เจเนอเรชันต่อไปของ Audi R8 และ TT ต้องใช้ขุมพลังที่สอดคล้องกับแผนกลยุทธ์รถไฟฟ้าของ Volkswagen Group และต้องผ่านการอนุมัติก่อน นอกจากนั้น Audi จะมี ครอสส์โอเวอร์ เอสยูวี ติดสัญลักษณ์ RS อย่างแน่นอน ซึ่งอาจจะเป็น Q5 รุ่นต่อไป ที่จะเพิ่มสมรรถนะ เพื่อโค่นคู่แข่งบ้านเดียวกันอย่าง Mercedes-AMG GLC และ BMW X3 M ก็ได้
กรรมการผู้จัดการของ Audi Sport ได้แจ้งเพิ่มเติมว่าจะมีรถไฟฟ้าระดับ RS นอกเหนือไปจากรุ่น RS e-tron GT อย่างแน่นอน โดยรถไฟฟ้ารุ่นต่อไปต้องผ่านการออกแบบทางด้านวิศวกรรม เพื่อไม่ให้รถมีน้ำหนักมากเกินไป โดยต้องหาจุดสมดุลระหว่างพละกำลังกับการจัดพื้นที่สำหรับติดตั้งแบทเตอรี
แนวคิดการใช้ขุมพลัง พลัก-อิน ไฮบริด กับรถสมรรถนะสูงก็เป็นอีกหนึ่งแนวทาง ที่จะไม่ทำให้พฤติกรรมการใช้รถแตกต่างไปจากเดิม ซึ่งเป็นการตอกย้ำการประกาศเมื่อกันยายน 2562 ว่า RS4 Avant รุ่นต่อไปจะใช้ระบบ PHEV และหลีกเลี่ยงการใช้ชื่อรุ่น RS มากเกินไป ซึ่งจะเป็นการลดความขลังของชื่อ “RS”
ข่าวการเข้าร่วมการแข่งขันรถยนต์ F1 กับทีมแข่ง Sauber ในปี 2569 ซึ่งทำให้เกิดความกังวลว่าจะส่งผลถึงการลดงบประมาณด้านการพัฒนารถยนต์นั่ง ทางผู้บริหารได้แจ้งว่าไม่ใช่ประเด็น เพราะการบริหารทีมแข่งรถ F1 มีกฎในการใช้งบประมาณอย่างจำกัด ไม่ให้เกิดการลงทุนจำนวนมากในการพัฒนารถเพื่อเอาชนะคู่แข่งอยู่แล้ว
ภายในปี 2573 Audi Sport ทุกรุ่นจะถูกเปลี่ยนไปใช้พลังงานไฟฟ้า ซึ่งเมื่อถึงเวลานั้น ทางบริษัทได้ยกเลิกการใช้งานเครื่องยนต์สันดาปภายในสำหรับรุ่น RS ไปแล้ว

