ระเบียงรถใหม่
Lamborghini Revuelto ซูเพอร์สปอร์ท PHEV V12 คันแรก
เนื่องในโอกาสการฉลองครบรอบ 60 ปี Automobili Lamborghini เปิดตัว Revuelto รถพลัก-อิน ไฮบริด เครื่องยนต์ V12 สมรรถนะสูง (High Performance Electrified Vehicle: HPEV) รุ่นแรกของแบรนด์ สร้างมาตรฐานใหม่ทั้งในด้านสมรรถนะ ภาพลักษณ์แนวสปอร์ท และประสบการณ์การขับขี่สุดเร้าใจ ด้วยสถาปัตยกรรมโครงสร้างรูปแบบใหม่ที่ไม่เคยมีมาก่อน นวัตกรรมการออกแบบรถยนต์ ระบบอากาศพลศาสตร์ประสิทธิภาพสูง และคอนเซพท์ใหม่ของการใช้โครงคาร์บอนไฟเบอร์ กำลังเครื่องยนต์รวมสูงสุดอยู่ที่ 1,015 แรงม้า (CV) ที่ผสานพลังระหว่างเครื่องยนต์สันดาปภายในรุ่นใหม่กับมอเตอร์ไฟฟ้า 3 ตัว โดยทำงานร่วมกับชุดเกียร์ดับเบิลคลัทช์ดีไซจ์นใหม่ ซึ่งถูกเปิดตัวใน Lamborghini 12 สูบ รุ่นนี้เป็นครั้งแรก
ในขณะที่ Revuelto นำเสนอความล้ำหน้าแบบก้าวกระโดดด้วยดีไซจ์นใหม่หมดจดทั้งภายนอก และภายใน หากแรงบันดาลใจจากเครื่องยนต์ V12 ในตำนานยังคงอยู่อย่างชัดเจน ด้วยต้นแบบจากรุ่น Countach ในปี 1971 และสัดส่วนที่สมบูรณ์แบบซึ่งได้รับการพัฒนามาเพื่อติดตั้งตามแนวยาว ทำให้รถยนต์รุ่นนี้มอบสไตล์ที่งดงามอย่างแท้จริง ชวนให้นึกถึงความล้ำหน้าของยุคอวกาศ ทั้งยังเป็นการสร้างนิยามใหม่ของแบบฉบับรถยนต์ซูเพอร์สปอร์ทรุ่น V12 ของ Lamborghini และยังนำเสนอหนึ่งในองค์ประกอบอันโดดเด่นของรถยนต์เครื่อง V12 นั่นคือ ประตูปีกนกที่เปิดในแนวตั้ง (Scissor Doors) ซึ่งได้สร้างคาแรคเตอร์เฉพาะตัวให้แก่ Revuelto อย่างน่าประทับใจ
รถยนต์รุ่นนี้ยังใช้สัดส่วนชั้นเลิศที่ยากจะมีใครเลียนแบบได้ของรุ่น Diablo และใช้ Floating blade บนบังโคลนท้าย โชว์ความบึกบึนสมความเป็นชาย และออกแบบให้ส่วนหน้ารถลู่ลงเหมือนในรุ่น Murciélago ได้อย่างลงตัว
การปรากฏตัวของ Revuelto เสมือน Lamborghini ได้เปิดตัวยานอวกาศรุ่นใหม่ ด้วยการนำเสนอการออกแบบใหม่เพื่อรับมือความท้าทายในการพัฒนารถยนต์ไฟฟ้า ตลอดจนเป็นการกำหนดรูปลักษณ์ และสัดส่วนของซูเพอร์สปอร์ทที่จะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้อีกด้วย โดยดีไซจ์นได้นำแรงบันดาลใจมาจากอุตสาหกรรมการบิน ซึ่งมีคาแรคเตอร์เฉพาะตัวจากโครง 2 เส้นสายหลักที่พาดผ่านจากด้านหน้า โอบล้อมห้องโดยสาร และเครื่องยนต์ และลู่ลงสู่ชุดท่อไอเสียทรงหกเหลี่ยมส่วนท้ายอย่างสง่างาม
องค์ประกอบจากอุตสาหกรรมการบินถูกผสานอย่างกลมกลืนเข้ากับงานออกแบบส่วนหน้าที่ดูแข็งแรง น่าเกรงขาม ด้วยรูปทรงแบบ Shark-nose ของฝากระโปรงหน้าขนาดใหญ่ ซึ่งใช้วัสดุคาร์บอนไฟเบอร์ บ่งบอกถึงสัมผัสแห่งพลัง และความเร็วอย่างชัดเจน ทั้งยังดูสอดรับกับชุดไฟหน้ารูปตัววาย “Y” ที่ใช้ส่องสว่างในเวลากลางวัน ถือเป็นฟีเจอร์งานออกแบบแนวร่วมสมัยที่เปี่ยมด้วยสไตล์สุดล้ำของ Lamborghini ล้อมด้วยแผงระบบอากาศพลศาสตร์ (Aerodynamic blades) ที่เชื่อมต่อกับสปลิทเตอร์ไปจนถึงฝาครอบ ส่วนฟินข้างซึ่งติดตั้งอยู่ด้านหลังซุ้มล้อหน้า ช่วยนำอากาศไหลไปตามด้านข้าง และส่วนโค้งเว้าของประตูสู่ท่อดักอากาศ ซึ่งมีลักษณะเป็นสันคมที่สะท้อนรูปทรงหัวลูกศรด้านหน้าได้อย่างงดงาม
หลังคารถได้รับการออกแบบให้มีความโค้งเหนือศีรษะมากขึ้น ซึ่งมอบทั้งสุนทรียศาสตร์ และฟังค์ชันด้านอากาศพลศาสตร์ที่ดีเยี่ยม รูปทรงที่ลู่ลมนี้ช่วยนำอากาศให้ไหลสู่สปอยเลอร์หลัง พร้อมทั้งช่วยเพิ่มความสูงของห้องโดยสาร ทั้งในส่วนผู้ขับ และผู้โดยสารให้สูงขึ้น
การออกแบบส่วนท้ายรถให้ความสำคัญกับการติดตั้งระบบไฮบริดเครื่องยนต์ V12 ซึ่งเครื่องยนต์ที่ติดตั้งตามแนวยาวแบบเปิดโล่ง ถือเป็นหัวใจสำคัญของ Revuelto นี้จะเชื่อมต่อไปยังชุดท่อไอเสียคู่รูปหกเหลี่ยมให้เห็นอย่างชัดเจน และเสริมความโดดเด่นด้วยปีกทรงเรขาคณิต โอบล้อมด้วยชุดไฟหน้ารูปตัววาย “Y” อันเป็นดีไซจ์นไฟระดับซิกเนเจอร์ของ Lamborghini
ดีไซจ์นรูปตัววาย “Y” เป็นมาตรฐานการออกแบบภายในที่กำหนดให้ผู้ขับมีความสำคัญมากที่สุด ตามปรัชญา "Feel like a pilot" ของแบรนด์ การตกแต่งภายในยังสะท้อนถึงดีไซจ์นใหม่แห่งโลกอนาคตของตัวรถภายนอก โดยทุกองค์ประกอบของห้องโดยสารยังคงแบบฉบับของ Lamborghini อย่างชัดเจน โดยผสานดุลยภาพแห่งประสบการณ์ยุคดิจิทอลเข้ากับสัมผัสทางกายภาพได้อย่างสมบูรณ์แบบ ทั้งเพื่อการขับขี่ในชีวิตประจำวัน และการพุ่งทะยานในสนามแข่ง จุดรวมสายตาในห้องโดยสารนำเสนอการใช้วัสดุคาร์บอนไฟเบอร์อย่างโดดเด่น ผ่านการออกแบบสไตล์ “ยานอวกาศ” ที่โอบล้อมช่องแอร์กลาง และจอแสดงผลทัชสกรีนแนวตั้งขนาด 8.4 นิ้ว ซึ่งถือเป็นหัวใจแห่งเทคโนโลยีของรถยนต์รุ่นนี้
การเปิดตัว Revuelto ทำให้ Lamborghini นำเสนอประสบการณ์การขับขี่ร่วมกันระหว่างผู้ขับ และผู้โดยสารข้างๆ ได้อย่างเต็มอารมณ์ โดยรู้สึกเสมือนเป็นนักบิน และนักบินร่วม โดยสามารถมองเห็นข้อมูลการขับขี่เดียวกันบนจอแสดงผลดิจิทอลขนาด 12.3 นิ้วบนฝั่งผู้ขับ และจอขนาด 9.1 นิ้ว ที่ติดตั้งบนแผงหน้าปัดด้านผู้โดยสาร อีกทั้ง Revuelto ยังนำเสนอฟังค์ชัน “การปัดหน้าจอ” ช่วยให้สามารถเลื่อนแอพพลิเคชัน และข้อมูลจากจอแสดงผลกลางไปยังจอด้านข้างได้เหมือนกับการปัดหน้าจอสมาร์ทโฟน จอดิจิทอลทั้ง 3 จอนี้ไม่เพียงมอบความโปร่งโล่งในห้องโดยสารอย่างมีสไตล์ ด้วยการขจัดปุ่มกดที่ดูรกตาส่วนใหญ่ให้เหลือน้อยที่สุด แต่ยังมอบฟีเจอร์ใหม่อีกมากมายที่ช่วยให้ผู้ขับสามารถมีสมาธิจดจ่อกับการขับได้อย่างเต็มที่ เช่นเดียวกับเมื่ออยู่ในรถแข่ง
การออกแบบพวงมาลัยได้แรงบันดาลใจมาจากโลกมอเตอร์สปอร์ท และประสบการณ์จากรุ่น Essenza SCV12 โดยติดตั้งโรเตอร์ 4 ตัว บนก้านพวงมาลัย เพื่อใช้เลือกทั้งโหมดการขับขี่ และระบบยกตัวรถ และการปรับระดับสปอยเลอร์หลัง กล่าวได้ว่า การออกแบบห้องโดยสาร และระบบควบคุมถูกจัดมาให้ใช้งานง่าย เพื่อมอบสัมผัสที่เป็นธรรมชาติในแบบฉบับของ Lamborghini โดยปุ่มต่างๆ บนพวงมาลัยจะใช้เพื่อเปิด/ปิดสัญญาณเลี้ยว และควบคุมของฟังค์ชันต่างๆ ซึ่งช่วยให้ผู้ขับสามารถจับพวงมาลัยได้อย่างมั่นคงตลอดเวลาในขณะขับขี่
Revuelto ได้แรงบันดาลใจมาจากสนามแข่ง ผสานคาแรคเตอร์ที่ออกแบบมาเพื่อให้ใช้ขับขี่ได้ทุกวัน พร้อมความสามารถอันโดดเด่นมากมาย และยังให้ความสำคัญเป็นพิเศษในขั้นตอนการออกแบบเพื่อสร้างห้องโดยสารที่กว้างขวาง และใช้งานง่าย หากติดตั้งอุปกรณ์อย่างครบครันให้พร้อมสำหรับการเข้าร่วมในสนามแข่งขันอันเร้าใจ การดีไซจ์นหลังคาใหม่ ยังช่วยเพิ่มความสูงของห้องโดยสารได้มากกว่ารุ่น Aventador Ultimae ถึง 26 มม. ในขณะที่โครงสร้าง Monofuselage มอบพื้นที่วางขาได้กว้างกว่าเดิมอีก 84 มม. จึงช่วยเพิ่มพื้นที่ด้านหลังเบาะนั่งให้มากขึ้น ซึ่งสามารถเก็บสัมภาระขนาดใหญ่เท่ากับถุงกอล์ฟได้อย่างพอดี อีกทั้งยังเพิ่มพื้นที่ใต้ฝากระโปรงหน้าให้สามารถใส่กระเป๋าเดินทางได้มากถึง 2 ใบ นอกจากนี้ เพื่อยกระดับความสบายของห้องโดยสารให้มากยิ่งขึ้น ยังเพิ่มพื้นที่ใช้งานต่างๆ อาทิ ช่องเก็บสัมภาระใต้แผงหน้าปัดกลาง และระหว่างเบาะที่นั่ง รวมถึงที่วางแก้วที่ติดตั้งอยู่ด้านข้างแผงหน้าปัดฝั่งผู้โดยสาร
Revuelto คือ โมเดลที่มีทางเลือกในการปรับแต่งรูปลักษณ์ได้มากที่สุด ซึ่งข้อเท็จจริงก็คือ งานทำสีรถของ Revuelto มีให้เลือกมากถึง 400 เฉดสีเลยทีเดียว ร่วมกับออพชันการปรับแต่งได้อีกมากมายเพื่อรังสรรค์รถยนต์ซูเพอร์สปอร์ทในฝันของลูกค้าแต่ละท่านได้อย่างตรงใจมากที่สุด ซึ่งจิตวิญญาณแห่งรถยนต์สปอร์ทที่ยั่งยืนไม่ได้จำกัดอยู่เพียงการใช้ระบบไฮบริดในทางเทคนิคเท่านั้น แต่ยังรวมถึงสีที่นำมาใช้ทั้งหมดโดยเป็นแบบสูตรน้ำ (Water-based) มากกว่าสูตรน้ำมันเคมี (Solvent-based)
ยังครอบคลุมถึงทุกส่วนของการตกแต่งห้องโดยสาร ซึ่งหลีกเลี่ยงการสร้างขยะสู่สิ่งแวดล้อม และได้กลายเป็นแนวทางปฏิบัติของบริษัททุกแห่งในเครือ Lamborghini แนวคิดนี้ยังรวมไปถึงการใช้วัสดุหุ้มเบาะ การทำเบาะหนังสไตล์ Lamborghini (Lamborghini Selleria) ซึ่งใช้เครื่องจักรรุ่นใหม่ล่าสุดเพื่อลดปริมาณขยะให้เหลือน้อยที่สุด โดยไม่ส่งผลกระทบต่อคุณภาพของงานฝีมือ และกระบวนการเย็บที่ยังคงใช้แรงงานช่างฝีมือ ซึ่งถือเป็นเอกลักษณ์ที่ทรงคุณค่าของ Lamborghini
งานออกแบบห้องโดยสารนำเสนอความโดดเด่นจากการใช้วัสดุคาร์บอนไฟเบอร์ทั้งส่วนแผงหน้าปัด ช่องแอร์รูปหกเหลี่ยม รวมถึงกรอบแผงหน้าปัด และช่องแอร์กลาง งานหุ้มเบาะผสานการใช้หนังเนื้อละเอียดเข้ากับวัสดุสิ่งทอน้ำหนักเบาพิเศษ Corsa-Tex ในผ้าไมโครไฟเบอร์ของ Dinamica® ซึ่งเป็นโพลีเอสเตอร์รีไซเคิลด้วยกระบวนการผลิตแบบน้ำ ลูกค้ายังสามารถตกแต่งห้องโดยสารได้ตามต้องการ โดยเลือกผสมทั้งวัสดุหนัง และ Corsa-Tex หรือเลือกวัสดุที่ต้องการเพียงอย่างเดียว ซึ่งมีให้เลือกมากถึง 70 เฉดสี
การออกแบบฟังค์ชัน และดีไซจ์นตัวรถของ Lamborghini Revuelto มีเป้าหมายหนึ่งร่วมกัน นั่นคือ ประสิทธิภาพด้านอากาศพลศาสตร์ขั้นสุดยอด ทำให้การวางเลย์เอาท์ของซูเพอร์สปอร์ทรุ่นนี้มีหลักการออกแบบที่แตกต่างไปเมื่อเปรียบเทียบกับรุ่น Aventador เพราะส่งผลถึงการพัฒนาระบบอากาศพลศาสตร์อย่างชัดเจน การพัฒนานี้ตั้งอยู่บนพื้นฐานแนวคิดหลัก 4 ด้าน ได้แก่ ประสิทธิภาพ การทำงานเสริมกันขององค์ประกอบต่างๆ การผสานองค์ประกอบต่างๆ เป็นส่วนเดียวกัน และการออกแบบที่เป็นเลิศ
ประสิทธิภาพขั้นสูงสุดเกิดจากการผสานแรงกดระดับสูงเข้ากับแรงต้าน ซึ่งถูกปรับให้น้อยที่สุด หนึ่งในองค์ประกอบสำคัญของกลยุทธ์การออกแบบนี้ คือ การใช้สปอยเลอร์หลังแบบแอคทีฟรุ่นใหม่ ซึ่งถูกพัฒนาขึ้นเพื่อให้ได้ประสิทธิภาพทางอากาศพลศาสตร์ที่ดีที่สุดในทุกสภาวะการขับขี่ และด้วยเหตุผลนี้ Lamborghini จึงได้พัฒนาอุปกรณ์หัวฉีดรุ่นใหม่ขึ้นด้วย เพื่อการบริหารแรงกดที่ดีที่สุดในทุกๆ สถานการณ์ ซึ่งจะแตกต่างกันไปตามโหมดการขับขี่ทั้ง 3 รูปแบบ
ตำแหน่งของสปอยเลอร์จะเปลี่ยนไปตามโหมดการขับขี่ และไดนามิคที่เลือก หรือผู้ขับสามารถปรับให้เป็นสไตล์ที่ต้องการได้เองโดยใช้โรเตอร์ซึ่งออกแบบมาโดยเฉพาะ และติดตั้งไว้ที่พวงมาลัย โดยสปอยเลอร์ปิดลง เพื่อลดแรงต้านให้ต่ำที่สุด เช่น ในการใช้ขับขี่ด้วยระบบไฟฟ้า ตำแหน่งนี้ยังช่วยประหยัดน้ำมันมากที่สุดอีกด้วย เมื่อสปอยเลอร์อยู่ในตำแหน่งแรงต้านต่ำ (Low Drag Position) จะเกิดแรงต้านต่ำเมื่อขับด้วยความเร็วสูง ช่วยเพิ่มความเร็วสูงสุดพร้อมกับเพิ่มเสถียรภาพได้มากที่สุด สปอยเลอร์ใน ตำแหน่งแรงกดสูง (High Downforce Position) จะเพิ่มแรงกด โดยปรับระดับความคล่องตัว และการควบคุมตัวรถ Revuelto ให้เหมาะสมที่สุด
ด้านหน้าของซูเพอร์สปอร์ทรุ่นใหม่จาก Sant'Agata นี้มอบความโดดเด่นด้วยสปลิทเตอร์คาร์บอนไฟเบอร์ที่มีลักษณะขอบแผ่ออกรอบด้านตรงส่วนกลาง และเอียงลาดลงทางด้านข้าง ซึ่งช่วยสร้างกระแสอากาศเพื่อเพิ่มแรงกดส่วนหน้าตัวรถ และทำการเบี่ยงลมให้เลี่ยงส่วนล้อ การออกแบบรูปทรงกลางตัวรถ ช่วยให้อากาศไหลไปยังครีบ Vortex Generators 4 ตัวหลัง ซึ่งประกอบด้วยแผ่นทรงโค้งแคบที่ติดตั้งอยู่ใต้ตัวถังที่จำเป็นสำหรับการเพิ่มแรงของกระแสลมที่ปะทะตัวรถด้านล่าง โดยจะช่วยเพิ่มแรงกด และกำหนดทิศทางของกระแสลมให้ไหลไปยังดิฟฟิวเซอร์ ซึ่งดิฟฟิวเซอร์จะทำหน้าที่ด้านอากาศพลศาสตร์ด้วยการแยกกระแสลมที่ไหลมาจากใต้ตัวถังผ่านระบบกำหนดช่องทางลมระหว่างส่วนกลางตัวรถซึ่งมีความลาดต่ำ (ที่ 11° เมื่อเปรียบเทียบกับ 7° ในรุ่น Aventador Ultimae) และส่วนท้ายของตัวรถที่มีความลาดเอียงสูง (ที่ 15° เมื่อเปรียบเทียบกับ 8° ในรุ่น Aventador Ultimae) โดยดิฟฟิวเซอร์นี้ยังทำหน้าที่ในเชิงโครงสร้าง และช่วยในระบบระบายความร้อนให้แก่ส่วนเครื่องยนต์อีกด้วย
โดยสรุปแล้ว แนวทางการออกแบบตัวรถใหม่ ทำให้ Revuelto สามารถเพิ่มแรงอากาศพลศาสตร์ส่วนหน้ารถได้ถึง 33 % และส่วนท้ายรถได้ถึง 74 % เมื่อเปรียบเทียบกับรุ่น Aventador Ultimae
การเสริมประสิทธิภาพขององค์ประกอบต่างๆ ร่วมกัน สามารถเห็นได้อย่างชัดเจน โดยเฉพาะในเรื่องการระบายความร้อน ซึ่งทำให้ Lamborghini Revuelto โดดเด่นอย่างแตกต่างจากรถยนต์รุ่นอื่นๆ หม้อน้ำด้านหน้าจะสร้างลมร้อน จึงต้องมีช่องทางระบายที่เหมาะสม เพื่อไม่ให้ส่งผลถึงการลดประสิทธิภาพของหม้อน้ำด้านข้าง จึงมีการติดตั้งช่องบานเกล็ดระบายลมที่หันออกสู่ด้านนอกไว้บนตะแกรงของหม้อน้ำด้านหน้า เพื่อให้นำลมร้อนไหลออกห่างจากล้อ และหม้อน้ำด้านข้าง ในขณะที่ครีบซึ่งติดอยู่แต่ละข้างของกันชนหน้าจะช่วยลดแรงต้านอากาศอีกทางหนึ่ง
องค์ประกอบทุกส่วนล้วนถูกออกแบบ และพัฒนาให้เกิดการไหลเวียนอากาศที่ดีที่สุด แม้แต่มือจับประตูก็ยังมีหน้าที่ด้านอากาศพลศาสตร์ โดยทำงานร่วมกับปีกรูปตัว “Y” ซึ่งเป็นโซลูชันที่สามารถเปลี่ยนทิศทางกระแสลมบริสุทธิ์ที่ไหลผ่านเข้ามาทางฝากระโปรงหน้า ให้ไหลไปยังฟินแนวขวางด้านข้าง ด้านใดด้านหนึ่ง และพัดเข้าหาหม้อน้ำโดยตรง
การเสริมประสิทธิภาพขององค์ประกอบต่างๆ ที่สำคัญยังเห็นได้อย่างชัดเจนที่การระบายความร้อนของระบบเบรค ซึ่งนำระบบอากาศพลศาสตร์เข้ามาทำงานร่วมด้วย แผ่นกันสะเทือนคู่หน้า และตะแกรงด้านในซุ้มล้อได้ถูกออกแบบใหม่ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ไม่เพียงเพื่อระบายความร้อนเบรคหน้า โดยแผ่นนี้จะช่วยพาอากาศจากดิฟฟิวเซอร์หน้าไปที่เบรคเท่านั้น แต่ยังมีรูปทรงที่ช่วยลดแรงต้านภายในล้อได้ด้วย จึงช่วยจำกัดการบีบอัด และเพิ่มแรงโหลดในส่วนหน้า
นอกจากนี้ ท่อดักอากาศคู่ (NACA) บริเวณด้านหน้าของล้อหลังทั้งสอง ยังคอยเก็บลมจากใต้ท้องรถ และส่งตรงไปยังท่อระบายความร้อนของเบรคหลังได้อีกด้วย
หลังคาคาร์บอนไฟเบอร์ก็มีบทบาทสำคัญในด้านอากาศพลศาสตร์ ผ่านการออกแบบโครงสร้างที่เพิ่มความกว้างของห้องโดยสารภายใน โดยดีไซจ์นรูปทรงปีกซึ่งมีโพรงอากาศตรงกลาง จะช่วยนำลมไปยังท่อดักลมด้านหลัง และไหลต่อไปยังอุปกรณ์แปลงกระแสไฟ (Inverter) และมอเตอร์ไฟฟ้าที่อยู่ด้านบนชุดเกียร์ นอกจากนี้ ด้านข้างของหลังคายังยกพื้นที่เหนือศีรษะให้สูงขึ้น ทั้งในส่วนผู้ขับ และผู้โดยสาร
Revuelto ใช้นวัตกรรมโครงสร้างใหม่ล่าสุด “Monofuselage” ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจมาจากตัวถัง Monocoque ที่ใช้ในอุตสาหกรรมการบิน และผลิตด้วยวัสดุคาร์บอนไฟเบอร์ทั้งหมด โดย Monofuselage มีโครงสร้างส่วนหน้าเป็น Forged Composites ซึ่งเป็นวัสดุพิเศษที่ผลิตจากชิ้นส่วนคาร์บอนไฟเบอร์ขนาดเล็กชุบด้วยเรซิน โดย Lamborghini ได้จดสิทธิบัตรเทคโนโลยีนี้ และเริ่มใช้ในการผลิตโครงสร้างครั้งแรกมาตั้งแต่ปี 2008
โครงสร้าง Monofuselage แสดงให้เห็นถึงความก้าวหน้าครั้งสำคัญต่อจากรุ่น Aventador ทั้งในด้านประสิทธิภาพความแข็งแรง และทนต่อแรงบิด คุณสมบัติน้ำหนักเบา และพลศาสตร์การขับขี่ นอกจากนี้ Revuelto ยังเป็นรถซูเพอร์สปอร์ทรุ่นแรกที่ใช้โครงสร้างส่วนหน้าเป็นคาร์บอนไฟเบอร์ 100 % โดยวัสดุคาร์บอนไฟเบอร์ยังใช้กับโครงรูปโคนส่วนหน้าเพื่อยกระดับการดูดซับพลังงาน ซึ่งพบว่ามีประสิทธิภาพสูงกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับโครงสร้างโลหะแบบดั้งเดิม และมากกว่าเป็น 2 เท่า เมื่อเปรียบเทียบกับโครงส่วนหน้าแบบอลูมิเนียมของรุ่น Aventador บวกกับคุณสมบัติน้ำหนักที่เบาลงอย่างมาก
โครงสร้าง Monofuselage ของ Revuelto มีน้ำหนักเบากว่าโครงแชสซีส์ของรุ่น Aventador ถึง 10 % และโครงส่วนหน้าเบากว่าโครงอลูมิเนียมของรุ่นก่อนหน้าถึง 20 % นอกจากนี้ ความแข็งแรง และทนต่อแรงบิดยังเพิ่มขึ้นไปที่ 40,000 Nm/° ซึ่งสูงขึ้น 25 % เมื่อเปรียบเทียบกับรุ่น Aventador ซึ่งการันตีสมรรถนะที่เป็นเลิศด้านพลศาสตร์ที่ดีที่สุดในคลาสส์อีกด้วย
แนวคิดเบื้องหลังการพัฒนาโครงสร้าง Monofuselage รุ่นใหม่นี้ มีพื้นฐานมาจากการผสมผสานขั้นสูงสุดขององค์ประกอบต่างๆ โดยเกิดจากการนำเทคโนโลยี Forged Composites มาใช้งานอย่างครอบคลุม รวมไปถึงการพัฒนารอคเกอร์ริงขนาดใหญ่ ซึ่งการใช้วัสดุคาร์บอนไฟเบอร์ขั้นสูงนี้ ยังทำให้ Revuelto อวดความโดดเด่นบนเวที ยานยนต์ซูเพอร์สปอร์ทได้อย่างสง่างาม โดยชิ้นส่วนรูปวงแหวนเดี่ยวนี้ผลิตจากวัสดุ CFRP เพื่อเป็นโครงสร้างรับน้ำหนักของตัวรถยนต์ รอคเกอร์ริงจะติดตั้งล้อมรอบ และเชื่อมต่อกับชิ้นส่วน Forged Composites อื่นๆ อาทิ โครงส่วนห้องโดยสาร ผนังห้องเครื่องส่วนหน้า และโครงส่วน A-pillar เป็นต้น
การผลิตชิ้นส่วน Forged Composites ยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ และส่งเสริมความยั่งยืนในกระบวนการผลิต ผ่านการลดอัตราการใช้พลังงานของอุปกรณ์หล่อเย็น และลดปริมาณของเศษขยะวัสดุต่างๆ ให้น้อยลง
การผลิตโครงหลังคายังคงใช้เทคโนโลยีการผลิตจากเครื่อง Autoclave ซึ่งไม่ได้ทำให้ประสิทธิภาพความแข็งแกร่งลดลง เทคโนโลยีดังกล่าวได้ถูกผสานเข้ากับมาตรฐานด้านเทคนิค ความงาม และคุณภาพระดับสูง เสริมด้วยงานฝีมือในกระบวนการขึ้นรูปที่ต้องใช้ความเชี่ยวชาญสูง ซึ่งสั่งสมจากประสบการณ์นานนับปีในการผลิตชิ้นส่วนคอมโพสิทของบริษัท ซึ่งมุ่งเน้นที่คุณภาพมาอย่างต่อเนื่อง สิ่งนี้ถือเป็นแนวทางการผลิตที่ช่วยให้ลูกค้าสามารถเลือกแบบหลังคาได้หลากหลาย และตรงใจมากที่สุด
โครงสร้างแชสซีส์ส่วนท้าย ผลิตจากอลูมินัมอัลลอยคุณภาพสูง และมีการสร้างโพรง 2 ตำแหน่งสำคัญในส่วนโดมท้ายรถ โดยสิ่งนี้จะช่วยผสานการทำงานของระบบช่วงล่างส่วนหลัง และระบบส่งกำลังให้เป็นหนึ่งเดียว โดยมีจุดประสงค์หลักเพื่อการลดน้ำหนัก เพิ่มความแข็งแกร่ง และลดจุดเชื่อมต่อของโครงสร้างได้อย่างมาก
Revuelto ยังเป็นเสมือนการเริ่มต้นการเปลี่ยนแปลงสู่การใช้คาร์บอนไฟเบอร์ในการผลิตรถยนต์ ซึ่งใช้ตัวย่อว่า AIM (Automation, Integration, Modularity) โดย “Automation” หมายถึง การใช้กระบวนการผลิตอัตโนมัติระบบดิจิทอลในการแปรรูปวัสดุ พร้อมการอนุรักษ์การผลิตแบบดั้งเดิมของ Lamborghini อาทิ ศาสตร์การใช้วัสดุคอมโพสิท เป็นต้น
“Integration” คือ การผสานฟังค์ชันต่างๆ ให้มารวมอยู่ในชิ้นส่วนเดียว ผ่านการพัฒนากระบวนการขึ้นรูปแบบบีบอัด (Compression Molding) กระบวนการนี้ใช้โพลีเมอร์ที่นำมาให้ความร้อนก่อน (Preheated Polymers) เพื่อให้สามารถผลิตชิ้นส่วนที่มีความยาว ความหนา และความซับซ้อนที่แตกต่างกันได้ ทั้งยังช่วยรับประกันการผสานเข้ากันของชิ้นส่วนต่างๆ ได้เป็นอย่างดี เพื่อสร้างความทนต่อแรงบิดในระดับสูง และสุดท้าย “Modularity” หมายถึง การสร้างเทคโนโลยีประยุกต์แบบโมดูลาร์ เพื่อให้เกิดความยืดหยุ่น และประสิทธิภาพสูงขึ้น พร้อมรองรับข้อกำหนด และลักษณะเฉพาะของผลิตภัณฑ์ได้ทุกรูปแบบ
การวางตำแหน่งเครื่องยนต์ที่ไม่เคยมีมาก่อน โดยติดตั้งเครื่องยนต์ V12 แบบไร้ระบบอัดอากาศขนาด 6.5 ลิตร บริเวณกลางตัวรถ และมีมอเตอร์ไฟฟ้า 3 ตัว โดยมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัวแรกจะอยู่ที่เพลาขับคู่หน้า และอีก 1 ตัวจะติดตั้งอยู่กับชุดเกียร์ดับเบิลคลัทช์ 8 จังหวะรุ่นใหม่ ซึ่งเป็นครั้งแรกที่ชุดเกียร์ถูกติดตั้งอยู่หลังเครื่องยนต์ โดยเป็นการติดตั้งแนวขวางอยู่ด้านหลังเครื่องยนต์สันดาป V12 เป็นครั้งแรก ส่วนพื้นที่ของอุโมงค์เกียร์ที่มีมาตั้งแต่รุ่น Countach ถูกแทนที่ด้วยแบทเตอรีลิเธียม-ไอออนพลังสูง เพื่อใช้ในการขับเคลื่อนมอเตอร์ไฟฟ้า
มอเตอร์ไฟฟ้าสามารถช่วยจ่ายไฟให้แก่เครื่องได้ในขณะทำงานรอบต่ำ และสามารถเปลี่ยน Revuelto ให้กลายเป็นรถยนต์ไฟฟ้าโดยสมบูรณ์ ซึ่งจะช่วยลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์รวมได้ถึง 30 % เมื่อเปรียบเทียบกับรุ่น Aventador Ultimae
Lamborghini Revuelto ยังนำเสนอสถาปัตยกรรมโครงสร้างแบบไฮบริดที่ไม่เคยมีมาก่อนรวมถึงเครื่องยนต์ V12 เจเนอเรชันใหม่ และเป็นการเปิดตัวรถยนต์ซูเพอร์สปอร์ทระบบไฮบริดในรูปแบบรถยนต์ไฟฟ้าสมรรถนะสูง (High Performance Electrified Vehicle: HPEV) รุ่นแรกที่ใช้แบทเตอรีลิเธียม-ไอออนกำลังไฟสูง น้ำหนักเบา โดยติดตั้งในท่อส่งกำลังที่อยู่ส่วนกลางของโครงแชสซีส์ ซึ่งถือเป็นโซลูชันใหม่ที่ได้รับการออกแบบมาเพื่อลดการปล่อยไอเสีย เมื่อเปรียบเทียบกับรุ่นเครื่องยนต์ V12 ที่ผ่านมา พร้อมกับการเพิ่มสมรรถนะการขับขี่ในระดับสูงสุด
เครื่องยนต์ L545 รุ่นใหม่นี้ มีความจุ 6.5 ลิตร โดยเป็นเครื่อง 12 สูบ ที่เบาที่สุด และให้กำลังเครื่องสูงสุดเท่าที่ Lamborghini เคยผลิตมา โดยมีน้ำหนักรวมเพียง 218 กก. ซึ่งเบากว่าเครื่องรุ่น Aventador ถึง 17 กก. โดย Revuelto เปลี่ยนมุมติดตั้งเครื่องยนต์ถึง 180 องศา เมื่อเปรียบเทียบกับเลย์เอาท์ของ Aventador โดยเครื่องยนต์ Superquadro V12 มอบกำลัง 825 แรงม้า ที่ 9,250 รตน. ซึ่งเป็นผลมาจากระบบจ่ายกำลังเครื่องรุ่นใหม่ที่รองรับรอบเครื่องยนต์ได้สูงสุดถึง 9,500 รตน. โดยมีค่ากำลังจำเพาะอยู่ที่ 128 แรงม้า/ลิตร ซึ่งถือว่าเป็นกำลังเครื่องที่สูงสุดในประวัติศาสตร์ของเครื่องยนต์ 12 สูบของ Lamborghini ทั้งยังให้แรงบิดสูงสุดถึง 725 นิวตันเมตร ที่ 6,750 รตน.
ท่อดักอากาศได้รับการออกแบบโครงสร้างใหม่เพื่อเพิ่มปริมาณอากาศ และเพิ่มประสิทธิภาพการไหลเวียนอากาศสู่ห้องเผาไหม้ให้ดียิ่งขึ้น การเผาไหม้ในห้องเครื่องประสิทธิภาพสูงสุดยังมาจากระบบควบคุมการแตกตัวของประจุในห้องเครื่องผ่านหน่วยควบคุม 2 ยูนิท ซึ่งเป็นโซลูชันที่เคยใช้ในรุ่น Aventador และวันนี้ได้ถูกส่งต่อมายังรถยนต์รุ่นนี้ ระบบการสันดาปใหม่มีอัตราส่วนกำลังอัดเพิ่มขึ้น (12.6:1 เมื่อเปรียบเทียบกับ 11.8:1 ในรุ่น Aventador Ultimae) ท่อไอเสียได้รับการปรับปรุงใหม่เพื่อการไหลเวียนของไอเสียเมื่อเครื่องมีกำลังรอบสูงได้ดีขึ้น และเพิ่มกำลังเครื่องจำเพาะให้สูงขึ้น
Revuelto ยังคงรักษาหนึ่งในมาตรฐานที่แข็งแกร่งที่สุดของ Lamborghini นั่นคือ ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ซึ่งในขณะที่เครื่องยนต์สันดาปภายในมอบกำลังให้แก่ล้อหลัง มอเตอร์ไฟฟ้าคู่ก็จะมอบกำลังให้แก่เพลาหน้า โดยมอเตอร์แต่ละตัวจะสร้างแรงดึงกับล้อหน้าแต่ละข้าง นอกจากนี้ ยังมีมอเตอร์ไฟฟ้าตัวที่ 3 ที่วางอยู่เหนือชุดเกียร์ดับเบิลคลัทช์ 8 จังหวะ ที่ช่วยส่งแรงให้ล้อหลัง โดยขึ้นอยู่กับโหมดการขับขี่ที่เลือก และสภาพของพื้นถนน
แรงบิดรวมจากเครื่องยนต์สันดาป และมอเตอร์ไฟฟ้า 3 ตัว มอบสมรรถนะการขับขี่ที่โดดเด่นเหนือใคร แม้ในหมู่รถยนต์ซูเพอร์สปอร์ท ด้วยแรงบิดสูงสุดถึง 725 นิวตันเมตร จากเครื่องยนต์สันดาปภายใน และอีก 350 นิวตันเมตร จากมอเตอร์หน้าแต่ละตัว ซึ่งเมื่อรวมแล้วจะสามารถมอบกำลังรวมสูงสุดได้ถึง 1,015 แรงม้า เลยทีเดียว
มอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัวด้านหน้า เป็นมอเตอร์แกนฟลักซ์แบบน้ำมันหล่อเย็น และให้อัตราส่วนน้ำหนักต่อแรงม้าดีเยี่ยมที่ 18.5 กก. จากมอเตอร์ 110 กิโลวัตต์ แต่ละตัว นอกจากการส่งกำลังแก่ล้อหน้าแต่ละข้าง ยังมีฟังค์ชันกระจายแรงบิด (Torque Vectoring) เพื่อยกระดับพลศาสตร์การขับขี่ และกู้พลังงานจากการเบรค โดยเมื่อเลือกโหมดการขับขี่แบบไฟฟ้า Revuelto จะขับเคลื่อนด้วยล้อหน้าเท่านั้น เพื่อลดอัตราการใช้พลังงานให้น้อยที่สุด ซึ่งในขณะขับด้วยระบบไฟฟ้า เพลาหลังจะทำงานเฉพาะเมื่อถูกสั่งการในสถานการณ์ที่จำเป็นเท่านั้น
Lamborghini Revuelto ติดตั้งชุดแบทเตอรีลิเธียม-ไอออนกำลังสูง (4,500 วัตต์/กก.) ไว้บริเวณท่อแกนกลาง ทำให้มีจุดศูนย์ถ่วงได้ต่ำสุด และมั่นใจได้ถึงการกระจายน้ำหนักที่ดีเยี่ยม ตัวแบทเตอรีได้รับการปกป้องโดยชั้นโครงสร้างส่วนล่าง และเชื่อมต่อไปยังมอเตอร์ไฟฟ้าตัวหน้า มอเตอร์ไฟฟ้าตัวหลัง และหน่วยชาร์จไฟที่รวมไว้ในระบบ
แบทเตอรีมีความยาว 1,550 มม. สูง 301 มม. และกว้าง 240 มม. บรรจุเซลล์พลังงานรวมความจุ 3.8 กิโลวัตต์ชั่วโมง เมื่อประจุลดลงเหลือศูนย์ สามารถชาร์จใหม่ได้ทั้งการใช้กระแสสลับ และแบบชาร์จในบ้านที่มีกระแสสูงสุด 7 กิโลวัตต์ โดยชาร์จเต็มในเวลาเพียง 30 นาทีเท่านั้น นอกจากนี้ ยังสามารถชาร์จไฟจากการเบรคของล้อหน้าที่ช่วยประจุไฟได้ หรือชาร์จโดยตรงจากเครื่องยนต์ V12 ในเวลาเพียง 6 นาที
การประยุกต์ใช้พแลทฟอร์มใหม่ยังครอบคลุมถึงการตัดสินใจครั้งสำคัญทางเทคนิคอย่างเรื่องชุดเกียร์ ซึ่งถือเป็นศูนย์กลางประสาทของรถยนต์แบบ Plug-in Hybrid ครั้งนี้ Lamborghini ได้พัฒนาหน่วยส่งกำลังขนาดเล็กรุ่นใหม่ ที่สามารถตอบโจทย์ข้อกำหนดเรื่องพลังงานไฟฟ้าแรงสูงได้ ซึ่งพัฒนา และออกแบบโดยทีมงานภายในบริษัท Lamborghini ทั้งหมด และหลังจากติดตั้งใช้งานใน Revuelto อุปกรณ์นี้จะถูกนำไปใช้ในรถยนต์ซูเพอร์สปอร์ทรุ่นต่อไปที่จะผลิตใน Sant’Agata Bolognese แห่งนี้ ตลอดจนยังนำระบบคลัทช์คู่แบบเปียกในการสร้างโซลูชันที่มีประสิทธิภาพสูงสุด และเน้นการเสริมสมรรถนะเครื่องยนต์เป็นหลัก เพื่อให้สามารถสร้างแรงบิดสูงสุดถึง 725 นิวตันเมตร ที่ 6,750 รตน. จากเครื่องยนต์สันดาปภายใน
การพัฒนาระบบส่งกำลังคลัทช์คู่ (Double Clutch Transmission: DCT) 8 จังหวะ เปลี่ยนเกียร์รวดเร็ว ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการใช้เชื้อเพลิง โดยมีฟีเจอร์พิเศษอย่าง “การลดเกียร์ต่อเนื่อง” ซึ่งสามารถลดเกียร์ทีละหลายสเตพ เมื่อทำการเบรคได้อย่างง่ายดายเพียงกดค้างที่แป้นด้านซ้าย ซึ่งทำให้ผู้ขับรู้สึกถึงการควบคุมที่สมบูรณ์แบบ
เมื่อไม่นับรวมชิ้นส่วนระบบไฟฟ้า ชุดเกียร์ DCT รุ่นใหม่นี้จะมีน้ำหนักเบากว่า และเร็วกว่าในการเปลี่ยนเกียร์เมื่อเปรียบเทียบกับระบบดับเบิลคลัทช์ 7 จังหวะ ที่ใช้ในตระกูล Huracán การวางเลย์เอาท์แนวขวาง ยังช่วยเพิ่มพื้นที่ห้องโดยสารให้กว้างขวางกว่า จึงมีเนื้อที่ด้านหลังคนขับ และผู้โดยสารที่โปร่งตา และผ่อนคลายมากขึ้น
ชุดเกียร์ดับเบิลคลัทช์มีขนาดกะทัดรัดมาก โดยยาวเพียง 560 มม. กว้าง 750 มม. และสูง 580 มม. เท่านั้น น้ำหนักรวมเพียง 193 กก. ซึ่งรวมถึงชิ้นส่วนพื้นฐานใหม่ในโครงสร้างรถยนต์ไฮบริดด้วย นั่นคือ มอเตอร์ไฟฟ้าส่วนหลังซึ่งมีกำลังไฟสูงสุด 110 กิโลวัตต์ และแรงบิดสูงสุด 150 นิวตันเมตร
มอเตอร์ไฟฟ้าที่ติดตั้งด้านบนชุดเกียร์ทำหน้าที่ 2 ด้าน ทั้งเป็นมอเตอร์สตาร์ท และเจเนอเรเตอร์ รวมถึงจ่ายพลังงานให้แก่มอเตอร์ไฟฟ้าส่วนหน้า ผ่านทางแบทเตอรีในท่อระบบส่งกำลัง เมื่อเปลี่ยนมาใช้โหมดไฟฟ้าทั้งหมด มอเตอร์นี้ยังส่งกำลังให้แก่ล้อหลัง ซึ่งนอกจากเป็นมอเตอร์ไฟฟ้าขับเคลื่อนล้อหน้า ยังทำให้การขับเคลื่อน 4 ล้อ มีอัตราการปล่อยไอเสียเป็นศูนย์ การปรับฟังค์ชันการทำงานให้สอดคล้องตามโหมดการขับขี่นี้ เกิดจากการกลไกแบบแยกส่วน ที่ควบคุมผ่านตัวประสานที่ออกแบบมาโดยเฉพาะ ซึ่งเชื่อมต่อกับส่วนชุดเกียร์ดับเบิลคลัทช์ โดยในขณะส่งกำลังเสริมให้แก่เครื่องยนต์สันดาปภายใน V12 มอเตอร์ไฟฟ้านี้จะอยู่ในตำแหน่ง P3 โดยแยกตัวจากชุดเกียร์ และจะเคลื่อนไปอยู่ตำแหน่ง P2 เพื่อชาร์จไฟแก่แบทเตอรีในขณะวิ่งด้วยความเร็วต่ำ ละจอดนิ่ง จึงทำหน้าที่เป็นมอเตอร์สตาร์ทด้วย
เมื่ออยู่ในตำแหน่ง P3 นั้น Revuelto จะกลายเป็นรถยนต์ไฟฟ้าขับเคลื่อน 4 ล้อในทันที ขึ้นอยู่กับโหมดการขับขี่ที่เลือก จึงถือเป็นการสานต่อมาตรฐานการขับเคลื่อน 4 ล้อของ Lamborghini ที่มีอัตราการปล่อยไอเสียเป็นศูนย์ไปพร้อมกัน
เกียร์ถอยหลังจะทำงานผ่านมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัวหน้า ซึ่งหากจำเป็นต้องการแรงเสริม มอเตอร์ไฟฟ้าด้านหลังก็จะเข้ามาช่วยเสริมแรงโดยส่งกำลังให้เพลา และล้อหลัง ผลลัพธ์ก็คือ Revuelto จะสามารถขับเคลื่อน 4 ล้อ โดยมีอัตราการปล่อยไอเสียเป็นศูนย์ แม้ในขณะถอยหลังบนพื้นถนนที่มีแรงยึดเกาะต่ำก็ตาม
สถาปัตยกรรมโครงสร้างรูปแบบใหม่ ช่วยให้กระจายน้ำหนักได้อย่างดีเยี่ยม (44 % ที่ส่วนหน้า และ 56 % ที่ส่วนท้าย) ทั้งยังมีน้ำหนักเข้าใกล้จุดศูนย์ถ่วงมากที่สุด และยังลดความยาวของฐานล้ออีกด้วย ส่งผลให้การกระจายน้ำหนักมีความสมดุล และมีความสมบูรณ์แบบ Revuelto จึงมีความคล่องตัวสูง และขับขี่ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพทั้งบนพื้นถนนทั่วไป และในสนามแข่งอันคดเคี้ยว ทั้งยังเสริมคุณสมบัติการกระจายน้ำหนักด้วยการเพิ่มระดับความแข็งของเหล็กกันโคลง (+11 % ด้านหน้า และ +50 % ด้านท้าย) และลดอัตราทดเฟืองพวงมาลัย (-10 % เมื่อเปรียบเทียบกับรุ่น Aventador Ultimae) ซึ่งเป็นวิธีที่ถูกนำมาใช้งานจนประสบความสำเร็จมาแล้วในรุ่น Huracán STO นอกจากนี้ Revuelto ยังยกระดับขีดความสามารถด้วยระบบบังคับเลี้ยว ซึ่งช่วยเพิ่มสัมผัสการควบคุมที่ฉับไว ตอบสนองเร็วทันใจ และเปี่ยมด้วยความคล่องตัวสูงโดยยังรู้สึกได้ถึงเสถียรภาพ และแม่นยำในทุกจังหวะการขับขี่ รวมถึงจากการใช้ยาง Bridgestone Potenza Sport ที่พัฒนาขึ้นเพื่อรถยนต์รุ่นนี้โดยเฉพาะ ซึ่งมอบพื้นที่ด้านหน้าที่กว้างขึ้น (+4 % เมื่อเปรียบเทียบกับรุ่น Aventador Ultimae)
ด้วยการติดตั้งเพลาไฟฟ้า (e-axle) ใน Revuelto ทำให้ Lamborghini สามารถนำระบบกระจายแรงบิดไฟฟ้ามาใช้งานเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ และทำงานร่วมกับระบบ Lamborghini Dinamica Veicolo 2.0 อย่างเป็นทางการครั้งแรก โดยระบบกระจายแรงบิดไฟฟ้า ช่วยเพิ่มความฉับไวให้แก่ตัวรถเมื่อต้องเข้าโค้งที่แคบ รวมถึงเพิ่มเสถียรภาพเมื่อต้องเข้าโค้งด้วยความเร็วสูง โดยช่วยกระจายแรงบิดในแต่ละล้อได้อย่างดีเยี่ยม และยังทำงานสอดคล้องกับระบบบังคับเลี้ยว 4 ล้อ นอกจากนี้ ระบบกระจายแรงบิดไฟฟ้ารุ่นใหม่ยังแตกต่างจากแบบเดิม โดยระบบจะช่วยเบรคเมื่อมีเหตุจำเป็นเท่านั้น เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพสูงสุด และเสริมการขับขี่ที่เป็นธรรมชาติ ตลอดจนสมรรถนะที่สูงขึ้น โดยเมื่อทำการเบรค เพลาไฟฟ้า (e-axle) และมอเตอร์ไฟฟ้าตัวท้าย จะช่วยชะลอความเร็ว ลดแรงกดบนเบรคไปพร้อมกับการชาร์จแบทเตอรีในเวลาเดียวกัน
โครงแชสซีส์ที่เลือกใช้ยังช่วยยกระดับพลศาสตร์ของตัวรถได้อย่างมาก โดย Revuelto เป็นรถยนต์รุ่นแรกของ Lamborghini ที่ใช้สถาปัตยกรรมตัวถังแบบ Monocoque รูปแบบใหม่ ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจมาจากอุตสาหกรรมการบิน โดยผลิตจากคาร์บอนไฟเบอร์ทั้งหมด (เบากว่าโครงแชสซีส์รุ่น Aventador ถึง 10 %) ผสานกับระบบขับเคลื่อนพลังงานประสิทธิภาพสูง เพื่อเพิ่มความแข็งแรง ทนทานต่อแรงบิด (+25 % เมื่อเปรียบเทียบกับรุ่น Aventador) ทำให้ Revuelto มีความเสถียรเป็นเลิศ พร้อมช่วยเสริมความคล่องแคล่ว และการตอบสนองที่ฉับไวให้แก่ตัวรถในภาพรวม
การออกแบบอากาศพลศาสตร์แบบ Active มีบทบาทสำคัญอย่างมากในการยกระดับประสิทธิภาพการขับขี่ และแรงกดสู่มาตรฐานใหม่ โดยเพิ่มขึ้น 61 % และ 66 % ตามลำดับ ภายใต้สถานการณ์แรงโหลดสูงเมื่อเปรียบเทียบกับรุ่น Aventador Ultimae ซึ่งเกิดจากการติดตั้งสปลิทเตอร์หน้า และการออกแบบส่วนหลังคารถ ที่ช่วยให้อากาศไหลเวียนไปยังสปอยเลอร์หลังประสิทธิภาพสูง ซึ่งการออกแบบอากาศพลศาสตร์นี้ทำงานสอดคล้องกับระบบกันสะเทือนปีกนกแบบ Semi-active ซึ่งควบคุมโดยระบบ Lamborghini Vertical Control ที่ออกแบบมาเป็นพิเศษสำหรับรุ่น Revuelto โดยเฉพาะ โดยทำหน้าที่จัดสรรการแลกเปลี่ยนแรงกระทำแนวดิ่งด้วยระบบไฟฟ้า อาทิ เมื่อเกิดการถ่ายแรงแบบฉับพลันขณะวิ่งบนลู่แข่ง โดยจะทำการปรับระบบกันสะเทือน และการเคลื่อนไหวของสปอยเลอร์หลังให้เหมาะสมแบบเรียลไทม์
ระบบเบรค และการระบายความร้อนเบรค ได้รับการออกแบบใหม่เพื่อตอบโจทย์สถานการณ์ที่ต้องการประสิทธิภาพสูงสุด ทำให้ Revuelto นำเสนอระบบเบรค CCB Plus (Carbon Ceramic Brakes Plus) รุ่นใหม่ล่าสุด โดยคาลิเพอร์เบรคหน้าซึ่งใช้ลูกสูบเบรคถึง 10 ตัว แทนที่จะเป็น 6 ตัว ถูกติตตั้งร่วมกับจานเบรคขนาด 410x38 มม. (แทนที่ขนาด 400x38 มม. ของรุ่นก่อนอย่าง Aventador Ultimae) ส่วนคาลิเพอร์เบรคหลังใช้ลูกสูบเบรค 4 ตัว และจานเบรคขนาด 390x32 มม. (แทนที่ขนาด 380x38 มม. ของรุ่นก่อน) จานเบรคยังเคลือบทับด้วยชั้นป้องกันการเสียดสี เพื่อสร้างประสิทธิภาพการเบรค การบริหารอุณหภูมิ และการควบคุมเสียงเบรคที่ดียิ่งขึ้น
การออกแบบอากาศพลศาสตร์ยังช่วยเสริมการทำงานของระบบเบรคด้วย โดยแผ่นกันสะเทือนคู่หน้า และตะแกรงด้านในซุ้มล้อได้ถูกออกแบบใหม่เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ไม่เพียงสำหรับการระบายความร้อนเบรคหน้า โดยแผ่นนี้จะช่วยนำอากาศจากดิฟฟิวเซอร์หน้าไปที่เบรคเท่านั้น แต่ยังมีรูปทรงที่ช่วยลดแรงต้านภายในล้อได้เช่นกัน จึงช่วยจำกัดการบีบอัด และเพิ่มแรงโหลดในส่วนหน้า นอกจากนี้ ท่อดักอากาศคู่ (NACA) บริเวณด้านหน้าของล้อหลังทั้ง 2 ข้าง ยังคอยเก็บลมจากใต้ท้องรถ และส่งตรงไปยังท่อระบายความร้อนของเบรคหลังให้อีกด้วย
สิ่งที่เปิดตัวพร้อมกับระบบไฮบริด คือ 3 โหมดการขับขี่รูปแบบใหม่ที่ถูกพัฒนาขึ้นโดยเฉพาะ ได้แก่ Recharge, Hybrid และ Performance เพื่อใช้ร่วมกับโหมดเดิมอย่าง Città (City), Strada, Sport และ Corsa ซึ่งสามารถเลือกปรับได้ด้วยการใช้โรเตอร์ 2 ตัว บนพวงมาลัย ที่ออกแบบใหม่ ซึ่งเมื่อรวมทั้งหมดจะสามารถตั้งค่าไดนามิคได้ถึง 13 รูปแบบ เพื่อให้ Revuelto แสดงบุคลิก และศักยภาพที่แตกต่างกันไปตามสถานการณ์ และสภาพพื้นถนน หรือแม้แต่บนสนามแข่งขันที่รถยนต์กำลังพุ่งทะยานอยู่
ยกตัวอย่างเช่น โหมด Città ถูกออกแบบมาเพื่อการขับขี่ประจำวันในย่านกลางเมือง ด้วยอัตราการปล่อยไอเสียเป็นศูนย์ ซึ่งเมื่อแบทเตอรีลิเธียม-ไอออนที่คอยให้พลังงานแก่มอเตอร์ไฟฟ้าจำเป็นต้องได้รับการชาร์จไฟ แต่พื้นที่แถบนั้นไม่มีสถานีชาร์จ เครื่องยนต์ V12 จะเข้ามาทำงานเพื่อชาร์จไฟจนเต็ม (เข้าสู่โหมด Recharge) ในเวลาไม่กี่นาที ทำให้รถยนต์รุ่นนี้สามารถแล่นเข้าไปในพื้นที่ที่มีกฎระเบียบควบคุมการปล่อยแกสมลพิษได้ด้วยการใช้โหมดไฟฟ้า โดยที่ระบบกันสะเทือน ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี และชุดเกียร์ จะมอบความสบายสูงสุดในการขับขี่ แรงต้านอากาศที่น้อยลง ยังทำให้โหมด Città มีประสิทธิภาพการใช้เชื้อเพลิงที่ดีที่สุดโดยจำกัดกำลังเครื่องสูงสุดที่ 180 แรงม้า
โหมด Strada เหมาะที่สุดสำหรับการขับขี่ประจำวันที่เน้นสัมผัสแบบไดนามิค และการวิ่งทางไกล ซึ่งผสานการขับขี่แบบสบายๆ เข้ากับสัมผัสแนวสปอร์ท ด้วยกำลังเครื่องสูงสุดที่ 886 แรงม้า โดยเครื่องยนต์ V12 จะทำงานตลอดเวลาเพื่อทำการชาร์จไฟแบทเตอรีอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะช่วยเสริมการขับขี่ในโหมด Recharge ให้มีประสิทธิภาพสูงสุด ส่วนเพลาไฟฟ้าด้านหน้า (e-axle) รองรับระบบกระจายแรงบิด และการทำงานของระบบอากาศพลศาสตร์แบบ Active เพื่อมอบเสถียรภาพสูงสุดเมื่อวิ่งด้วยความเร็วสูง เช่น บนทางหลวง
เมื่อเลือกโหมด Sport จะทำให้ Revuelto เปลี่ยนสมรรถนะไปอย่างสิ้นเชิง โดยรถจะถูกปรับค่าเพื่อสร้างประสบการณ์การขับขี่ที่เร้าใจ ให้คุณโลดแล่นไปอย่างสนุกสนาน พร้อมกำหนดรูปแบบการตอบสนองในแต่ละโหมดการขับขี่ 3 แบบ ที่ทำงานร่วมกัน คือ Recharge, Hybrid และ Performance โดยเครื่องยนต์สันดาปซึ่งควบคุมโดยระบบไฮบริดจะทำงานกับทั้ง 3 สถานการณ์การขับขี่และมอบกำลังเครื่องสูงสุดที่ 907 แรงม้า พร้อมเสียงคำรามอันกึกก้องอันน่าหลงใหลของเครื่องยนต์ V12 ส่วนชุดเกียร์จะตอบสนองการทำงานในระดับสูงสุด ในขณะที่ระบบกันสะเทือน และระบบอากาศพลศาสตร์จะช่วยยกระดับความคล่องตัวที่ฉับไว ให้คุณเข้าโค้งได้อย่างสนุกเร้าใจมากขึ้น
หากต้องการสุดยอดแห่งประสบการณ์ไดนามิค และพลังที่เต็มเปี่ยม ทั้งในแง่ประสิทธิภาพการขับขี่ และพลังเสียง ต้องเลือกโหมด Corsa ที่ออกแบบมาเพื่อเน้นย้ำถึงศักยภาพด้านสุดยอดไดนามิคบนสนามแข่งขันของ Revuelto โดยในโหมด Performance ระบบส่งกำลังจะแสดงพลังสูงสุดด้วยกำลังเครื่องถึง 1,015 แรงม้า และการควบคุมระบบไฮบริดจะถูกปรับให้รีดศักยภาพของเพลาไฟฟ้า (e-axle) ออกมาทั้งหมด ทั้งในด้านการกระจายแรงบิด และการขับเคลื่อนในทุกล้อเพื่อสร้างประสบการณ์ขับขี่ระดับ Ultra-sport ที่ทุกคนสามารถเข้าถึงได้ โดยในโหมด Corsa Recharge นักขับสามารถเน้นการชาร์จไฟแบทเตอรีให้มากที่สุด สำหรับนักขับที่เชี่ยวชาญก็สามารถเลือกปิด ESC เพื่อสัมผัสประสบการณ์แห่งพลังได้อย่างเต็มที่ โดยไม่ต้องมีระบบช่วยขับ และเร้าใจได้ตั้งแต่ออกสตาร์ท ด้วยกำลังเครื่องสูงสุดผ่านฟังค์ชัน “Launch Control” ซึ่งเปิดทำงานได้ด้วยการกดค้างปุ่มตรงกลางโรเตอร์ตัวซ้าย
Bridgestone ได้พัฒนายางรุ่น Potenza Sport เกรดพรีเมียมประสิทธิภาพสูงขึ้นมาโดยเฉพาะ เพื่อซูเพอร์สปอร์ท และเพิ่มขีดศักยภาพด้านความเร็ว ซึ่งผสมผสานระหว่างการจัดล้อแบบ 265/35 ZRF20 ที่เพลาหน้าและ 345/30 ZRF21 ที่เพลาท้าย รวมถึงแบบ 265/30 ZRF21 ที่ด้านหน้า และ 355/25 ZRF22 ที่ด้านหลัง ซึ่งทั้ง 2 แบบ เป็นเทคโนโลยียางแบบ Run-flat เทคโนโลยีนี้ช่วยให้นักขับสามารถขับต่อไปได้อย่างปลอดภัย แม้ยางถูกตำทะลุจนไม่มีลม โดยวิ่งต่อไปได้อย่างน้อย 80 กม. ที่ความเร็ว 80 กม./ชม. ที่ความดันลม 0 บาร์ ช่วยมอบความอุ่นใจให้แก่นับขับได้อย่างมาก
การผสานประสิทธิภาพกัน ยังถูกออกแบบมาโดยเฉพาะ ซึ่งการใช้ล้อแบบ 265/35 ZR20 ที่เพลาหน้าและ 345/30 ZR21 Potenza Sport ที่เพลาท้าย (ยางแบบ Tubeless) ซึ่งทั้ง 2 โซลูชัน ยางแบบ Run-flat และยางแบบ Tubeless มอบประสิทธิภาพการวิ่งด้วยความเร็วสูงที่เหนือชั้น ความแม่นยำในการเข้าโค้ง และการตอบสนองที่เป็นเยี่ยม รวมถึงการยึดเกาะทั้งบนพื้นผิวแห้ง และเปียกที่เป็นเลิศ
และเพื่อตอบสนองความต้องการของนักขับ Revuelto จึงมีการนำเสนอออพชันยาง Bridgestone Potenza Race แบบสั่งผลิตสำหรับการวิ่งในสนามแข่งขัน ซึ่งจะช่วยให้นักขับสามารถยกระดับการยึดเกาะ และการควบคุมตัวรถขั้นสูงสุด ส่วนยาง Bridgestone Blizzak LM005 รุ่นปรับแต่งพิเศษ คือ อีกหนึ่งออพชันนแห่งชัยชนะที่แท้จริง เพราะมอบการยึดเกาะที่ดีที่สุดแม้บนหิมะ พร้อมการเข้าโค้งที่ไวต่อการตอบสนอง และแม่นยำทั้งบนพื้นผิวแห้ง และเปียก
ยาง Bridgestone เหล่านี้ยังออกแบบด้วยเทคโนโลยีปฏิวัติวงการอย่าง Virtual Tyre Development เอกสิทธิ์ของ Bridgestone ซึ่งสามารถลดทั้งปริมาณวัตถุดิบ และการปล่อยแกสมลพิษในระหว่างการพัฒนาผลิตภัณฑ์ได้อย่างมาก
Revuelto นำเสนออินเตอร์เฟศ Human Machine Interface (HMI) ที่ออกแบบใหม่ในทุกรายละเอียด ประกอบด้วย จอแสดงผล 3 ตำแหน่ง ได้แก่ จอบริเวณแผงหน้าปัดขนาด 12.3 นิ้ว จอแสดงผลกลางขนาด 8.4 นิ้ว และจอเสริมขนาด 9.1 นิ้ว มอบรูปลักษณ์ใหม่ที่สดใสกว่าทั้งภาพกราฟิค 3D ภาพเคลื่อนไหว วิดเจท และสไตล์การปรับแต่งต่างๆ ซึ่งจอแสดงผลทั้งสามถูกควบคุมโดย “สมองกล” ตัวเดียว ซึ่งใช้ดีไซจ์นอินเตอร์เฟศแบบเดียวกันทุกจอ ทำให้ผู้ใช้ไม่เกิดการสับสนกับอินเตอร์เฟศบนจอต่างๆ ทั้งในเรื่องสีสัน และรูปภาพ ตลอดจนมีปฏิกิริยาที่สอดคล้องกัน
ระบบอินโฟเทนเมนท์รูปแบบใหม่ของ Revuelto มาพร้อมฟังค์ชันที่ช่วยให้นักขับสามารถปรับแต่ง และสร้างสรรค์ประสบการณ์การขับขี่รถยนต์ Lamborghini ที่เปี่ยมด้วยสุนทรียภาพ และดื่มด่ำได้อย่างเต็มอารมณ์ โดยใช้เพียงการลาก 2 นิ้วไปบนหน้าจอ โดยผู้ใช้สามารถย้ายเนื้อหาอินโฟเทนเมนท์ไปยังจอต่างๆ ทั้งจอบริเวณแผงหน้าปัด หรือจอฝั่งผู้โดยสาร ด้วยการปัดหน้าจอแบบเดียวกัน นอกจากนี้ ยังสามารถบันทึกฟีเจอร์การใช้โปรดได้ เพื่อให้ครั้งต่อไปสามารถเปิดใช้งานได้ด้วยการแตะเพียงครั้งเดียว
งานออกแบบพวงมาลัยใหม่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากปฏิกิริยาระหว่างนักขับกับพวงมาลัยในรถแข่งรุ่น Squadra Corse ซึ่งให้ความรู้สึกราวกับห้องนักบิน อุปกรณ์ควบคุมที่เพิ่มเติมเข้ามา ช่วยให้สามารถควบคุมไดนามิคของตัวรถ และคำสั่งมัลทิมีเดียได้อย่างง่ายดายด้วยการขยับมือเพียงเล็กน้อย โดย Revuelto ยังมีจอแสดงผลข้อมูลไดนามิคการขับขี่บนฝั่งผู้โดยสาร ซึ่งทำให้ผู้โดยสารที่นั่งอยู่ข้างๆ รู้สึกราวกับเป็นนักบินร่วมบนเส้นทางเดียวกัน
ระบบนำทางได้รับการออกแบบ และพัฒนาใหม่ทั้งหมด โดยมีการดาวน์โหลดแผนที่แบบเรียลไทม์ เพื่อให้นักขับมั่นใจได้ว่าข้อมูลของพื้นที่นั้นๆ เป็นเวอร์ชันที่อัพเดทเสมอ การคำนวณเส้นทาง และกลไกการค้นหาสถานที่ก็สามารถทำงานได้เร็วขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ผ่านเซิร์ฟเวอร์ออนไลน์ ระบบนำทางยังผสานข้อมูลการจราจร สภาพภูมิอากาศแบบเรียลไทม์ รวมถึงข้อมูลที่จำเป็นต่างๆ อาทิ ข้อมูลสถานที่น่าสนใจ ซึ่งมีการอัพเดทอย่างต่อเนื่อง รวมถึงข้อมูลลานจอดรถ ปั๊มน้ำมัน และสถานีชาร์จไฟบนเส้นทาง นอกจากเรื่องตำแหน่งที่ตั้ง ระบบยังแสดงข้อมูลอื่นๆ อาทิ เวลาเปิดให้บริการ ราคา รายละเอียดการใช้งาน และข้อมูลอื่นๆ ไว้อย่างครบครัน
โปรแกรมผู้ช่วย Amazon Alexa จะช่วยให้นักขับเข้าถึงฟังค์ชันการควบคุมตัวรถได้อย่างรวดเร็ว ทั้งการปรับอุณหภูมิ การนำทาง และสื่อต่างๆ ผ่านการสั่งงานด้วยเสียง โดยฟังค์ชันเหล่านี้อยู่นอกเหนือจากฟังค์ชันมาตรฐานของ Alexa ที่ใช้เพื่อความบันเทิง และการควบคุมอุปกรณ์สมาร์ทโฮมทั่วไป โดยโปรแกรม Alexa ใน Lamborghini Revuelto ยังผสานฟังค์ชัน What 3 Words ซึ่งทำงานร่วมกับระบบนำทางที่ติดตั้งมากับตัวรถ ทำให้สามารถขับขี่ไปได้ทุกที่บนโลก แม้สถานที่นั้นจะไม่มีข้อมูลที่อยู่ที่ชัดเจนก็ตาม
Revuelto นำเสนอระบบความบันเทิงนวัตกรรมใหม่ ภายใต้ดีไซจ์นออริจินัลของ Lamborghini ระบบวิทยุดาวเทียมแบบใหม่สามารถค้นหาคลื่นสัญญาณได้นับพันสถานี โดยสามารถตั้งค่าการค้นหาได้ตามต้องการ ไม่ว่าจะค้นหาเฉพาะเรื่องที่อยู่ในกระแสความนิยม ค้นหาตามหมวดหมู่ หรือเนื้อหาของแต่ละประเทศ ซึ่งระบบวิทยุดาวเทียม SiriusXM 360L (สำหรับตลาดสหรัฐฯ) เป็นเวอร์ชันที่อัพเกรดประสิทธิภาพอย่างมาก เมื่อเปรียบเทียบกับระบบเดิมอย่าง SiriusXM สามารถนำเสนอเนื้อหาที่สอดคล้องกับความชื่นชอบของผู้ใช้งานได้อย่างดีเยี่ยม ไม่ว่าจะเป็นรายการโชว์ พอดคาสต์ ไปจนถึงรายการสตรีมิงอย่าง Pandora และ Xtra
การเชื่อมต่อของระบบอินโฟเทนเมนท์ใน Lamborghini Revuelto ยังสามารถพัฒนาประสิทธิภาพด้วยตัวเองได้อย่างต่อเนื่อง ด้วยระบบการอัพเดทตัวเองผ่านซอฟท์แวร์ Over-the-Air ที่ติดตั้งมาในเครื่อง ทำให้รถยนต์มีระบบที่อัพเดท และเนื้อหาที่ทันสมัยอยู่เสมอ ระบบที่ถูกพัฒนาขึ้นนี้สามารถรองรับการอัพเดทไม่เฉพาะที่จอแสดงผลอินโฟเทนเมนต์เท่านั้น แต่สามารถอัพเดทจอที่แผงหน้าปัด และจอแสดงผลฝั่งผู้โดยสารได้อีกด้วย
Lamborghini Revuelto ยังสามารถเชื่อมต่อแอพพลิเคชันพิเศษอื่นๆ ที่มีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ผู้ใช้จึงสามารถเลือกปรับแต่งการใช้งานเพื่อสร้างสรรค์ประสบการณ์การขับขี่ได้ดังใจ และด้วยการให้ความสำคัญอย่างมากกับความปลอดภัยของลูกค้า Lamborghini Revuelto จึงติดตั้งระบบโทรศัพท์ฉุกเฉิน และบริการช่วยเหลือฉุกเฉินไว้กับตัวรถ ซึ่งจะทำงานทันทีเมื่อเกิดเหตุไม่คาดฝัน เพื่อให้ลูกค้าได้รับความช่วยเหลืออย่างทันท่วงที โดยระบบติดตามรถยนต์ Lamborghini Connect ยังสามารถตรวจจับการใช้งานรถยนต์ที่ไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งไม่เพียงแจ้งไปยังเจ้าของรถ แต่ยังติดต่อไปยังศูนย์ความปลอดภัยที่เปิดรับสัญญาณตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อให้ความช่วยเหลือแก่ลูกค้าในการติดตามรถยนต์กลับคืน Lamborghini Revuelto ใช้งานได้ทั่วโลก โดยรองรับได้มากกว่า 30 ภาษา เพื่อมอบประสบการณ์ที่ถูกต้องแม่นยำ และมั่นใจได้ในทุกๆ ประเทศ
เจ้าของรถยังสามารถมีปฏิสัมพันธ์กับ Lamborghini Revuelto ได้อย่างต่อเนื่องแม้ดับเครื่องยนต์ไปแล้ว ด้วยการใช้แอพพลิเคชันบนสมาร์ทโฟน Lamborghini Unica ที่ช่วยให้นักขับสามารถตรวจสอบสถานะต่างๆ ของรถได้ตลอดเวลา ทั้งระดับเชื้อเพลิง การชาร์จแบทเตอรี ระยะทางที่วิ่งได้/การชาร์จไฟ 1 ครั้ง รวมถึงตำแหน่งการจอดที่แน่นอน แอพพลิเคชัน Unica ยังมีชุดควบคุมรถยนต์ระยะไกล เช่น การลอค และปลดลอคประตู การเปิดเสียงแตร หรือเปิดแสงไฟ โดยบางฟังค์ชันยังสามารถสั่งได้ทาง Apple Watch เจ้าของรถจึงสามารถควบคุมรถยนต์ของตัวเองได้แม้มีคนอื่นขับอยู่ก็ตาม ทั้งการกำหนดระดับความเร็วสูงสุด รวมถึงการใช้งานต่อชั่วโมง และขีดจำกัดการใช้งานผ่านตำแหน่งทางภูมิศาสตร์ ซึ่งถ้ารถยนต์วิ่งเร็วเกินระดับความเร็วที่กำหนดไว้ในเขตพื้นที่หนึ่งๆ หรือใช้งานนานกว่าเวลาที่กำหนด เจ้าของรถจะได้รับการแจ้งเตือนผ่านทางแอพพลิเคชัน
Lamborghini Revuelto มอบความปลอดภัยขั้นสูงสุดแก่ลูกค้า โดยข้อมูลที่ถูกส่งระหว่างรถยนต์กับระบบคลาวด์จะได้รับการปกป้องตามมาตรฐานความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ ลูกค้ายังสามารถควบคุมได้ว่าจะแชร์ข้อมูลใดบ้างด้วยการกำหนดความเป็นส่วนตัวทั้ง 6 ระดับตามหลักเกณฑ์
Lamborghini ยังนำระบบความปลอดภัยอัจฉริยะ ADAS (Advanced Driver Assistance System) มาใช้ใน Revuelto เป็นครั้งแรก ซึ่งรวมถึงฟังค์ชันขั้นสูงเพื่อการเพิ่มความปลอดภัย และประสิทธิภาพในการขับขี่ประจำวัน ซึ่งเกิดจากการทำงานผสานกันทั้งระบบกล้อง เรดาห์ และเซนเซอร์ ซึ่งชุดความปลอดภัยยังมีระบบเตือนเมื่อออกนอกช่องเดินรถ พร้อมพวงมาลัยหน่วงอัตโนมัติ Active Lane Departure Warning (ALDW) ซึ่งจะตรวจจับเส้นแบ่งช่องเดินรถ และปรับวงล้อให้เหมาะสมหากผู้ขับเผลอขับข้ามช่อง นอกจากนี้ ระบบเตือนเมื่อเปลี่ยนช่องเดินรถ Lane Change Warning (LCW) จะตรวจจับจุดบอด และเตือนผู้ขับถึงอันตรายก่อนที่จะเปลี่ยนช่องทาง ส่วนระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ Adaptive Cruise Control (ACC) จะควบคุมความเร็วรถ และระยะห่างกับรถคันหน้า โดยจะช่วยทั้งในการเร่งความเร็ว และเบรครถให้โดยอัตโนมัติ
Revuelto ยังติดตั้งระบบเตือนจุดอับสายตาขณะถอยหลัง Rear Cross Traffic Alert (RCTA) โดยเมื่อทำการถอยรถ อุปกรณ์จะเตือนนักขับหากมีสิ่งกีดขวางอยู่ด้านหลัง และทำการเบรคเมื่อใกล้จะเกิดการชนปะทะ นอกจากนี้ ระบบกล้องยังแสดงภาพด้านหลังรถ และด้านบนที่จอแสดงผลบริเวณแผงหน้าปัด ทำให้นักขับไม่เพียงมองเห็นด้านหลังรถ แต่ยังเห็นภาพจำลองของรถทั้งคันเมื่อมองจากด้านบน
ABOUT THE AUTHOR
Thanasan Saowamol
ลุงหนึ่ง ฟอร์มูลา ศึกษาวิชาตำรารถมานานกว่า 30 ปี ผ่านร้อนหนาว ตั้งแต่ ยุคเครื่องยนต์ มาถึงยุคมอเตอร์ จะว่าเวอร์ ก็เจอมาหมด
ภาพโดย : Lamborghiniคอลัมน์ Online : ระเบียงรถใหม่ (บก. ออนไลน์)