Volvo เห็นช่องทางการใช้งานระบบชาร์จไร้สาย และได้ทดลองเทคโนโลยีนี้ สำหรับรถที่ใช้งานในเมืองใหญ่ โดยทดลองกับกลุ่มรถแทกซี Volvo XC40 Recharge ในเมือง Gothenburg ประเทศสวีเดน โดยความร่วมมือกับบริษัทรถแทกซี Cabonline ได้ทดลองการชาร์จแบทเตอรีด้วยระบบชาร์จไร้สายผ่านแผ่นเหนี่ยวนำข่าวจากสหรัฐอเมริกา ระบุว่า การชาร์จแบทเตอรีไร้สาย เคยได้รับความนิยมเป็นเวลาสั้นๆ ในช่วง 10 ปีที่แล้ว ซึ่งมีหลายบริษัทพยายามพัฒนาให้สามารถใช้งานได้อย่างแพร่หลาย นับว่าเป็นระบบที่มีความสะดวกในการใช้งานมากกว่าการชาร์จแบบใช้สาย ไม่ว่าจะเป็นที่บ้าน หรือที่สถานีชาร์จ เพียงแค่นำรถไปจอดบนที่ๆ กำหนดสำหรับรถแต่ละแบบ แล้วระบบจะทำการชาร์จแบทเตอรีได้เลย แต่แนวโน้มของผู้ใช้รถ EV ในปัจจุบันให้ความสำคัญกับการชาร์จเร็วด้วยกระแสตรง (DC) ซึ่งใช้เวลาการชาร์จน้อยลง ปัจจุบัน Volvo ได้เห็นช่องทางการใช้งานระบบนี้ และได้ทดลองเทคโนโลยีนี้สำหรับรถที่ใช้งานในเมืองใหญ่ โดยทดลองใช้งานกับกลุ่มรถแทกซี Volvo XC40 Recharge ในเมือง Gothenburg, สวีเดน โดยความร่วมมือกับบริษัทรถแทกซี Cabonline ได้ทดลองการชาร์จแบทเตอรีด้วยระบบชาร์จไร้สายผ่านแผ่นเหนี่ยวนำ ซึ่งติดตั้งอยู่ใต้ผิวที่จอดรถ เมื่อนำรถ EV รุ่นที่กำหนดขึ้นไปจอดบนแผ่นชาร์จ ระบบชาร์จจะทำงานโดยอัตโนมัติ โดยสามารถเหนี่ยวนำให้เกิดกระแสไฟชาร์จถึง 40 กิโลวัตต์ ซึ่งเร็วกว่าการชาร์จด้วยไฟฟ้ากระแสสลับ (AC) ในแต่ละปีรถแทกซี XC40 Recharge ต้องวิ่งเป็นระยะทางเกือบ 96,000 กม. และถูกใช้งานมากกว่า 12 ชม./วัน ซึ่งเป็นการทดสอบถึงความพร้อม และความทนทานต่อการใช้งานในแง่ของการพาณิชย์ของตัวรถ และสถานีชาร์จ ซึ่งการทดลองในเขตไร้มลพิษของเมือง Gothenburg กับบริษัทพาร์ทเนอร์ ด้วยรถแทกซี EV นับเป็นโอกาสดีที่จะให้บริษัทได้ทดลองเทคโนโลยีใหม่ในสภาพใช้งานจริง เพื่อจะเป็นทางเลือกใหม่ สำหรับการชาร์จรถพลังงานไฟฟ้าในอนาคต ระบบชาร์จแบบไร้สายซึ่งถูกใช้งานมากว่า 10 ปี ทำให้เกิดการเปรียบเทียบด้านค่าใช้จ่ายของระบบไร้สายที่สูงกว่า ระบบสายชาร์จ ซึ่งสถานีชาร์จทั่วไปจะให้ความสำคัญกับระบบชาร์จเร็วผ่านสายชาร์จมากกว่า ส่วนผู้ใช้งานตามบ้าน ต้องการลดค่าใช้จ่ายอุปกรณ์พื้นฐานให้ต่ำที่สุด ทำให้ระบบชาร์จแบบไร้สายยังไม่ได้รับความนิยมสำหรับผู้ใช้งาน 2 กลุ่มนี้ การทดลองระบบชาร์จไร้สายของ Volvo สามารถสรุปได้ว่า ระบบชาร์จแบบไร้สาย เหมาะกับการใช้งานในเชิงพาณิชย์ขนาดเล็ก ที่มีรถแบบเดียวกันหลายคัน ซึ่งจะความคุ้มค่าการลงทุนมากกว่าระบบสายชาร์จ ซึ่งไม่ได้รับความสะดวกมากนัก และใช้เวลานานกว่า