ธุรกิจ
Ford Ranger Raptor X พิชิตทุกเส้นทาง
ระบบกันสะเทือนสไตล์รถแข่ง ระยะล้อที่กว้างขึ้น และแชสซีส์ที่เสริมความแข็งแกร่งมาเป็นพิเศษ พร้อมดีไซจ์นสไตล์สปอร์ทด้วยสติคเกอร์กราฟิคสไตล์ "Over The Top" รอบคัน เพิ่มความดุดันด้วยชุดแต่งสีดำพร้อมโรลล์บาร์แบบยาว ชุดหูลากหน้ารถสีแดงสไตล์สปอร์ท ทั้งหมดนี้ต่างเป็นองค์ประกอบของ Ford Ranger Raptor X ซึ่งออกแบบมาเพื่อให้คุณพิชิตทุกเส้นทางออฟโรดสุดท้าทายได้ด้วยความเร็วสูง ภายใต้การควบคุมที่ดีเยี่ยม
และหนึ่งในองค์ประกอบหลักที่ช่วยในการควบคุมรถของ Ford Ranger Raptor ก็คือ ระบบ Terrain Management System (TM S) ที่มีโหมดการขับขี่ทั้งหมดถึง 6 รูปแบบ รวมถึงโหมด Baja อันเป็นเอกลักษณ์
รอบ ฮิวโก วิศวกรหัวหน้าฝ่ายประสบการณ์การขับขี่ของ Ford ออสเตรเลีย กล่าวว่า โหมดการขับขี่เหล่านี้ถือเป็นส่วนหนึ่งของดีเอนเอของ Ford Performance ไม่ว่าจะเป็นโหมด Track หรือโหมดแข่งทางตรง (Drag Strip) ใน Mustang ไปจนถึงโหมดการขับขี่เส้นทางออฟโรดแบบต่างๆ ใน Ranger Raptor ล้วนเป็นดีเอนเอของ Ford Performance
นอกจากนี้ ระบบ TMS ยังถูกพัฒนาขึ้นเพื่อให้ “ชีวิตง่ายขึ้น และช่วยให้รถลุยไปทุกเส้นทางได้อย่างง่ายดาย สำหรับผู้ขับขี่มือเก๋า ระ บบนี้จะช่วยยกระดับประสบการณ์ขับขี่ไปขึ้นอีกขั้น” จัสติน คาปิชิอาโน ผู้จัดการโปรแกรม Ford Performance กล่าวเสริม
โหมดการขับขี่ คืออะไร ?
เนื่องจากสภาพเส้นทางแต่ละรูปแบบ ทั้งโคลน หิน หญ้า กรวด ทราย และหิมะ ต่างต้องการการตอบสนองจากรถแตกต่างกัน ระบบ TMS หรือโหมดการขับขี่ใน Ranger Raptor และ Ranger Raptor X จึงเป็นตัวช่วยสำคัญที่ทำให้รถพร้อมรับมือกับแต่ละสภาพเส้นทางได้อย่างเหมาะสม
“แต่เราก็ไม่ควรเลือกโหมดการขับขี่แบบสุ่มๆ” รอบ กล่าว “ผู้ขับขี่ควรต้องรู้ว่าจะต้องใช้โหมดการขับขี่อะไร และทำไมถึงใช้โหมดนี้ อย่างเช่น โหมดสปอร์ทเหมาะสำหรับการขับขี่บนถนนเมื่อขับเคลื่อนแบบ 2 ล้อ โหมดหญ้า/กรวดหิน/หิมะต้องใช้การขับเคลื่อน 4H เท่านั้น ขณะที่โหมดโคลน/ทราย และโหมด Baja ใช้การขับเคลื่อนแบบ 4H หรือ 4L ก็ได้ แต่สำหรับโหมดหิน ต้องขับเคลื่อนแบบ 4L เท่านั้น”
การปรับโหมดการขับขี่แต่ละโหมดเกิดจากการทำงานของระบบซอฟท์แวร์มากกว่าการเปลี่ยนแปลงเชิงกล โดยระบบพร้อมควบคุมการทำงานของหลายๆ องค์ประกอบให้สอดประสานกันตั้งแต่การตอบสนองของคันเร่ง ระบบเกียร์ ระบบเบรค และระบบป้องกันล้อหมุนฟรี ไปจนถึงการปรับการทำงานของระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว
“แนวคิดเบื้องหลังการพัฒนาโหมดการขับขี่ใน Ranger Raptor และ Ranger Raptor X คือ การช่วยให้นักขับมือใหม่เดินทางไปได้ทุกที่ ส่วนนักขับมือฉมังก็จะได้รับประสบการณ์ขับขี่ที่ดีเยี่ยมยิ่งขึ้น” จัสติน กล่าว
ควรใช้โหมดขับขี่อะไร ?
ไม่ว่าคุณจะขับขี่บนท้องถนน หรือบนเส้นทางออฟโรด Ranger Raptor X มาพร้อมโหมดการขับขี่ที่เหมาะกับทุกการเดินทาง
“ความเข้าใจในการเลือกใช้โหมดการขับขี่ ทำให้ผู้ขับขี่ทั้งที่มีประสบการณ์ และไม่มีประสบการณ์สามารถใช้งานรถได้เต็มสมรรถนะ ผู้ขับขี่ส่วนใหญ่อาจเลือกใช้โหมดปกติในการขับขี่บนเส้นทางออฟโรด แต่เพราะ Ford ใส่ใจในการพัฒนาโหมดการขับขี่ต่างๆ เพื่อยกระดับสมรรถนะของ Ranger Raptor ผมจึงอยากแนะนำให้ผู้ขับขี่ทุกท่านลองใช้โหมดการขับขี่ที่เหมาะสม เมื่อคุณออกผจญภัยบนเส้นทางออฟโรดครั้งต่อไป”
โหมดปกติ คือ โหมดการขับขี่ใน Ranger Raptor ที่เป็นตัวเลือกอัตโนมัติ เหมาะกับการขับขี่ในชีวิตประจำวัน“คุณใช้โหมดนี้ได้ทั้งบนท้องถนน และเส้นทางออฟโรด ไม่ว่าจะเป็นการขับเคลื่อนแบบ 2 หรือ 4 ล้อก็ตาม” รอบ กล่าว
“ถ้าคุณออกจากถนนลาดยาง และมุ่งหน้าสู่ทางลูกรัง โหมดที่แนะนำ คือ โหมดปกติ และการขับเคลื่อนแบบ 4H” จัสติน กล่าว
สำหรับโหมดสปอร์ท คันเร่งจะตอบสนองฉับไวขึ้น ขณะที่ระบบส่งกำลังจะลากเกียร์นานกว่าโหมดปกติเล็กน้อย การบังคับพวงมาลัยจะให้ความรู้สึกหนักขึ้นเล็กน้อยในตำแหน่งตั้งตรง
“นอกจากให้ความรู้สึกแบบสปอร์ทในการขับขี่แล้ว เรายังอยากแนะนำให้คุณใช้โหมดสปอร์ทขณะลากจูง และการขับขี่บนเส้นทางขึ้น หรือลงทางชัน เพราะรถจะลากเกียร์นานกว่าปกติเพื่อลดการเปลี่ยนเกียร์ที่ไม่จำเป็น” จัสติน กล่าว
โหมดหญ้า/กรวดหิน/หิมะ เหมาะสำหรับพื้นผิวลื่น ซึ่งแตกต่างจากการขับขี่แบบออฟโรดทั่วไป เพราะโหมดนี้เหมาะกับถนนที่มีพื้นผิวลื่น เช่น ถนนที่ปกคลุมไปด้วยน้ำแข็ง หรือถนนที่มีโคลนเละๆ หลังจากฝนตกใหม่ๆ ” รอบ กล่าว
“โหมดนี้จะกำหนดให้คุณต้องใช้การขับขี่แบบ 4H และทำงานโดยลดการตอบสนองของคันเร่ง ช่วยให้คุณไม่เผลอเร่งความเร็วมากเกินไปบนถนนลื่นๆ ปรับการทำงานของระบบเกียร์ซึ่งรวมถึงการออกตัวที่เกียร์ 2 แทนที่จะเป็นเกียร์ 1 เป็นต้น” จัสติน กล่าว
โหมดโคลน/ทราย ออกแบบเพื่อใช้ขับบนทราย หรือโคลนลึกๆ ซึ่งจะต้องรักษาการจ่ายกำลังที่เหมาะสม และต่อเนื่อง เมื่อเลือกใช้โหมดนี้ ผู้ขับขี่ต้องปรับเข้าสู่ระบบขับเคลื่อนแบบ 4 ล้อ ขณะที่การคันเร่งจะไวขึ้น และระบบส่งกำลังจะลากเกียร์ยาวขึ้น โหมดนี้ยังช่วยรักษาโมเมนทัมของรถได้ด้วยการลดความไวของเบรค และการตอบสนองของระบบป้องกันล้อหมุนฟรี ขณะที่ควบคุมเสถียร ภาพการขับขี่จะยอมปล่อยให้รถไถลได้มากขึ้น
“การขับบนพื้นทรายมีความนุ่ม จึงต้องการรถที่ตอบสนองแตกต่างออกไป เพื่อหลีกเลี่ยงการหมุนของล้อเกินจำเป็น และทำให้รถจม การขับขี่บนเส้นทางที่เป็นทราย และโคลนจึงต้องรักษาโมเมนทัมให้รถขยับอย่างต่อเนื่องจนกว่าจะพ้นพื้นผิวที่มีดินหลวม ซึ่งบางทีก็สังเกตุได้ยาก” จัสติน กล่าว
โหมดหิน เป็นโหมดการขับขี่ที่ใช้ได้กับการขับเคลื่อนแบบ 4L เท่านั้น โดยคุณใช้โหมดนี้ได้เมื่อต้องการการยึดเกาะถนนสูงมากๆ และควรขับด้วยความเร็วต่ำ ไม่ว่าจะเป็นการฝ่าหินก้อนโตๆ หรือร่องลึก ซึ่งอาจทำให้มีล้อข้างใดข้างหนึ่งลอยขึ้นจากพื้น
“ระบบเบรคป้องกันล้อหมุนฟรีจะยังคงทำงานในขณะที่ใช้โหมดหิน เพื่อรักษาโมเมนทัมให้รถเคลื่อนไปข้างหน้า และรักษาการควบ คุมรถขณะขับไปบนเส้นทางที่มีหินก้อนใหญ่ๆ หรือร่องลึก แต่ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัวจะหยุดทำงานชั่วคราว เพราะคุณต้องขับด้วยความเร็วต่ำแบบ 4L” รอบ กล่าว
“การตอบสนองของคันเร่งจะไวขึ้นเพราะเท้าของผู้ขับขี่อาจจะกระเด็นออกจากแป้นคันเร่งขณะขับ และเราไม่ต้องการให้รถกระตุก ขณะที่ระบบเกียร์จะเน้นใช้เกียร์ 1 และเปลี่ยนเกียร์ช้าลง โดยคุณอาจะเลือกเข้าเกียร์แบบธรรมดาเองได้ด้วย”
โหมด Baja คือ จุดเด่นของ Ranger Raptor ที่ได้แรงบันดาลใจจากสนาม Baja 1000 ซึ่งเป็นการแข่งขันออฟโรดสุดหฤโหดอันโด่งดังระดับโลกบนคาบสมุทรบาฮากาลิฟอร์เนีย เมกซิโก โดย Ranger Raptor ได้ผ่านการทดสอบสุดโหดแบบเดียวกับรุ่นพี่อย่าง Ford F-150 Raptor ทั้งในทะเลทรายบอร์เรโก สปริงส์ ในสหรัฐอเมริกา และเส้นทางที่ใช้ในการแข่งขับขับรถข้ามทะเลทราย ฟิงค์ เดสเสิร์ท เรศ ในออสเตรเลีย
“โหมด Baja ออกแบบมาเพื่อการขับแบบออฟโรดด้วยความเร็วสูงที่ไม่มีใครเหมือน คันเร่ง และเกียร์ปรับให้ตอบสนองไวขึ้น เพื่อให้ความรู้สึกแบบสปอร์ทมากขึ้น”
“ด้วยแชสซีส์ที่แข็งแรง ความสูงจากพื้นถึงจุดต่ำสุดใต้ท้องรถที่เพิ่มขึ้น ชอคอับที่ผลิตขึ้นมาเป็นพิเศษโดย Fox โหมดการขับขี่ที่หลากหลาย ล้อที่พร้อมลุยทุกเส้นทาง ไปจนถึงเทคโนโลยีช่วยในการขับขี่อัจฉริยะที่ครบครัน ทำให้ Ranger Raptor เป็นรถกระบะในตระกูล Ranger ที่มีสมรรถนะสูงสุดเท่าที่เคยมีมา” จัสติน กล่าวสรุป
เรื่องโดย : นุสรา เงินเจริญ
ภาพโดย : บริษัทผู้ผลิต
คอลัมน์ Online : ธุรกิจ (บก. ออนไลน์)
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/online/396978