ทดลองขับ(formula)
Honda Civic e:HEV ทดลองขับกับการกลับมาของซีดานขุมพลัง Hybrid ! (ราคา 1,129,000-1,259,000 บาท)

สำหรับเครื่องยนต์ตามแบบฉบับรหัส e:HEV ประกอบด้วยเครื่องยนต์เบนซิน 2.0 ลิตร กำลังสูงสุด 141 แรงม้า ที่ 6,000 รตน. แรงบิดสูงสุด 18.6 กก.-ม. ที่ 4,500 รตน. (มีความใกล้เคียงกับของ Honda Accord e:HEV แต่ปรับปรุงประสิทธิภาพให้ดีขึ้น) แต่การส่งกำลังส่วนใหญ่เป็นหน้าที่ของมอเตอร์ไฟฟ้า กำลังสูงสุด 184 แรงม้า ที่ 5,000-6,000 รตน. แรงบิดสูงสุด 32.1 กก.-ม. ที่ 0-2,000 รตน. ซึ่งเป็นลักษณะการส่งกำลังของมอเตอร์ของรถยนต์ไฟฟ้า ตอบสนองทันทีที่ออกตัว และสามารถปรับแรงหน่วงของมอเตอร์ได้หลากหลายผ่านแพดเดิล ชิฟท์
จากการทดลองขับ Civic e:HEV รุ่นนี้ เรามีความรู้สึกว่า มอเตอร์ไฟฟ้าตอบสนองทันใจ ในทุกย่านความเร็ว ช่วงความเร็วต่ำตัวรถมีความใกล้เคียงกับรถยนต์ไฟฟ้าพันธุ์แท้ เสียงการทำงานของเครื่องยนต์เบนซินจะไม่ดังมาก ทำให้การขับขี่ของ Civic แบบไฮบริดมีความไหลลื่นกว่าเดิม ต่อมาเราลองเพิ่มความเร็วสูงขึ้น การไต่ความเร็วทำได้ทันใจ (ภายใต้โหมด Normal) ใช้เวลาไม่นานก็สามารถทำความเร็วเกินกว่า 120 กม./ชม. ในเวลาไม่นาน แต่ยังรักษาความนุ่มนวลของการขับขี่ได้ดีมาก
นอกเหนือจากการทลองขับอัตราเร่งแบบยืดหยุ่นแล้ว เราลองอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. (โดยประมาณ) ของมอเตอร์ไฟฟ้าจาก Honda Civic e:HEV โดยใช้โหมด Normal เหมือนเดิม พบว่าอัตราเร่งมีความทันใจ ทำได้ใกล้เคียงกับรุ่นเบนซิน เทอร์โบ 1.5 ลิตร เลยทีเดียว แสดงให้เห็นว่า อัตราเร่งตีนต้นทำได้น่าพอใจไม่เปลี่ยนแปลง
ต่อมาเราลองเปลี่ยนเป็นโหมด Sport และลองอัตราเร่งลักษณะเดิม พบว่า การออกตัวทำดุดันเกินคาด มีความแตกต่างจากชัดเจน จนเราค่อนข้างแน่ใจว่า อัตราเร่งในโหมดนี้ มีความเร้าใจกว่าเครื่องยนต์เทอร์โบอย่างแน่นอน ส่วนความเร็วสูงสุดของระบบ e:HEV ตามที่ผู้ผลิตระบุ คือ 191 กม./ชม. ต่างจากระบบไฮบริดที่ใช้เครื่องยนต์เบนซิน 1.5 ลิตร (ใน City และ HR-V แบบ e:HEV) จะมีความเร็วสูงสุดเพียง 160 กม./ชม. เท่านั้น
ส่วนอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง เราทดลองกันคร่าวๆ อาศัยมาตรวัดของตัวรถ เมื่อทำการรีเซทแล้วใช้ความเร็วคงที่ 100 กม./ชม. ตัวเลขที่ปรากฏบนมาตรวัดทำได้ดีอย่างเหลือเชื่อ แม้เส้นทางที่ใช้จะเป็นลักษณะเนินเขาขึ้น/ลงในบางช่วง และเมื่อลองเพิ่มความเร็วเป็น 120 กม./ชม. อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงยังคงทำได้ดีเกินคาด ถือเป็นจุดเด่นของระบบไฮบริด รหัส e:HEV โดยทางผู้ผลิตระบุว่า อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงโดยเฉลี่ย คือ 25.0 กม./ลิตร
ส่วนระบบรองรับของ Honda Civic e:HEV RS มีความได้เปรียบที่การใช้ล้อแมกขนาด 18 นิ้ว ยางขนาด 235/40 R18 ทำให้มีความมั่นคงของการขับขี่ขึ้นกว่าเดิมเล็กน้อย ผนวกกับการปรับแต่งระบบรองรับให้มีความเหมาะสมกับการติดตั้งชุดแบทเตอรีเพิ่มเติม (น้ำหนักโดยรวมของตัวรถเพิ่มขึ้นเล็กน้อย) พวงมาลัยมีน้ำหนักพอเหมาะ หักเลี้ยวได้ดังใจ มั่นคงในช่วงความเร็วสูง และเบาแรงในช่วงความเร็วต่ำ อย่างไรก็ตาม ทางผู้ผลิตยังคงปรับแต่งระบบรองรับให้มีความนุ่มนวลด้วย เพื่อความเหมาะสมของการใช้งานทั่วไป อาจไม่เหมาะกับคนที่ชอบการขับขี่แบบเน้นสมรรถนะ
หันมาดูภายในห้องโดยสาร Civic e:HEV RS ยังคงใกล้เคียงกับรุ่นเครื่องยนต์เทอร์โบ แต่มีจุดแตกต่างที่หน้าจอหลัก และจอแสดงผลบนมาตรวัด กับการส่งกำลังของระบบไฮบริด นอกจากนี้ ยังมีการติดตั้งช่องแอร์ด้านหลัง ให้ความเย็นได้ทั่วถึงกว่าเดิม รวมถึงการเพิ่มอรรถประโยชน์ด้วยเบาะหลังพับเก็บได้แบบ 60:40 แต่การพับเบาะต้องดึงสลักจากส่วนที่เก็บสัมภาระท้าย ลดทอนความสะดวกสบายของการใช้งานเล็กน้อย
ขณะที่ระบบ Honda Sensing ยังคงติดตั้งมาครบครัน เหมือนกับรุ่น RS ของเครื่องยนต์เทอร์โบ ได้แก่ ระบบครูสคอนทโรลแปรผันความเร็ว กล้องมองภาพฝั่งซ้าย ระบบรักษารถให้อยู่กลางเลน ระบบช่วยเบรคอัตโนมัติ และยังมีระบบเตือนรถคันหน้าเคลื่อนตัว และระบบเตือนผู้โดยสารบนเบาะหลัง พร้อมระบบเนวิเกเตอร์ในตัว นอกเหนือจากการเชื่อมต่อกับมือถือระบบ Android Auto และ Apple CarPlay ในรุ่น RS ติดตั้งที่ชาร์จมือถือแบบไร้สายด้วย
Honda Civic e:HEV ถือเป็นการกลับมาอีกครั้งกับระบบไฮบริดของซีดานอนุกรมนี้ หลังจากเคยใช้งานมาแล้วกับ Civic รุ่นก่อนหน้านี้ (รหัสตัวถัง FB) กับระบบไฮบริดแบบคู่ขนาน การกลับมาครั้งนี้ ระบบไฮบริดมีความสมบูรณ์พร้อมมากกว่าเดิม ทั้งในแง่ของสมรรถนะ และการประหยัดเชื้อเพลิงที่ยอดเยี่ยม ควบคู่กัน แบบที่เครื่องยนต์สันดาปไม่สามารถทำได้ ถือเป็นการก้าวเข้าสู่ยุคสมัยใหม่ของขุมพลังอย่างแท้จริง ภายใต้ออพชันที่ครบครัน กับ 2 ทางเลือกของรหัส e:HEV ดังนี้
Honda Civic e:HEV
รุ่น EL+ ราคา 1,129,000 บาท
รุ่น RS ราคา 1,259,000 บาท 

