Great Wall Motor ประกาศกลยุทธ์ 6S

Great Wall Motor ฉลองครบรอบ 1 ปีของการเปิดตัว Haval H6 ในประเทศไทย จัดงาน “Haval: Drive to The Future” เดินหน้าประกาศกลยุทธ์ 6S เพื่อเสริมสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ลูกค้า สะท้อนภาพลักษณ์ในฐานะบริษัทเทคโนโลยีอัจฉริยะระดับโลกที่มุ่งสร้างประสบการณ์การบริการที่มีลูกค้าเป็นศูนย์กลาง (User-Centric) ณรงค์ สีตลายน กรรมการผู้จัดการ Great Wall Motor (ประเทศไทย) กล่าวว่า Haval H6 ถือเป็นรถยนต์รุ่นที่ประสบความสำเร็จของ Great Wall Motor ตั้งแต่มีการเปิดตัวสู่ตลาดในประเทศจีนจวบจนถึงปัจจุบัน มียอดขายสะสมกว่า 3.5 ล้านคัน และสร้างสถิติรถเอสยูวีที่มียอดขายรายเดือนสูงสุดในเซกเมนท์ 9 ปีติดต่อกัน สำหรับประเทศไทย นับตั้งแต่วันแรกที่ All New Haval H6 Hybrid SUV ได้เข้ามาโลดแล่นอยู่ในตลาดจนถึงปัจจุบัน Great Wall Motor ได้ต้อนรับสมาชิกชาวไทยเข้าสู่ครอบครัว Haval H6 แล้วเกือบ 5,000 ครอบครัว ต้องขอขอบคุณลูกค้าชาวไทยทุกท่านสำหรับความไว้วางใจ และความสนับสนุนที่มอบให้แก่ Great Wall Motor ตลอด 1 ปีที่ผ่านมา Haval H6 ครองยอดขายอันดับ 1 ในตลาดคอมแพคท์เอสยูวีอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2565 เรายังคงรัก ษาแชมพ์ไว้ได้อย่างแข็งแกร่ง โดยมีส่วนแบ่งทางการตลาดโดยเฉลี่ย/เดือนกว่า 30 % ความสำเร็จของ Haval H6 ในประเทศไทยสะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่น และความตั้งใจของ Great Wall Motor ได้เป็นอย่างดี “Great Wall Motor จะยังเดินหน้าดำเนินธุรกิจภายใต้ 3 กลยุทธ์หลัก ได้แก่ 1) การเป็นผู้นำด้านยานยนต์พลังงานไฟฟ้ากับ  Mission “9 in 3” ที่จะนำรถยนต์รุ่นต่างๆ เข้ามาทำการตลาดในประเทศไทยอย่างน้อย 9 รุ่น ในระยะเวลา 3 ปี 2) Consumer Voice Focus การรับฟังเสียงของผู้บริโภค และ 3) New User Experience การสร้างประสบการณ์ใหม่ให้แก่ลูกค้า โดยนำเสียงของผู้บริ โภค และคำแนะนำต่างๆ มาออกแบบเป็นประสบการณ์ใหม่ๆ ให้แก่ผู้บริโภค ควบคู่ไปกับกลยุทธ์ “4 in 1” ที่มุ่งดำเนินงานผ่านพแลทฟอร์มออฟไลน์ และออนไลน์ ผสาน GWM Experience Center, GWM Direct Store, GWM Partner Store และ GWM App ไว้ด้วยกัน และเพื่อให้สอดคล้องกับกลยุทธ์หลักดังกล่าว Great Wall Motor ยินดีเป็นอย่างยิ่งในการแนะนำกลยุทธ์ 6S ซึ่งให้ความสำคัญกับการขาย และการบริการเพื่อสร้างความเชื่อมั่น และยกระดับประสบการณ์ลูกค้า ควบคู่ไปกับการเพิ่มจำนวนเครือข่ายการให้บริการ เพื่อเป็นอีกหนึ่งพลังในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยสู่อนาคตที่ยั่งยืน ตอกย้ำการก้าวขึ้นเป็นผู้นำด้านยานยนต์ไฟ ฟ้าในประเทศไทยต่อไป” กลยุทธ์ 6S ประกอบไปด้วย Sales, Service, Spare Parts, Survey, Social & Share ที่สะท้อนรูปแบบการดำเนินธุรกิจที่ชัดเจนของ Great Wall Motor ที่เน้นการดำเนินงานพแลทฟอร์มออนไลน์ และออฟไลน์ และการรับฟังเสียงของผู้บริโภค โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้ บริการด้านการขายที่น่าประทับใจ (Sales): Great Wall Motor จะยังคงเชื่อมต่อประสบการณ์ลูกค้าการสื่อสารระหว่างแบรนด์กับผู้ใช้ และการขายในรูปแบบ Online-to-Offline (O2O) ผ่าน GWM Application ทั้งการจอง การทดลองขับ การชำระเงิน และการดูสถานะของรถที่สั่งซื้อ ควบคู่ไปกับการขยายเครือข่ายพันธมิตรทางธุรกิจอย่างต่อเนื่องเพื่อสร้างความเชื่อมั่น และอำนวยความสะดวกให้แก่ลูกค้าในการเข้าถึงสินค้า และบริการ ยกระดับประสบการณ์การเลือกซื้อรถยนต์ด้วยนโยบายการกำหนดราคาเดียวเงื่อน ไขเดียวทั่วประเทศในทุกช่องทาง (One Price Policy) พร้อมทั้งปรับเปลี่ยนรูปแบบธุรกิจของดีเลอร์แบบเดิมให้เป็นผู้ให้บริการ  (Service Provider) ตอกย้ำความมุ่งมั่นที่จะยกระดับประสบการณ์ของลูกค้าให้ดียิ่งขึ้นอย่างแท้จริง บริการหลังการขายที่ตอบโจทย์ทุกความต้องการ (Service): Great Wall Motor มุ่งมั่นที่จะตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคใน   ยุคดิจิทอลให้ได้รับความสะดวก รวดเร็ว และประหยัดเวลา โดยลูกค้าสามารถดูสถานะการให้บริการ อนุมัติงานซ่อม ชำระเงิน ตรวจสอบประวัติการรับบริการ และข้อมูลการใช้จ่ายได้ทุกที่ทุกเวลาผ่าน GWM Application ซึ่งแสดงถึงความโปร่งใส และความจริงใจในการให้บริการ บริษัทยังได้นำเทคโนโลยีเข้ามายกระดับประสบการณ์ของลูกค้าไปอีกขั้นในการเชื่อมต่อประสบการณ์ระหว่าง  Smart Vehicle กับ Smart Application Smart System และ Smart Device เพื่อสร้าง Smart Store ไม่ว่าจะเป็นการนำระบบ  License Plate Recognition System เข้ามาทำงานร่วมกับระบบ Dealer Management System ทำให้ศูนย์บริการทำความรู้จักกับลูกค้าได้ตั้งแต่ก่อนพบหน้า นำระบบ Dealer Assistant Application เข้ามาใช้ควบคู่กับอุปกรณ์ Service Tablet เพื่อลดขั้นตอนและระยะเวลาในการให้บริการ ยิ่งไปกว่านั้น ยังได้พัฒนา และติดตั้ง Vehicle Status Board ในห้องรับรองเพื่อให้ลูกค้าสามารถติด ตามสถานะการซ่อม อีกทั้งยังสามารถทราบตำแหน่งรถยนต์ที่กำลังรับบริการอยู่ได้ตลอดเวลาผ่านกล้อง CCTV อีกด้วย การบริหารจัดการอะไหล่อย่างมีประสิทธิภาพ (Spare Parts): ในปีนี้ Great Wall Motor ได้ขยายพื้นที่คลังอะไหล่เพื่อรองรับปริมาณอะไหล่ให้พร้อมกับปริมาณรถยนต์ที่เพิ่มมากขึ้น รวมถึงเตรียมพร้อมสำหรับรถยนต์รุ่นใหม่ๆ ที่จะเปิดตัวในอนาคต โดย Great Wall Motor จะเพิ่มปริมาณการจัดเก็บอะไหล่จากเดิมประมาณ 3,700 เป็น 5,300 SKU หรือเพิ่มขึ้นกว่า 40 % ลูกค้าทุกคนสามารถมั่นใจ และอุ่นใจได้ว่าบริษัทจะดำเนินงานบริหารจัดการอะไหล่อย่างมีประสิทธิภาพ และมีการสั่งซื้ออะไหล่ตามจำนวน และระยะเวลาที่เหมาะสม โดยบริษัทสามารถจัดส่งอะไหล่ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑลได้ภายในวันเดียวกัน และจัดส่งอะไหล่ไปยังศูนย์บริการทั่วประเทศได้ภายใน 2 วันทำการ ในอนาคตศูนย์บริการของ Great Wall Motor จะเพิ่มประสิทธิภาพในการให้ข้อมูลแก่ลูก ค้าให้สามารถตรวจสอบจำนวนอะไหล่ได้แบบเรียลไทม์ การศึกษา และรับฟังเสียงตอบรับของผู้บริโภค (Survey): Great Wall Motor ดำเนินธุรกิจโดยรับฟังเสียงของผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง เพื่อนำมาปรับปรุง และพัฒนาผลิตภัณฑ์ และการให้บริการให้ดียิ่งขึ้นอยู่เสมอ เช่น การสอบถามความคิดเห็นเกี่ยวกับผลิต ภัณฑ์ และนำมาจัดแสดงตามคำเรียกร้องของผู้บริโภคในงานจัดแสดงรถยนต์ การจัดเตรียมทีมงานคอยอำนวยความสะดวกลูกค้าบนโซเชียลมีเดียตั้งแต่ 7.00-24.00 น. ตลอด 7 วัน การรับฟัง และนำปัญหาของลูกค้ามาแก้ไขปัญหา และพัฒนาการบริการ การจัดกิจกรรม Let's Talk by GWM ให้ลูกค้าร่วมแบ่งปันประสบการณ์การขับขี่ และมุมมองในฐานะผู้บริโภคกับผู้บริหารระดับสูงเพื่อนำความคิดเห็น และข้อเสนอแนะไปพัฒนาการดำเนินธุรกิจในมิติต่างๆ อย่างครอบคลุม นอกจากนี้ Great Wall Motor ยังจัดตั้ง User Committee กลุ่มตัวแทนลูกค้าที่จะเข้ามามีส่วนร่วมในการดำเนินงาน รวบรวมเสียงของผู้ใช้ และนำเสนอข้อคิดเห็น รวมถึงจัดกิจกรรมต่างๆ ร่วมกัน การสร้างสรรค์กิจกรรมให้ลูกค้ามีส่วนร่วม (Social & Share): Great Wall Motor ให้ความสำคัญกับการสร้างสังคมผู้ใช้ที่แข็งแกร่ง รวมถึงแบ่งปันประสบการณ์ที่ดีระหว่างกัน ซึ่งจะทำให้แบรนด์ และลูกค้าเดินเคียงข้าง และเติบโตไปด้วยกันอย่างยั่งยืนผ่านกิจกรรม  2 ส่วน ได้แก่ GWM Application ซึ่งมีผู้ใช้รวมทั้งสิ้นกว่า 100,000 ท่าน และมีผู้เข้ามาใช้งานมากกว่า 10,000 คน/วัน เพื่อแบ่งปันประสบการณ์ สอบถามข้อมูล แชร์สาระน่ารู้ระหว่างกัน และสะสมคะแนนเพื่อแลกรับสินค้า และบริการต่างๆ การจัดกิจกรรมออฟไลน์ระหว่างกลุ่มผู้ใช้ เพื่อสร้างปฏิสัมพันธ์ และเปิดโอกาสให้ผู้ใช้ได้พบปะสังสรรค์ รวมถึงมีประสบการณ์ที่ดีกับผลิตภัณฑ์ และแบรนด์ ตอกย้ำความมุ่งมั่นในการสร้างสังคมผู้ใช้ที่แข็งแกร่ง และยั่งยืนตามหลักการดำเนินธุรกิจที่เน้นผู้ใช้เป็นศูนย์ กลาง (User-Centric) โดยในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมา Great Wall Motor ได้จัดกิจกรรมที่ GWM Experience Center มากกว่า 160 กิจกรรม มีผู้เข้าร่วมกิจกรรมมากกว่า 4,600 คน และมีผู้เข้าเยี่ยมชมกว่า 134,000 คน นอกจากนั้น Great Wall Motor ยังได้เริ่มให้บริการด้านสถานที่แก่เจ้าของรถยนต์ GWM ทุกคน โดยพวกเขาสามารถเข้ามาใช้บริการพื้นที่ของ GWM Experience Center ไอ คอนสยาม เพื่อจัดกิจกรรมส่วนตัวได้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย และจะขยายบริการให้ครอบคลุม GWM Store ทั่วประเทศต่อไป ปัจจุบัน Great Wall Motor มี GWM Store ทั้งรูปแบบที่เป็นเครือข่ายการขาย และบริการหลังการขาย และมีเป้าหมายที่จะเปิดตัว  GWM Store ทั้งรูปแบบ GWM Direct Store และ GWM Partner Store ให้ครบ 80 แห่งภายในปีนี้ โดย ณ สิ้นไตรมาสที่ 2 Great Wall Motor มีจำนวนเครือข่ายทั้งสิ้น 49 แห่ง และในไตรมาสที่ 3 วางแผนว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 63 แห่ง จนจบสิ้นปี 2565 จะขยายให้ครบ 80 แห่งทั่วประเทศอย่างแน่นอน นอกจากนี้ บริษัทยังมีเป้าหมายในการขยายสถานีชาร์จประจุไฟฟ้า หรือ G-Charge ให้ได้ 55  แห่ง ภายในสิ้นปี 2565 นี้ โดยจะแบ่งเป็นภายในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล 70 % และต่างจังหวัด 30 % ซึ่งสถานีชาร์จทั้งหมดของบริษัทจะติดตั้งเครื่องอัดประจุไฟฟ้าแบบ DC Fast Charge กำลังสูง เริ่มต้นที่ 120 KW และมีรูปแบบหัวชาร์จแบบ CCS2 ซึ่งเป็นมาตรฐานสากล G-Charge จึงถือเป็นพแลทฟอร์มให้บริการสถานีชาร์จที่ครบวงจร และทันสมัยมากที่สุดพแลทฟอร์มหนึ่งในประ เทศไทย ทั้งความสามารถในการจ่ายไฟกำลังสูง และการเข้าถึงบริการได้ตลอด 24 ชม. และทุกวัน สามารถใช้บริการผ่าน GWM Application ด้วยฟังค์ชันการค้นหาสถานี นำทาง การจอง และชำระเงินใน App เดียว นอกจากนี้ เพื่อเพิ่มความมั่นใจในการขับขี่ทุกเส้นทาง Great Wall Motor ได้มีการรวบรวมสถานีอัดประจุไฟฟ้าที่มีอยู่ในประเทศมากกว่า 500 แห่ง มาอยู่ในแผนที่การชาร์จใน GWM App ครอบคลุมสถานีชาร์จสาธารณะของไทยมากกว่า 55 % และจะเร่งดำเนินการเพื่อรวบรวมสถานีชาร์จให้ครอบคลุม 80 % ภายในปีนี้ เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ผู้บริโภคชาวไทยทุกคนที่ใช้งานรถยนต์ไฟ ฟ้า สะท้อนให้เห็นถึงความตั้งใจของ Great Wall Motor ในการผลักดันอุตสาหกรรมยานยนต์พลังงานไฟฟ้าให้เติบโตอย่างแข็ง แกร่ง และเป็นรูปธรรม