์ มอเตอร์ไฟฟ้า 150 กิโลวัตต์ (204 แรงม้า) พร้อมเทคโนโลยีชาร์จเร็ว 3C ทำให้การชาร์จไฟเป็นเรื่องง่าย และรวดเร็วมากยิ่งขึ้น สามารถชาร์จไฟได้ระยะทาง 300 กม. ภายในเวลาเพียง 15 นาที เทียบเท่ากับการแวะดื่มกาแฟ 1 แก้วเท่านั้น
ภายในห้องโดยสารของ Aion V ได้รับการออกแบบให้หรูหรา และทันสมัย มอบความสะดวกสบายให้แก่ผู้ขับขี่ และผู้โดยสารอย่างเต็มที่ พร้อมด้วยเบาะนั่งขนาดใหญ่ที่รองรับสรีระของร่างกายอย่างดีเยี่ยม นอกจากนี้ยังมีเบาะนวดไฟฟ้า 8 จุดที่สามารถปรับโหมดการทำงานได้มากถึง 5 โหมด รองรับทุกความต้องการในการผ่อนคลายระหว่างการเดินทาง และยังมีตู้เย็นอัจฉริยะ ขนาด 6.6 ลิตร ที่สามารถปรับอุณหภูมิได้ตั้งแต่ -15-50°C สามารถใส่เครื่องดื่ม และสร้างความเย็นได้ในทุกการเดินทาง
Aion V มาพร้อมกับระบบ AEP 3.0 (AION Electric Platform 3.0) ซึ่งเป็นพแลทฟอร์มที่ออกแบบเฉพาะสำหรับรถยนต์ไฟฟ้า เพิ่มพื้นที่ภายในห้องโดยสารได้มากขึ้นถึง 20 % เมื่อเทียบกับรถยนต์ในระดับเดียวกัน นอกจากนี้ยังมีเทคโนโลยีความปลอดภัยที่ครบครัน เช่น ถุงลมนิรภัยกลางสำหรับผู้ขับขี่ และผู้โดยสารด้านหน้า ที่ช่วยลดการบาดเจ็บจากการชน และม่านถุงลมนิรภัยด้านข้างขนาดยาวพิเศษ 2.3 ม. ซึ่งสามารถพองตัวเต็มที่ได้ในเวลาเพียง 0.008 วินาที และสามารถคงแรงดันได้นาน 6 วินาที ให้การปกป้องรอบด้านในกรณีรถพลิกคว่ำ
นอกจากนี้ Aion V ยังมาพร้อมกับระบบ ADiGO Space ห้องโดยสารอัจฉริยะที่สามารถสั่งการด้วยเสียงได้ถึง 4 โซน รองรับคำสั่งเสียงทั้งภาษาไทย และภาษาอังกฤษ เพิ่มความสะดวกสบายในการควบคุม และสั่งการระหว่างการขับขี่ โดยไม่ต้องละมือจากพวงมาลัย นอกจากนี้ ยังรองรับแอพพลิเคชันหลากหลาย รวมถึง Apple Car Play และ Spotify เพื่อตอบสนองทุกความต้องการของผู้ใช้งาน พร้อมด้วยชิพประมวลผล Qualcomm SA8155P ที่ให้สมรรถนะการประมวลผลที่โดดเด่นในรถยนต์ระดับเดียวกัน รองรับระบบขับขี่อัจฉริยะระดับ L2 ที่ครอบคลุมฟังค์ชันต่างๆ เช่น ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผันพร้อมฟังก์ชัน Stop & Go (ACC with S&G) ระบบเตือนการชนด้านหน้า (FCW) ระบบเบรคฉุกเฉินอัตโนมัติ (AEB) และระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน (LKA) และระ บบช่วยเหลือการขับขี่อื่นๆ อีกมากมาย เพื่อมอบความปลอดภัย และความสะดวกสบายสูงสุดในการขับขี่
สำหรับรถยนต์ไฟฟ้า Aion V รถยนต์ไฟฟ้าอัจฉริยะรุ่นใหม่ล่าสุดจาก Aion มีกำหนดการเปิดตัว พร้อมประกาศราคาอย่างเป็นทางการ ในมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 41 หรือ Thailand International Motor Expo 2024 ที่จะมีขึ้นในวันที่ 29 พฤศจิกายน-10 ธันวาคม 2567 นอกจากนี้ ผู้สนใจที่ได้ทดลองขับ และจองรถล่วงหน้าจะได้รับสิทธิพิเศษอื่นๆ เพิ่มเติม ดูรายละเอียดได้ที่นี่ https://www.facebook.com/AIONthailand
V Design
Cyber Design
ใช้ภาษาการออกแบบที่มีความล้ำสมัย การออกแบบเส้นสายโดยรวมเน้นความรู้สึกถึงพละกำลัง
• ไฟหน้า และไฟท้ายแบบ Cyber
ออกแบบไฟหน้าด้วยสไตล์เครื่องจักรแนว Cyber ภายนอกแข็งแกร่ง ดีไซจ์นไฟหน้าที่โดดเด่น
• ด้านหน้าสไตล์ Cyber
ใช้การเชื่อมต่อด้วยรูปทรงเรขาคณิตจำนวนมาก เพิ่มความสวยงามของเส้นสายที่เฉียบคม วาดลวดลายเส้นที่เคลื่อนไหว
• เส้นข้างตัวรถที่เฉียบคม
เส้นสายที่แข็งแกร่ง และทรงพลัง แสดงถึงความรู้สึกถึงพละกำลัง
• ขนาดตัวรถ Car Dimension & Weight
- ความยาวxความกว้างxความสูง = 4,605x1,876x1,686 มม.
- ความกว้างฐานล้อหน้า-หลัง = 1,600 มม.
- ระยะฐานล้อ = 2,775 มม.
- น้ำหนักรถ = 1,860 กก.
- ล้อแมก ขนาด 19 นิ้ว
• สีตัวถังภายนอก Exterior Color
- สีขาว Alpine White
- สีดำ Onyx Black
- สีน้ำตาล Sahara Sand
- สีเงิน Aurora Silver
- สีเทา Iceland Grey
- สีส้ม Volcano Orange
- สีส้ม หลังคาขาว Volcano Orange+White Roof
• สีภายใน Interior Color
- สีดำ Midnight Black
- สีน้ำตาล Olympus Brown
V Comfort
ประสบการณ์ความหรูหราระดับเรือธง
• เบาะนั่งบุนวมขนาดใหญ่ที่นั่งสบาย : ออกแบบโครงสร้างตามเส้นโค้งของร่างกาย รองรับการขับขี่ทางไกลได้ดีเยี่ยม
• เบาะนวดแบบสปา: เลียนแบบการนวดเสมือนจริง พร้อมการนวด 8 จุด, ปรับระดับความแรงได้ 3 ระดับ และมีโหมดให้เลือก 5 แบบ ช่วยบรรเทาความเหนื่อยล้าจากการขับขี่ และอาการปวดเอว
• วัสดุนุ่มสัมผัสบริเวณที่สัมผัสบ่อย 100 % : ภายในห้องโดยสารดูหรูหราตั้งแต่แรกเห็น และพื้นที่สัมผัสบ่อยหุ้มด้วยวัสดุนุ่ม 100 % เพื่อเพิ่มความสะดวกสบายในการขับขี่
• ตู้เย็นอัจฉริยะ: ความจุ 6.6 ลิตร มาพร้อมระบบทำความเย็น และทำความร้อนในตัว มีโหมดการใช้งานให้เลือกถึง 4 แบบ (ควบคุมผ่านหน้าจอ OBU, ใช้คำสั่งเสียง, ควบคุมจากแผง, หรือควบคุมผ่านแอพพลิเคชัน), ประหยัดพลังงานเพียง 0.5 กิโลวัตต์ และรองรับอุณหภูมิในช่วงกว้างตั้งแต่ -15°C-50°C ให้คุณเพลิดเพลินกับความสะดวกสบาย และความอร่อยได้ทุกที่ ทุกเวลา
• ห้องโดยสารแบบลอยตัว : หน้าจอ 8.88 นิ้วลอยตัว+หน้าจอกลาง 14.6 นิ้ว มอบประสบการณ์ที่ล้ำสมัยยิ่งขึ้นให้แก่ผู้ใช้
• ช่องลมแอร์ด้านหลัง บริเวณเสา B-Pillar : ให้ความเย็นโดยไม่มีลมกระแทก ป้องกันลมเย็นเป่าตรงไปที่หัวเข่าของผู้โดยสารด้านหลัง
• โต๊ะพับอเนกประสงค์ : โต๊ะพับอเนกประสงค์หลังเบาะผู้ขับขี่ เพื่อไลฟ์สไตล์ระดับพรีเมียม
• หลังคากระจกพาโนรามาขนาด 2.14 ตรม. : ให้การป้องกันแสงแดดอย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมม่านบังแดดที่สะดวกต่อการชมวิว
• ประตูเปิดกว้าง : ประตูหลังเปิดได้เกือบ 90° สะดวกในการขึ้นลง
• ระบบเสียงพรีเมียมเสมือนอยู่ในสถานที่จริง : ลำโพงพรีเมียมจากเบลเยียม พร้อมซับวูเฟอร์ 8 นิ้ว ให้เสียงที่เต็มอิ่ม
• ห้องโดยสารที่เงียบสงบ : กระจกบังลมหน้า+กระจกกันเสียงแถวหน้า+การออกแบบซีล ลดเสียงรบกวนจากภายนอก และสร้างประสบการณ์การขับขี่ที่เงียบยิ่งขึ้น
• เบาะนั่งตอนหลังหรูหราแบบปรับเอนได้ : เบาะนั่งหลังปรับเอนได้ 137 องศา ปรับพนักพิงได้ถึง 20 องศา รองรับทุกสรีระ ลดความเมื่อยล้าในการนั่งโดยสาร
• สั่งเลื่อนเบาะผู้โดยสารตอนหน้า ผ่านคำสั่งเสียง : เมื่อสั่งการด้วยเสียง เบาะที่นั่งข้างคนขับจะเลื่อนไปข้างหน้าสุด เพื่อให้พื้นที่ด้านหลังกว้างขวางยิ่งขึ้น
• พื้นที่เก็บของท้ายรถแบบ 3 ชั้น : โครงสร้างเก็บของ 3 ชั้น ความจุ 427 ลิตร และสามารถขยายได้สูงสุดถึง 987 ลิตร
• ประตูท้ายไฟฟ้าอัจฉริยะ : ประตูท้ายไฟฟ้าที่ควบคุมด้วยการสัมผัส ตอบโจทย์ผู้ใช้ที่มีความสูงต่างกัน ให้ความสะดวกสบายในการเปิด/ปิด
• โหมดปรับเป็นเตียงขนาดใหญ่ในทันที : รองรับการควบคุมด้วยหน้าจอและคำสั่งเสียง เปลี่ยนเป็นเตียงขนาดใหญ่ในพริบตา
• ที่นั่งข้างคนขับเสมือนโต๊ะเครื่องแป้งเคลื่อนที่ : ด้วยกระจกแต่งหน้าบานใหญ่ ไฟแต่งหน้าวงแหวน พร้อมคอนโซลหน้าฝั่งผู้โดยสารที่สามารถวางของได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นแป้งพัฟ ลิปสติค อายแชโดว์ หรือวางสัมภาระอื่นๆ ได้อย่างที่ใจต้องการ
V Energy
• ระยะทางไกล
วิ่งได้ระยะทางไกลถึง 602 กม. (มาตรฐาน NEDC) เดินทางจากกรุงเทพฯ ถึงโคราชไป-กลับได้อย่างไร้กังวล
• เทคโนโลยีชาร์จเร็ว 3C
มาพร้อมเทคโนโลยีชาร์จเร็ว 3C ใช้เวลาประมาณดื่มกาแฟ 1 แก้ว (15 นาที) ก็สามารถชาร์จได้ระยะทาง 300 กม.
• การใช้พลังงานต่ำ
อัตราการใช้พลังงานตามมาตรฐาน NEDC เพียง 14.1 กิโลวัตต์ชั่วโมง/100 กม. ใช้พลังงานต่ำ ประหยัดเงินมากขึ้น
• ระบบปล่อยพลังงานไฟฟ้าสู้อุปกรณ์ภายนอก (V2L) 3.3 กิโลวัตต์
กำลังไฟฟ้าสูงสุด 3.3 กิโลวัตต์ รองรับทุกกิจกรรมกลางแจ้ง เช่น แคมพิง และดูหนัง
• ระบบขับเคลื่อนน้ำหนักเบา
ใช้วัสดุใหม่เพื่อลดน้ำหนักของแบทเตอรีลง 7 % และลดน้ำหนักระบบขับเคลื่อนลง 33 % เพื่อประสิทธิภาพในการใช้พลังงาน และการควบคุมที่ดียิ่งขึ้น
• มอเตอร์ไฟฟ้า ซิงโครนัสชนิดแม่เหล็กถาวร กำลังสูงสุด 204 แรงม้า (PS) แรงบิดสูงสุด 240 นิวทันเมตร ขับเคลื่อนล้อหน้า
• เทคโนโลยีซิลิคอนคาร์ไบด์
เพิ่มประสิทธิภาพการขับขี่ และขยายระยะทางได้เพิ่มขึ้น 30 กม.
V Confidence
• มาตรฐานความปลอดภัย และคุณภาพสูงระดับโลก-ตัวรถทั้งหมดใช้เหล็กความแข็งแรงสูง, เหล็กความแข็งแรงสูงพิเศษ, และวัสดุขึ้นรูปด้วยความร้อน โดยมีสัดส่วนสูงถึง 66 %
• AEP 3.0 (Aion Electric Platform 3.0)-พแลทฟอร์มรถยนต์ไฟฟ้าอัจฉริยะ ที่พัฒนาขึ้นมาสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าโดยเฉพาะ โดยหากเทียบกับรถที่มีระยะฐานล้อเท่ากัน จะได้พื้นที่ภายในห้องโดย สารเพิ่มขึ้น 20 % เพื่อเพิ่มความสะดวกสบายให้แก่ผู้ขับขี่ และผู้โดยสาร • Magazine Battery 2.0-เทคโนโลยีแบทเตอรีรุ่นใหม่ล่าสุดจาก Aion มีประสิทธิภาพของแบทเตอรีดีขึ้น และมีมาตรฐานความปลอดภัยสูงขึ้น
• ถุงลมนิรภัย
ถุงลมนิรภัยกลางสำหรับผู้ขับแ ละผู้โดยสารด้านหน้า ช่วยลดการบาดเจ็บจากการชน
• ม่านถุงลมนิรภัยด้านข้างยาวพิเศษ 2.3ม.
ม่านถุงลมด้านข้างสามารถพองตัวเต็มที่ได้ในเวลา 0.008 วินาที ความยาวใกล้เคียง 2.3 ม. สามารถคงแรงดันได้นาน 6 วินาที ให้การปกป้องรอบด้านในกรณีรถพลิกคว่ำ
• ระบบเตือนคาดเข็มขัดนิรภัยเบาะนั่งด้านหน้า และด้านหลัง
• ระบบกันสะเทือน
- ด้านหน้าแบบอิสระ แมคเฟอร์สันสตรัท
- ด้านหลังแบบกึ่งอิสระ ทอร์ชันบีม
V Intelligence
• ห้องโดยสารอัจฉริยะ ADiGO Space
- ระบบสั่งการด้วยเสียงแบบ 4 โซน รองรับภาษาอังกฤษ และภาษาไทย รองรับทุกพื้นที่ในรถทั้งด้านหน้า และด้านหลัง ช่วยให้ผู้ขับขี่ไม่ต้องละมือจากพวงมาลัย
- ระบบแอพพลิเคชันที่หลากหลาย ตอบสนองความต้องการด้านการฟัง การเล่น และการใช้งานของผู้ใช้งานในแต่ละภูมิภาค
- รองรับระบบ Apple Car Play และ Spotify พแลทฟอร์มสตรีมิงเพลงอันดับ 1 ของโลก เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ใช้ และพื้นที่ส่วนใหญ่ทั่วโลก (Spotify OTA ในเดือนธันวาคม) - ระบบเปิด/ปิด ฝาท้ายอัจฉริยะ-เซนเซอร์ประตูท้ายอัจฉริยะ เปิด/ปิดอัตโนมัติ เพียงยืนด้านหลังประตูท้าย 5 วินาที ออกแบบเพื่อความสะดวกสบายสูงสุด และสามารถตั้งค่าความสูงของการเปิด/ปิดได้ตามสรีระของผู้ใช้งาน
• ชิพประมวลผล Qualcomm SA8155P-มีสมรรถนะในการประมวลผลระดับดีเยี่ยม
• ระบบขับขี่อัจฉริยะระดับ L2 ไม่ว่าจะเป็นบนทางหลวง หรือถนนที่มีการจราจรหนาแน่น ก็ช่วยให้การขับขี่สะดวก และอัจฉริยะมากขึ้น มอบประสบการณ์ที่ง่าย และสบายยิ่งขึ้นให้กับผู้ใช้
- ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผันพร้อมฟังค์ชัน Stop & Go (ACC-S&G)
- ระบบควบคุมความเร็วอัจฉริยะ (ICA)
- ระบบแจ้งเตือนก่อนการชนด้านหน้า (FCW)
- ระบบเบรคฉุกเฉินอัตโนมัติ (AEB)
- ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติเมื่อความเร็วต่ำ (TJA)
- ระบบช่วยเตือนเมื่อรถออกนอกเลน (LDW)
- ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน (LKA)
- ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน และช่วยควบคุมรถเมื่อออกนอกเลน (ELKA)
• ระบบนำทางอัจฉริยะ
พัฒนาบนพื้นฐานข้อมูลแผนที่ของ Here พร้อมด้วยฟังค์ชันแผนที่ชาร์จไฟ และแผนที่ 3 มิติ ประสบการณ์การใช้งานที่เหนือชั้น
• ระบบความปลอดภัยเชิงรุก
ระบบความปลอดภัยเชิงรุกหลากหลายฟังค์ชันสำหรับทุกสถานการณ์ ตรวจจับสภาพแวดล้อมภายนอกรถ ทั้งรถ และคนแบบเรียลไทม์ เพื่อให้การปกป้องที่ครอบคลุม
• ระบบความปลอดภัยป้องกันก่อนเกิดอุบัติเหตุ (Active safety)
- ระบบป้องกันล้อลอค (ABS)
- ระบบกระจายแรงเบรค (EBD)
- ระบบควบคุมการทรงตัวอัตโนมัติ (VDC)
- ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี (TCS)
- ระบบควบคุมการทรงตัว (ESP)
- ระบบช่วยการออกตัวบนทางลาดชัน (HHC)
- ระบบกล้องมองภาพรอบทิศทาง 360 องศา
- ระบบกล้องมองภาพ HD อัจฉริยะ แบบพาโนรามา 540°
- เซนเซอร์กะระยะ (หน้า 4 ตัว/หลัง 4 ตัว)
- ระบบ Auto Hold
- ระบบเบรคมือไฟฟ้า (EPB)
- ระบบช่วยเตือนความเหนื่อยล้าขณะขับขี่ (DMS)
- ระบบช่วยเตือนมุมอับสายตา (BSD)
- ระบบเตือนการเปิดประตู (DOW)
- ระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง (RCTA)
- ระบบช่วยเตือนเมื่อรถคันหลังเข้าใกล้ (RAW)
- Power Off and One-Touch Unlocking after Collision ปิดระบบ และปลดลอคด้วยสัมผัสเดียวหลังจากการชน
..................................................................................................................................................
BYD ฉลองคันที่ 10,000 จากสายผลิตในไทย
BYD (บีวายดี) บริษัทเทคโนโลยีชั้นนำที่มุ่งมั่นสร้างนวัตกรรมเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิต ประกาศความสำเร็จของการดำเนินธุรกิจในประเทศไทยกับการผลิตรถยนต์พลังงานใหม่คันที่ 10,000 จากสายการผลิตของโรงงาน BYD ประเทศไทย ณ นิคมอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ จังหวัดระยอง สร้างปรากฏการณ์ในฐานะแบรนด์ยนตรกรรมจากประเทศจีนที่สามารถผลิตรถยนต์ออกสู่ตลาดประเทศ ไทยครบ 10,000 คันได้เร็วที่สุดหลังเปิดดำเนินการเพียง 4 เดือน นับเป็นอีกหมุดหมายสำคัญในโอกาสครบรอบ 30 ปีของ BYD และสะท้อนความมุ่งมั่นที่จะผลักดันประเทศไทยสู่การเป็นศูนย์กลางของการใช้ และการผลิตรถยนต์พลังงานใหม่ในภูมิภาค
โรงงาน BYD ประเทศไทยพร้อมที่จะสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านของอุตสาหกรรมยานยนต์ด้วยการผลิต และส่งมอบรถยนต์พลังงานใหม่เพื่อเป็นทางเลือกให้แก่ผู้บริโภค ปัจจุบันมีกำลังการผลิตสูงสุดถึง 150,000 คัน/ปี ได้แก่ BYD Dolphin (บีวายดี ดอลฟิน), BYD Atto 3 (บีวายดี อัตโต 3) และ BYD Sealion 6 (บีวายดี ซีไลออน 6) โดยรถยนต์พลังงานใหม่คันที่ 10,000 คือ BYD Sealion 6 DM-I Plug-in Hybrid (บีายดี ซีไลออน 6 ดีเอม-ไอ พลัก-อิน ไฮบริด) ซึ่งได้เริ่มทยอยส่งมอบให้แก่ลูกค้าชาวไทยแล้วหลังจากสร้างกระแสตอบรับอย่างท่วมท้นนับตั้งแต่การเปิดตัวเมื่อเดือนสิงหา คมที่ผ่านมา BYD มุ่งมั่นที่จะนำนวัตกรรม และเทคโนโลยีมาใช้ในการรังสรรค์ และนำเสนอผลิตภัณฑ์ยานยนต์พลังงานใหม่คุณภาพสูงให้แก่ลูกค้าชาวไทยอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างประสบการณ์การเดินทางที่สะอาด ปลอดภัย และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมยิ่งขึ้นสำหรับทุกคน
..................................................................................................................................................
จ่อออกกฎใหม่ ! ไม่สวมหมวกกันนอค จับนั่งรอ 1 ชม.
ผุดไอเดีย ! ป้องกันคนขี่ไม่สวมหมวกกันนอค ปล่อยนั่งรอ 1 ชม. ก่อนโดนปรับ
"กระทรวงคมนาคมร่วมกับกระทรวงอุตสาหกรรม และสมาคมผู้จัดจำหน่ายรถจักรยานยนต์ ได้หารือเรื่องการซื้อรถจักรยานยนต์ 1 คัน ต้องแถมหมวกกันนอค 2 ใบ จากเดิมที่แถม 1 ใบ โดยคาดว่าจะเริ่มดำเนินการปี 2568 รวมถึงยังหารือร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ กรณีผู้ขับขี่ไม่สวมหมวกกันนอคจะเปลี่ยนเป็นไม่ให้เสียค่าปรับทันที เเต่จะให้นั่งรอที่ด่านตรวจ หรือเชิญไปโรงพักเพื่อให้นั่งรอไม่น้อยกว่า 1 ชม."
อุบัติเหตุทางถนนของไทย
กระทรวงคมนาคม เผยว่า ปัจจุบันอุบัติเหตุทางถนนของไทยถือเป็นปัญหาสำคัญ ซึ่งรัฐบาลได้ให้ความสำคัญเร่งด่วนในการแก้ไขปัญหา ล่าสุดประเทศไทยกำหนดเป้าหมายลดจำนวนผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางท้องถนนเป็น 12 คน/แสนประชากรภายในปี 2570 จึงเร่งผลักดันการดำเนินงานให้เกิดความปลอดภัยทุกมิติ เช่น ยกระดับมาตรฐานการออกใบอนุญาตขับรถ การพัฒนามาตรฐานยานยนต์ให้เป็นมาตรฐานสากล รวมถึงการบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวด
ยกระดับออกใบอนุญาตขับรถ
เพื่อยกระดับ และพัฒนากระบวนการออกใบอนุญาตขับรถให้มีคุณภาพ โดยจะนำระบบดิจิทอลที่เหมาะสมมาให้บริการประชาชน รวมถึงปรับปรุงกฎระเบียบรับรองการตรวจคัดกรองสุขภาพ และตรวจประเมินสมรรถนะผู้ขับรถ พร้อมกับพัฒนาระบบให้มีการเชื่อมโยงข้อมูลใบรับรองแพทย์ในรูปแบบอีเลคทรอนิคส์
กระทรวงสาธารณสุข เผยว่า ปัญหาการบาดเจ็บ และเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนเป็นปัญหาสำคัญของไทย ซึ่งมีผู้เสียชีวิตเฉลี่ยต่อปี 18,000 ราย พิการกว่า 10,000 ราย และบาดเจ็บกว่า 1 ล้านราย มีมูลค่าความเสียหายทางเศรษฐกิจกว่า 6,000 ล้านบาท/ปี ในด้านการรักษาพยาบาลกระทรวงสาธารณสุขมุ่งพัฒนาระบบการแพทย์ฉุกเฉินที่ทันท่วงที และมีประสิทธิภาพเพื่อลดการสูญเสียจากการเกิดอุบัติเหตุทางถนน
ไม่สวมหมวกกันนอค ! รอ 1 ชม. ค่อยปรับ
เพื่อลดการเสียชีวิต และการบาดเจ็บจากอุบัติเหตุทางถนน กระทรวงคมนาคมร่วมกับกระทรวงอุตสาหกรรม และสมาคมผู้จัดจำหน่ายรถจักรยานยนต์ เบื้องต้นได้หารือกันเรื่องการซื้อรถจักรยาน ยนต์ 1 คัน ต้องแถมหมวกกันนอค 2 ใบ จากเดิมที่แถม 1 ใบ คาดว่าจะเริ่มดำเนินการในปี 2568
ขณะเดียวกันยังหารือร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ กรณีขับขี่ไม่สวมหมวกกันนอคจะเปลี่ยนเป็นไม่ให้เสียค่าปรับทันที โดยจะให้นั่งรอที่ด่านตรวจ หรือเชิญไปโรงพักเพื่อให้นั่งรอไม่น้อยกว่า 1 ชม. เชื่อว่าถ้าเกิดความไม่สะดวกขึ้นหลังจากนี้คนก็จะสวมหมวกกันนอคกันมากขึ้น