ธุรกิจ
Great Wall Motor ตั้งเป้าปี 2566 เติบโต 50 %
ณรงค์ สีตลายน กรรมการผู้จัดการ เกรท วอลล์ มอเตอร์ ประเทศไทย กล่าวว่า ปี 2565 ที่ผ่านมา นับเป็นปีสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าอย่างแท้จริง เรามีความภูมิใจที่ได้เป็นส่วนสำคัญในการปลุกกระแสการเติบโตของรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย การันตีด้วยการส่งมอบรถยนต์ให้แก่ผู้บริโภคชาวไทยไปแล้วถึง 15,318 คัน ตลอด 2 ปีที่ผ่านมา สำหรับปี 2565 Great Wall Motor ส่งมอบรถยนต์พลังงานไฟฟ้าทั้งหมด 5 รุ่น ได้แก่ Haval H6 Hybrid SUV, All New Haval H6 Plug-in Hybrid SUV, Haval Jolion Hybrid SUV, ORA Good Cat และ ORA Good Cat GT รวมทั้งสิ้น 11,616 คัน เติบโตขึ้นจากยอดขายปี 2564 ถึง 214 % และบริษัทฯ คาดว่าในปี 2566 ภาพรวมอุตสาหกรรมยานยนต์จะอยู่ที่ประมาณ 920,000 คัน เติบโตขึ้นประมาณ 7 % โดยกลุ่มรถยนต์พลังงานไฟฟ้า หรือ xEV จะโตขึ้นกว่า 70 % หรืออยู่ที่ประมาณ 164,500 คัน โดย 25 % หรือ 40,000 คัน จะเป็นรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100 % ซึ่งเติบโตเกือบ 150 % จากปีที่ผ่านมา
สำหรับในปี 2566 ตั้งเป้าเติบโตเพิ่มขึ้น 50 % หรือมียอดขายไม่ต่ำกว่า 18,000 คัน โดยมุ่งเน้นกลยุทธ์หลักการนำผลิตภัณฑ์ใหม่ออกสู่ตลาด ปีนี้พร้อมแนะนำรุ่นใหม่ 5 รุ่นได้แก่
Tank 500 รถเอสยูวีออฟโรดขนาดใหญ่ระดับพรีเมียม ดีไซจ์นหรูหรา สมรรถนะการขับขี่ทรงพลัง มาพร้อมเทคโนโลยีการขับขี่ออฟโรดอัจฉริยะ ที่จะยกระดับการขับขี่และภาพลักษณ์อันหรูหราเหนือระดับ
Tank 300 รถเอสยูวีออฟโรดสำหรับไลฟ์สไตล์อันโดดเด่น มาพร้อมดีไซจ์นสุดแกร่ง พร้อมสนุกในทุกการขับขี่ มอบประสบการณ์ผจญภัยให้มีสีสันในทุกวัน
ORA Grand Cat รถไฟฟ้าสปอร์ทคูเปสมรรถนะสูง มอบประสบการณ์ขับขี่แบบสปอร์ท ดีไซจ์นโฉบเฉี่ยวพร้อมเทคโนโลยีอันล้ำสมัย ยกระดับรถยนต์ไฟฟ้า 100 % ในประเทศไทยไปอีกขั้น
ส่วนแผนงานใหม่ล่าสุดของปี 2566 Great Wall Motor จะเปิดดำเนินการธุรกิจรถใช้แล้ว โดยให้บริการลูกค้าอย่างครบวงจร รองรับลูกค้าที่ต้องการเปลี่ยนรถ และลูกค้าที่มองหารถยนต์ใช้แล้วที่มีคุณภาพของ Great Wall Motor รวมทั้งมีบริการประเมินราคารถใช้แล้วง่ายๆ ผ่านทางเวบไซท์ www.gwm.co.th โดยมาตรฐานรถใช้แล้วของ GWM Certified Pre-Owned ประกอบไปด้วย 4 ส่วน คือ การตรวจสอบคุณภาพตามมาตรฐาน 219 จุด อายุรถไม่เกิน 5 ปี เลขไมล์ไม่เกิน 150,000 กิโลเมตร ไม่มีประวัติน้ำท่วม ไฟไหม้ และไม่มีประวัติชนหนัก ซึ่งมาพร้อมกับสิทธิประโยชน์มากมาย อาทิ ขยายระยะเวลารับประกันตัวรถและระยะเวลาบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 24 ชั่วโมง เพิ่มอีก 2 ปี ขยายแพคเกจบำรุงรักษา GPSI เพิ่มอีก 1 ปี หรือ 20,000 กิโลเมตร ฟรี ประกันภัยชั้น 1 นาน 1 ปีเต็ม
จัดไฟแนนศ์อัตราดอกเบี้ยพิเศษ ฟรี บริการส่งรถถึงบ้าน การันตีคุณภาพ คืนเงินได้ภายใน 7 วัน หรือไม่เกิน 500 กิโลเมตร หากพบว่ารถมีปัญหาคุณภาพ หรือไม่เป็นไปตามมาตรฐาน
สำหรับด้านบริการหลังการขาย Great Wall Motor ตั้งเป้ายกระดับประสบการณ์ลูกค้า 3 ด้าน
“Worry Free” ขับขี่อย่างไร้กังวลกับการรับประกันคุณภาพรถใหม่ที่เป็น Best-in-class ถึง 5 ปี หรือ 150,000 กิโลเมตร การรับประกันแบทเตอรี ฟรี 8 ปี ไม่จำกัดระยะทาง สำหรับแบทเตอรี Hybrid และฟรี 8 ปี หรือ 180,000 กิโลเมตร สำหรับแบทเตอรี EV พร้อมแพคเกจการบำรุงรักษาตามระยะทาง และบริการช่วยเหลือฉุกเฉินตลอด 24 ชั่วโมง (Roadside Assistant) ตลอดระยะเวลา 5 ปี ที่มาพร้อมกับรถใหม่ทุกคัน
นอกจากนี้ Great Wall Motor ได้จัดตั้ง EV Battery Rapid Team หรือหน่วยงานวิศวกรผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านเพื่อให้คำแนะนำ และตรวจสอบสภาพแบทเตอรีกรณีรถเกิดอุบัติเหตุ เพื่อให้บริการที่รวดเร็วยิ่งขึ้น พร้อมทั้งได้จัดตั้ง GWM Battery Hotline Call Center สายด่วนเพื่อรับแจ้งปัญหาเกี่ยวกับแบทเตอรี และการเคลม โดยให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง โทร. 0-2668-8888 กด 4
“Convenience” อำนวยความสะดวกสบายให้แก่ลูกค้าเมื่อต้องการใช้บริการด้านต่างๆ หลังการขาย อาทิ บริการรับ-ส่งรถยนต์ในกรณีที่ลูกค้าไม่สะดวกเดินทางมาที่ศูนย์บริการ และบริการ Mobile Service ตรวจเชคระยะตามตารางบำรุงรักษาจากนอกสถานที่ ซึ่งสามารถดำเนินการนัดหมายบน GWM Application ให้บริการด้วยเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย พร้อมช่างผู้ชำนาญการเสมือนรับบริการที่ศูนย์บริการ
“Digital Service Experience” ยกระดับประสบการณ์ของลูกค้าไปอีกขั้นด้วย GWM Smart Service ด้วยการนำเทคโนโลยีเข้ามาเชื่อมต่อพแลทฟอร์มต่างๆ เข้าไว้ด้วยกัน ประกอบด้วย Smart Vehicle, Smart Application, Smart System และ Smart Device เพื่อเพิ่มความสะดวกสบายให้แก่ลูกค้าในการนัดหมายจองนัดเข้ารับบริการผ่านทาง GWM Application เมื่อลูกค้าเข้ารับบริการ ระบบ License plate recognition system จะจดจำป้ายทะเบียนรถเพื่อเชื่อมต่อเข้ากับระบบ GWM Dealer management system ทำให้ศูนย์บริการทำความรู้จักกับลูกค้าได้ตั้งแต่ก่อนพบหน้า และทีม Service advisor จะทราบข้อมูลคำขอเข้ารับบริการของท่านในทันที โดยที่ไม่ต้องเสียเวลาในการให้ข้อมูลอีก เพื่อลดขั้นตอน และระยะเวลาในการให้บริการ
ยิ่งไปกว่านั้น ลูกค้ายังสามารถติดตามสถานะการซ่อมผ่าน Vehicle status board ได้ตลอดเวลาผ่านกล้อง CCTV อีกด้วย และสุดท้ายลูกค้าสามารถดูสถานะการให้บริการ อนุมัติงานซ่อม ชำระเงิน ตรวจสอบประวัติการรับบริการ และข้อมูลการใช้จ่ายได้ทุกที่ทุกเวลาผ่าน GWM Application ซึ่งแสดงถึงความโปร่งใส จริงใจ ฉับไวในการให้บริการ ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ยุคดิจิทอลอย่างแท้จริง
ด้านความพร้อมการบริหารอะไหล่ Great Wall Motor จะขยายพื้นที่คลังสินค้าเพิ่มขึ้นอีก 75 % เพื่อให้ครอบคลุมกับจำนวนรถอย่างน้อย 9 รุ่น ภายในปี 2566 และเสริมความพร้อมให้กับ Partner Store ด้วยการเพิ่มรอบจัดส่งอะไหล่ด่วนพิเศษในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล ภายใน 3 ชั่วโมง และส่งอะไหล่ให้ศูนย์บริการทั่วประเทศได้ภายใน 1 วันทำการถัดไป รวมถึงเพิ่มปริมาณการจัดเก็บอะไหล่ขึ้นอีกถึง 3,000 รายการ นอกจากนี้ เพื่อย่นระยะเวลาการซ่อมให้รวดเร็วยิ่งขึ้น เราได้ลดการนำเข้าอะไหล่จากต่างประเทศ และจัดซื้อชิ้นส่วนจากในประเทศแทน เพื่อให้ลูกค้าอุ่นใจได้มากขึ้นกับระบบการบริหารจัดการอะไหล่ที่มีประสิทธิภาพ
และจะมีรถยนต์อีก 2 รุ่นที่รอเปิดตัวภายในปี 2566 ซึ่งทั้งหมดจะเข้ามาเติมเต็มทัพรถยนต์ไฟฟ้าของ Great Wall Motor เพื่อขับเคลื่อนสังคมยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยให้ก้าวไปอีกขั้น
พร้อมกับการเตรียมพร้อมให้ประเทศไทยเป็นฐานการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า ORA เตรียมพร้อมไลน์การผลิตในต้นปี 2567
"Great Wall Motor มั่นใจในการเติบโตของรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยว่าจะมีทิศทางที่ดีเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากภาพรวมของปี 2565 มียอดขายรวมประมาณ 16,000 คัน มียอดจดทะเบียนประมาณ 9,800-10,000 คัน โดยยอดที่ยังไม่ได้จดทะเบียนเกิดจากปัญหาเรื่องของการแพร่ระบาดของ COVID-19 ซึ่งเริ่มคลี่คลายแล้ว และคิดว่าปีนี้ตลาดจะเติบโตมากยิ่งขึ้น เนื่องจากมีผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้ามาขยายตลาดในประเทศไทยมากขึ้น จึงคาดว่าตลาดจะเติบโตอย่างแน่นอน"
ทั้งนี้ Great Wall Motor ยังคงมุ่งเน้นกลยุทธ์ที่จะสร้างยอดขายให้เป็นตามเป้าหมายอีก นอกเหนือจากการแนะนำผลิตภัณฑ์ใหม่ ไม่ว่าจะเป็น การยึดผู้บริโภคเป็นศูนย์กลางสำหรับการสร้างการรับรู้ของแบรนด์ในหลากหลายรูปแบบ และในปีนี้จะเสริมความแข็งแกร่งของแบรนด์ผ่านการสร้างภาพลักษณ์การเป็นแบรนด์ระดับโลก การสื่อสารความเป็นผู้นำของเทคโนโลยีอัจฉริยะ การสร้างไลฟ์สไตล์ของแบรนด์ผ่านความร่วมมือกับพันธมิตร และการเน้นการมีส่วนร่วมของผู้ใช้ ผ่านการจัดตั้ง GWM Owner’s Club และ User Committee เพื่อเป็นตัวแทนผู้ใช้รถ สร้างปฏิสัมพันธ์ระหว่างแบรนด์กับผู้ใช้งานอย่างแท้จริง เพื่อสร้างชุมชนผู้ใช้งานที่แข็งแกร่ง ต่อยอดการเติบโตร่วมกันอย่างยั่งยืน การขยายช่องทางการจัดจำหน่าย GWM Store ทั้งที่เป็น Direct Store และ Partner Store ที่ได้รับการแต่งตั้งไปแล้วทั้งหมด 80 แห่ง โดยเปิดดำเนินการไปแล้ว 62 แห่ง และอยู่ระหว่างก่อสร้างอีก 18 แห่ง ครอบคลุมพื้นที่สำคัญๆ ของประเทศ และในปีนี้เราตั้งเป้าจะเปิด GWM Store อีกอย่างน้อย 20 แห่ง รวมเป็น 100 แห่งทั่วประเทศ เพื่อเพิ่มความสะดวกสบาย และรองรับกับจำนวนลูกค้าที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการขยายสถานีชาร์จ โดยในปี 2566 ตั้งเป้าจะเปิดให้บริการสถานีชาร์จให้ครบ 55 แห่ง ทั้งนี้จะมีสถานีชาร์จที่ก่อสร้างเสร็จพร้อมเปิดดำเนินการจำนวน 8 แห่ง ในเดือนกุมภาพันธ์ 2566 โดยสถานีชาร์จของ Great Wall Motor จะเป็นแบบชาร์จเร็ว (DC Charge) กำลังไฟฟ้าสูงถึง 120 กิโลวัตต์ ให้บริการ 24 ชั่วโมงทุกวัน ครอบคลุมทั้งในกรุงเทพฯ และจังหวัดสำคัญต่างๆ และพร้อมให้บริการแก่รถยนต์ไฟฟ้าทุกยี่ห้อ และทุกรุ่น นอกจากนี้ Great Wall Motor ยังเตรียมรุกธุรกิจฟลีท ที่ได้เริ่มต้นธุรกิจฟลีทในปี 2565 ซึ่งทำยอดขายได้กว่า 200 คัน รวมถึงได้รับความไว้วางใจจากบริษัทรถเช่าชั้นนำจัดซื้อรถเพื่อนำไปปล่อยเช่า ทั้งในรูปแบบบุคคลทั่วไป (B2C) และขยายสู่การจำหน่ายรถให้แก่องค์กร และกลุ่มลูกค้าที่ต้องการใช้รถยนต์จำนวนมาก (B2B) ในปี 2566 Great Wall Motor วางแผนขยายฐานลูกค้าองค์กรขนาดใหญ่ที่ครอบคลุมบริษัทรถเช่าอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกันก็เน้นเจาะกลุ่มลูกค้าธุรกิจขนาดกลางขนาดเล็ก หน่วยงานราชการ และรัฐวิสาหกิจ และสนับสนุนกลุ่มอาชีพพิเศษ อาทิ ผู้พิพากษา ตำรวจ ทหาร และข้าราชการ พร้อมจับมือพันธมิตรสร้างบัตรชาร์จไฟฟ้าเพื่อรองรับกลุ่มลูกค้าองค์กร และเดินหน้าขยายสถานีชาร์จเพื่อสร้างความมั่นใจให้กลุ่มลูกค้ารถเช่าระยะสั้น
ABOUT THE AUTHOR

บรรณาธิการข่าวธุรกิจและสังคม รักการอ่าน ขอบงานเขียน ชอบพบปะผู้คน ได้มีโอกาสสัมภาษณ์ผู้บริหารในวงการยานยนต์ไทย ท่องเที่ยว เป็นประสบการณ์ที่ดี พร้อมได้ เปิดโลก ได้พัฒนาตัวในแวดวงสื่อสารมวลชน
คอลัมน์ Online : ธุรกิจ (บก. ออนไลน์)