รถล่าสุด
MG EP เปลี่ยนเป็น MG ES หรือ MG5 Electric รุ่นใหม่
MG ES หรือ MG5 Electric เป็น MG EP รุ่นใหม่ สเตชันแวกอนไฟฟ้าหนึ่งเดียว
MG ES ออกแบบภายใต้แนวคิด Comfortable ด้วยพื้นที่ใช้สอยภายในห้องโดยสารที่มีขนาดใหญ่ และใช้ได้จริง ดีไซจ์นภายนอก และภายในหรูมีระดับ ลงตัวในสไตล์ Brit Dynamic ทั้งในด้านสมรรถนะการขับขี่ (Performance) การควบคุม (Handling) การออกแบบ (Design) และความปลอดภัย (Safety)
MG ES กับ New ERA Design ที่ออกแบบตัวรถ MG EP ใหม่ ทั้งภายนอก และภายในที่เรียบหรู ดูสมัย และลงตัวในรูปแบบสเตชันแวกอน
มิติตัวถัง ยาว/กว้าง/สูง 4,600/1,818/1,543 มม. ความยาวฐานล้อ 2,665 มม. ระยะห่างจากพื้น 115 มม.
ไฟหน้าโฉมใหม่ แบบ Light Curtain Design ที่ดูโฉบเฉี่ยว และปราดเปรียวมากยิ่งขึ้น พร้อมระบบควบคุมการเปิด/ปิดไฟหน้าแบบอัตโนมัติ ระบบไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่เวลากลางวัน (Daytime Running Lights)
ล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว
กระจกมองข้างพับ และปรับไฟฟ้า พร้อมไฟเลี้ยว
ชุดราวหลังคา (Roof Rail) รองรับน้ำหนักได้ถึง 75 กก. ระบบไล่ฝ้ากระจกหลัง และสปอยเลอร์หลัง ไฟเบรคดวงที่ 3 และไฟท้าย LED
ภายในเน้นใช้งานได้จริง แต่ยังมีห้องโดยสารที่เรียบหรู กว้าง คอนโซลแบบ Double Layer พร้อมดีไซจ์น Energetic Blue Strip พร้อมเทคโนโลยี Zero-G Seats เพื่อรองรับสรีระ และกระจายน้ำหนักของผู้นั่ง ทำให้นั่งสบายตลอดเส้นทาง
พวงมาลัยมัลทิฟังค์ชันหุ้มหนัง ปรับ 4 ทิศทาง ควบคุมเครื่องเสียงพร้อมปุ่มรับ/วางโทรศัพท์ หน้าจอแสดงผลอัจฉริยะแบบดิจิทอลขนาด 7 นิ้ว (Digital Multi-function Display) และหน้าจอสีระบบสัมผัสขนาด 10.25 นิ้ว พร้อมลำโพง 6 จุด ระบบเชื่อมต่อโทรศัพท์มือถือผ่านบลูทูธ พร้อมช่องเชื่อมต่อ USB TYPE-A และ TYPE-C รองรับการเชื่อมต่อมัลทิมีเดีย Apple CarPlay และสมาร์ทโฟนระบบ Android ระบบปรับอากาศแบบดิจิทอล พร้อมระบบกรองอากาศ PM2.5 ระบบกุญแจรีโมทอัจฉริยะ (Smart key) พร้อมปุ่ม Push Start กระจกมองหลังแบบตัดแสงอัตโนมัติ พื้นที่ช่องเก็บของรอบคัน และที่วางแก้ว
เบาะนั่งหุ้มด้วยวัสดุหนังสังเคราะห์ Denim Texture Design กับผิวสัมผัสที่สบาย และดูแลรักษาง่าย พร้อมเส้นสายการตกแต่งภายในโทนสีฟ้า Energetic Blue Strip เบาะนั่งคนขับปรับไฟฟ้า 6 ทิศทาง และเบาะนั่งผู้โดยสารด้านหน้าปรับ 4 ทิศทาง
เบาะนั่งด้านหลังพนักพิงพับได้ 60:40 พื้นที่บรรจุสัมภาระขนาดใหญ่ถึง 479 ลิตร และมีที่ปิดห้องเก็บสัมภาระท้าย ซึ่งสามารถขยายได้เป็น 1,367 ลิตร เมื่อพับเบาะหลัง
สเตชันแวกอนไฟฟ้า 100 % แนวใหม่กับประสบการณ์การขับขี่ที่สะดวกสบาย และเหนือระดับ
เต็มประสิทธิภาพทุกการเดินทางด้วยเทคโนโลยีใหม่ล่าสุด กับพแลทฟอร์มระบบส่งกำลัง Saic E1 Three-Electric System มาพร้อมขุมพลังที่ให้กำลังจากมอเตอร์ไฟฟ้าเจเนอเรชันใหม่แบบ 8-Layer Hair Pin Permanent Magnetic Synchronous Motor (Pmsm) ที่ให้พละกำลังสูงสุด 177 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 280 นิวตัน-เมตร
พแลทฟอร์มระบบส่งกำลังใหม่ Saic E1 Three-Electric System
มอเตอร์ไฟฟ้าเจเนอเรชันใหม่แบบ 8-Layer Hair Pin Permanent Magnetic Synchronous Motor (PMSM)
แบทเตอรีลิเธียม-ไอออน ฟอสเฟท (LFP) ความจุ 51 กิโลวัตต์ชั่วโมง สามารถวิ่งในระยะทาง 412 กม.* ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง ตามมาตรฐาน NEDC (New European Driving Cycle)
พร้อมระบบ Liquid Cooling System ช่วยระบายความร้อนให้ทั้งมอเตอร์ไฟฟ้า และแบทเตอรี ให้ทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
ระบบ KERS (Kinetic Energy Recovery System) 3 ระดับ ได้แก่ มาก ปานกลาง และน้อย
แบทเตอรีมาตรฐานความปลอดภัย IP67 ในการป้องกันน้ำ และฝุ่น
MG ES มาพร้อมกับแบทเตอรีเทคโนโลยีใหม่ ที่ให้สมรรถนะ และรองรับระบบการชาร์จ 2 รูปแบบ ทั้งแบบ Quick Charge และ Normal Charge เร็วขึ้น ให้ผู้ใช้งานสามารถเดินทางสะดวกสบายได้ทั่วประเทศ ด้วยความพร้อมของสถานีอัดประจุไฟฟ้าของ MG Super Charge ที่ติดตั้งแล้วกว่า 158 แห่งทั่วประเทศ
ชาร์จแบบเร็ว Quick Charge ชาร์จไฟฟ้าจาก 0-80 % ใช้เวลาประมาณ 40 นาที* ที่ความเร็วสูงสุด 87 กิโลวัตต์
ชาร์จแบบธรรมดา Normal Charge ผ่าน MG Home Charger 0-100 % ใช้เวลาประมาณ 7 ชั่วโมง 15 นาที* ที่ 6.6 กิโลวัตต์ รองรับการชาร์จสูงสุดที่ 11 กิโลวัตต์
รองรับระบบ V2L (Vehicle to Load) เปลี่ยนรถยนต์พลังงานไฟฟ้าให้สามารถเป็นแหล่งจ่ายไฟแก่อุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้า ด้วยกำลังไฟสูงสุด 2,200 วัตต์
ปรับปรุงระบบระบายความร้อนให้ใช้งานต่อเนื่องได้ดียิ่งขึ้น และมีน้ำหนักเบาลง 22 %
(*ระยะเวลาในการชาร์จ ขึ้นอยู่กับระดับแบทเตอรีคงเหลือ และกำลังของเครื่องอัดประจุไฟฟ้า)
มาพร้อมช่วงล่างแบบ Euro Tuning Suspension ที่ให้การทรงตัวที่ดี ผสานกับระบบช่วงล่างหน้าอิสระ แมคเฟอร์สันสตรัท พร้อมเหล็กกันโคลง และระบบช่วงล่างด้านหลังแบบทอร์ชันบีม
ระบบพวงมาลัยแบบฟันเฟือง และตัวหนอน ควบคุมด้วยไฟฟ้า (EPS) รัศมีวงเลี้ยว 5.65 ม. จานเบรคทั้ง 4 ล้อ จานเบรคหน้าพร้อมช่องระบายความร้อน
MG ES มาพร้อมระบบโครงสร้างตัวถังนิรภัย FSF (Full Space Frame) และมีการติดตั้งระบบความปลอดภัยรอบคัน ด้วยระบบความปลอดภัยมาตรฐาน Advanced Synchronized Protection System พร้อมระบบ Advanced Driver Assistance System (ADAS) รวม 20 ระบบ ได้แก่
ระบบเบรคมือไฟฟ้า EPB (Electronic Parking Brake)
ระบบป้องกันการไหลของรถโดยไม่ต้องเหยียบเบรคค้าง AVH (Auto Vehicle Hold)
ระบบป้องกันล้อลอค ABS พร้อมระบบกระจายแรงเบรค EBD
ระบบเสริมแรงเบรคด้วยอีเลคทรอนิคส์ EBA (Electronic Brake Assist)
ระบบควบคุมการทรงตัว SCS (Stability Control System)
ระบบควบคุมเบรคในขณะเข้าโค้ง CBC (Curve Brake Control)
ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี และควบคุมการลื่นไถล TCS (Traction Control System)
ระบบช่วยการออกตัวบนทางลาดชัน HAS (Hill Start Assist System)
ระบบเปิด/ปิดไฟสูงอัตโนมัติ IHC (Intelligent High-beam control)
ระบบสัญญาณไฟแจ้งเตือน เมื่อมีการเบรคฉุกเฉิน ESS (Emergency Stop Signal)
ไฟส่องนำทางหลังจากดับเครื่องยนต์ (Follow Me Home Light)
ระบบตรวจสอบความผิดปกติของลมยาง TPMS (Tire Pressure Monitor System)
ระบบช่วยเตือนเมื่อเสี่ยงต่อการชนรถยนต์คันหน้าขณะขับขี่ FCW (Forward Collision Warning) และระบบช่วยเบรคฉุกเฉินอัตโนมัติ AEB (Autonomous Emergency Braking)
ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน ACC (Adaptive Cruise Control)
ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติเมื่อความเร็วต่ำ TJA (Traffic Jam Assist)
ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน LKA (Lane keep Assist)
ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน และช่วยควบคุมรถเมื่อออกนอกเลน ELK (Emergency Lane Keeping Assist)
ระบบช่วยเตือนเมื่อรถออกนอกเลน LDW (Lane Departure Warning)
จุดยึดเบาะนั่งเด็กแบบ ISOFIX 2 จุด
เข็มขัดนิรภัยคู่หน้าแบบดึงรั้งกลับพร้อมผ่อนแรงอัตโนมัติ
ถุงลมนิรภัยคู่หน้า ด้านข้าง และม่านถุงลมนิรภัย
กล้องมองภาพรอบทิศทางแบบ 3 มิติ
สัญญาณเตือนระยะถอยหลัง
ระบบกุญแจนิรภัยแบบ Immobilizer
MG ES มาพร้อมกับระบบสั่งการอัจฉริยะ i-SMART ในรูปแบบ Lite version ตอบสนองทุกไลฟ์สไตล์ และอำนวยความสะดวกสบายผู้ใช้งานไปอีกขั้น ให้เข้าถึงระบบการใช้งานรถไฟฟ้า เพียงปลายนิ้วสัมผัส
Smart Check (ระบบตรวจเชคอัจฉริยะ)
ระบบตรวจสอบสถานะรถยนต์
ระบบสั่งการ และระบบค้นหารถ Find My Car
ระบบเตือนความผิดปกติของรถยนต์
ระบบขอบเขตอีเลคทรอนิคส์
ระบบช่วยค้นหาศูนย์บริการ นัดหมาย และบันทึกการดูแลรักษารถยนต์ตามระยะ
ระบบตรวจสอบสถานะแบทเตอรี การชาร์จ และสถานีชาร์จ
Smart Command (ระบบสั่งการอัจฉริยะ)
กุญแจดิจิทอล
ระบบควบคุมการทำงานของระบบปรับอากาศผ่านทางสมาร์ทโฟน
ระบบเลขาส่วนตัว MG Call Centre
ระบบโทรออก/รับสายกรณีฉุกเฉิน Emergency Call
ระบบสั่งการชาร์จ สถานี MG Super Charge ผ่านทางสมาร์ทโฟน
MG ES มาพร้อมสีตัวถังให้เลือกถึง 5 สี ได้แก่ ขาว (Arctic White) ดำ (Black Knight) เทา (Andes Gray) แดง (Scarlet Red) และเงิน (Champagne Silver) และตกแต่งภายในสไตล์ทูโทนพร้อมหุ้มด้วยวัสดุหนังสังเคราะห์ Denim Texture Design
สำหรับ New MG5 Electric วางจำหน่ายตั้งแต่เดือนมีนาคม ทั่วยุโรป
MG รุ่นที่ 4 ในไลน์อั พและสเตชันแวกอนไฟฟ้าล้วนคันแรกของโลก
ประโยชน์ใช้สอยมากมายพร้อมพื้นที่เก็บสัมภาระเกือบ 1,400 ลิตร
สมรรถนะที่น่าดึงดูดใจ และความมั่นใจในระยะทาง 400 กม.
ความสามารถในการชาร์จไฟฟ้ากระแสสลับ 3 เฟส สูงสุด 11 กิโลวัตต์
ความสามารถในการชาร์จเร็วสูงสุด 87 กิโลวัตต์ DC
มีให้เลือก 2 ระดับ และแบทเตอรี 2 รุ่น คือ 50.3 กิโลวัตต์ชั่วโมง และ 61.1 กิโลวัตต์ชั่วโมง ระยะทาง (WLTP) 320 กม. และ 400 กม.
อุปกรณ์มาตรฐานครบครัน ทั้ง MG iSMART Lite และ V2L
MG สร้างความตื่นเต้นอีกครั้งในกลุ่ม EV ของยุโรป ครั้งนี้กับการเปิดตัว MG5 Electric ใหม่ ออกสู่ตลาด รถสเตชันแวกอนไฟฟ้าล้วนคันแรกของโลกจะมาถึงที่ European MG Brand Stores ในเดือนมีนาคมนี้ รถครอบครัวที่มีอุปกรณ์ครบครัน ใช้งานได้จริง และสามารถเข้าถึงได้โดยมีให้เลือก 2 ระดับ รุ่นแบทเตอรี 2 รุ่น และสีตัวถัง 4 สี
MG5 Electric ใหม่ สะท้อนถึงพันธกิจของ MG ที่ต้องการให้ผู้ขับขี่ที่มีหัวใจเป็นวัยรุ่น และพร้อมรับวิถีชีวิตแบบไฟฟ้าเข้าถึงได้ ด้วยการนำเสนอรถยนต์ที่ชาญฉลาด ใช้งานได้จริง ปลอดภัย และมีเทคโนโลยีขั้นสูงในเซกเมนท์ต่างๆ เพื่อตอบสนองความต้องการที่แตกต่างกัน MG จึงดึงดูดผู้ชมจำนวนมาก การพัฒนาในปัจจุบันในกลุ่ม EV ทำให้ชัดเจนว่ามีการเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่จำนวนมากในระดับพรีเมียมที่มีราคาแพงกว่า ในขณะเดียวกัน มีความต้องการเพิ่มขึ้นสำหรับรถยนต์ครอบครัวไฟฟ้าทั้งหมดที่ประชาชนทั่วไปเข้าถึงได้โดยเฉพาะ MG5 Electric ใหม่ คือ คำตอบที่ลงตัว
ข้อเสนอที่ไม่ซ้ำใคร
MG5 Electric เป็นรถสเตชันแวกอนที่ใช้ไฟฟ้าทั้งหมดคันแรกของโลก ให้ทุกสิ่งที่คุณคาดหวังจากรถเอสเตทใน C-segment ในแง่ของการใช้งานจริง และฟังค์ชันการทำงาน ด้วยความยาว 4,600 มม. ความกว้าง 1,818 มม. และความสูง 1,543 มม. รถสเตชันแวกอนมีการตกแต่งภายในที่กว้างขวางสำหรับทั้งครอบครัว พร้อมช่องเก็บของไม่น้อยกว่า 27 ช่องที่ด้านหน้า และด้านหลัง ในขณะเดียวกัน MG5 Electric ยังให้ประโยชน์ใช้สอยมากมายด้วยช่องเก็บสัมภาระขนาดใหญ่ถึง 479 ลิตร ซึ่งสามารถขยายได้ถึง 1,367 ลิตร เมื่อพับเบาะหลัง (60:40)
คุณลักษณะที่เป็นประโยชน์ และการใช้งานของ MG5 Electric ได้รับการปรับปรุงเพิ่มเติมด้วยน้ำหนักลากจูงสูงสุด 500 กก. น้ำหนักจมูกรถพ่วงสูงสุด 50 กก. และน้ำหนักบรรทุกบนหลังคา 75 กก. ดังนั้นจึงเหมาะสำหรับโครงบรรทุกจักรยาน และกล่องหลังคา เป็นต้น
มาตรฐาน และระยะไกล
จากการเปิดตัวสู่ตลาด MG5 Electric มีแบทเตอรีขนาด 61.1 กิโลวัตต์ชั่วโมง (Long Range) และระยะทางที่มั่นใจได้ 400 กม. (WLTP) ล้อหน้าขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า ที่ให้กำลัง 115 กิโลวัตต์ (156 แรงม้า) และแรงบิด 280 นิวตัน-เมตร รุ่น Standard Range พร้อมแบทเตอรี 50.3 กิโลวัตต์ชั่วโมง และระยะทาง 320 กม. (WLTP) จะมาถึงในภายหลัง ในกรณีนี้ มอเตอร์ไฟฟ้าให้กำลัง 130 กิโลวัตต์ (177 แรงม้า) และ 280 นิวตัน-เมตร
แบทเตอรีทั้ง 2 รุ่นมีสมรรถนะที่น่าสนใจ เช่น อัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ใน 8.3 วินาที และความเร็วสูงสุด 185 กม./ชม. นอกจากนี้ รุ่น Standard และ Long Range ยังมีความสามารถในการชาร์จไฟฟ้ากระแสสลับ 3 เฟส ที่จุดชาร์จไฟฟ้าสาธารณะ (AC) สูงสุด 11 กิโลวัตต์ ทั้ง 2 รุ่นยังสามารถจัดการกับการชาร์จเร็ว DC สูงสุด 87 กิโลวัตต์ เพื่อชาร์จแบทเตอรีได้ถึง 80 % ในเวลาประมาณ 40 นาที
ความสะดวกสบาย และความหรูหรา
MG5 Electric ใหม่ มีให้เลือก 4 สี (สีขาว Dover White, Pebble Black, Diamond Red และ Medal Silver) และการตกแต่ง 2 ระดับ ได้แก่ Comfort และ Luxury
รุ่น Comfort มีอุปกรณ์มาตรฐานครบครัน เช่น เครื่องปรับอากาศพร้อมตัวกรองอากาศ PM2.5, ไฟหน้า และไฟท้ายแบบ LED, เบาะนั่งคู่หน้าแบบปรับความร้อนได้, ระบบช่วยจอดรถ, คลัสเตอร์ดิจิทอลขนาด 7 นิ้ว, พวงมาลัยมัลทิฟังค์ชันหุ้มหนัง, ล้ออัลลอยขนาด 16 นิ้ว, กุญแจรีโมท และรายการอื่นๆ อีกมากมาย มาตรฐานความปลอดภัยระดับสูง ด้วยระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ขั้นสูง (ADAS) 9 ระบบ ที่รวมกันภายใต้ชื่อ MG Pilot เช่น ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบปรับได้ ระบบเตือนการชนด้านหน้า พร้อมระบบเบรคฉุกเฉินอัตโนมัติ ระบบช่วยรักษาช่องทางเดินรถ และระบบช่วยรถติด
รุ่น Luxury รวมอุปกรณ์ทั้งหมดจากรุ่น Comfort เข้ากับคุณสมบัติต่างๆ เช่น ระบบควบคุมสภาพอากาศ กล้องจอดรถ 360 องศา กระจกภายในแบบป้องกันแสงแยงตา เบาะนั่งคนขับปรับไฟฟ้าพร้อมที่รองบั้นเอว เบาะหนังเทียม และล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว
MG iSMART Lite
ยังไม่หมดเท่านั้น นอกเหนือจากทั้งหมดข้างต้นแล้ว MG5 Electric ใหม่ ยังติดตั้งระบบ MG iSMART Lite เป็นอุปกรณ์มาตรฐานอีกด้วย ระบบเชื่อมต่อที่พัฒนาขึ้นใหม่พร้อมหน้าจอสัมผัสขนาด 10.25 นิ้ว มีฟังค์ชันมากมาย เช่น การนำทาง, Apple CarPlay, Android Auto, Bluetooth, พอร์ท USB 4 พอร์ท, DAB+ และการเชื่อมต่อผ่านแอพพลิเคชันสมาร์ทโฟน ซึ่งสามารถควบคุมฟังค์ชันต่างๆ จากระยะไกลได้
Vehicle-to-Load (V2L)
เช่นเดียวกับ MG ZS EV และ MG Marvel R Electric รุ่นใหม่ MG5 Electric ยังติดตั้งระบบ Vehicle-to-Load (V2L) ที่สะดวกมากเป็นมาตรฐาน สิ่งนี้ทำให้แบทเตอรีสามารถจ่ายพลังงานให้แก่ระบบไฟฟ้าภายนอกได้ ระบบ V2L ประกอบด้วยสายชาร์จที่มีปลั๊กประเภท 2 ที่ด้านหนึ่งซึ่งพอดีกับช่องเสียบการชาร์จของรถยนต์ และรางปลั๊กไฟที่มีปลั๊กสำหรับใช้ในครัวเรือนที่อีกด้านหนึ่ง
ระบบ V2L มีกำลังขับสูงสุด 2,200 วัตต์ และมีประโยชน์อย่างยิ่งในสถานการณ์ที่ไม่มีซอคเกท เพียงแค่เสียบปลั๊ก อุปกรณ์ไฟฟ้าทุกประเภทก็สามารถใช้พลังงานจากแบทเตอรีของ MG5 Electric ได้ เช่น ปั๊มลม กาต้มน้ำ กล่องทำความเย็น จักรยานไฟฟ้า แลพทอพ สกูเตอร์ไฟฟ้า และอื่นๆ คุณยังสามารถชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าอีกคันได้ เช่น เพื่อช่วยคนขับ EV หากแบทเตอรีหมด
ข้อมูลจำเพาะ
มิติและน้ำหนัก
ยาว/กว้าง/สูง 4,600/1,818/1,543 มม.
ระยะฐานล้อ 2,659 มม.
ปริมาณบรรทุกสัมภาระด้านท้าย 479-1,367 ลิตร
น้ำหนักรถเปล่า 1,562 กก.
ลากจูงสูงสุดได้ 500 กก.
Standard Range/Long Range
กำลังสูงสุด 177 แรงม้า (130 กิโลวัตต์)/156 แรงม้า (115 กิโลวัตต์)
แรงบิดสูงสุด 28.6 กก.-ม. (280 นิวตัน-เมตร)
อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. 8.3 วินาที
ความเร็วสูงสุด 185 กม./ชม
ความจุแบทเตอรี 50.3 กิโลวัตต์ชั่วโมง/61.1 กิโลวัตต์ชั่วโมง
ระยะ (WLTP) 320 กม. 400 กม.
อัตราสิ้นเปลืองพลังงาน 179 Wh/km / 175 Wh/km
เครื่องชาร์จออนบอร์ด (AC) 11 กิโลวัตต์
เวลาในการชาร์จ DC 5-80 % 40 นาที
MG5 Electric ใหม่ สำหรับ MG Brand ในยุโรปถือเป็นรุ่นที่ 4 ในไลน์อัพ ต่อจาก MG EHS Plug-in Hybrid, MG ZS EV และ MG Marvel R Electric
ABOUT THE AUTHOR
Thanasan Saowamol
ลุงหนึ่ง ฟอร์มูลา ศึกษาวิชาตำรารถมานานกว่า 30 ปี ผ่านร้อนหนาว ตั้งแต่ ยุคเครื่องยนต์ มาถึงยุคมอเตอร์ จะว่าเวอร์ ก็เจอมาหมด
คอลัมน์ Online : รถล่าสุด (บก. ออนไลน์)
คำค้นหา