ภายนอก
โดดเด่นสะดุดตา
Honda Civic Type R ได้รับการออกแบบโดยเน้นหลักอากาศพลศาสตร์ และความโฉบเฉี่ยว เริ่มจากมิติตัวถังที่อวบอ้วนกว่ารถทั่วไปบนท้องถนน ประดับโลโก H Mark สีแดง มาพร้อมชุดแอโรพาร์ทรอบคัน สปอยเลอร์สี Gloss Black รอบคัน ทั้งด้านหน้า แก้มข้าง สเกิร์ทข้าง ดิฟฟิวเซอร์ท้าย และสปอยเลอร์หลังทรงสูง พร้อมชุดท่อไอเสียแบบ Center Triple และล้ออัลลอยขนาด 19 นิ้ว ภาพรวมถือเป็นการออกแบบที่เฉียบคม และเข้าใจความต้องการของลูกค้ากลุ่มนี้โดยเฉพาะ
ภายใน
แนวสปอร์ท แต่เน้นสะดวกสบาย
ดีไซจ์นภายในดำเนินการภายใต้ 2 แนวคิดหลัก ได้แก่ “Instantaneous Recognition” และ “Intuitive Operation” ที่ตอบโจทย์ด้านความสะดวกสบายในการใช้งานอุปกรณ์ และฟังค์ชันต่างๆ ครบครัน อาทิ จอ TFT แสดงผลการขับขี่ขนาด 10.2 นิ้ว พวงมาลัยมัลทิฟังค์ชัน พร้อมระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ เครื่องเสียงหน้าจอสัมผัส ขนาด 9 นิ้ว รองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay แบบไร้สาย, Android Auto และระบบเชื่อมต่อ Honda Log R เพื่อแสดงค่าการทำงานของระบบต่างๆ แบบ Real Time โดยมีเมนูให้ใช้ทั้งภาษาไทย และภาษาอังกฤษ (ไม่ใช่เมนูภาษาญี่ปุ่นล้วน เหมือนรถกเรย์มาร์เกท) เบาะคู่หน้าสไตล์รถแข่ง วัสดุหนังกลับพรีเมียมสีแดง พร้อมโลโก Type R พรมปูพื้นสีแดง มีการประดับด้วย Serial Number Plate หมายเลขที่มีเพียงหนึ่งเดียว และมีระบบ Active Sound Control ช่วยปรับแต่งเสียงในห้องโดยสาร เพื่อความเร้าใจขณะขับขี่ยิ่งขึ้น
เครื่องยนต์
320 แรงม้า จากโรงงาน
ขุมพลังของ Honda Civic Type R เป็นเครื่องยนต์เบนซิน Direct Injection DOHC VTEC TURBO แบบ 4 สูบ 16 วาล์ว ความจุ 2.0 ลิตร ให้กำลัง 320 แรงม้า ที่ 6,500 รตน. แรงบิดสูงสุด 42.8 กก.-ม. แบบ “Flat Torque” ที่ 2,600-4,000 รตน. ที่ทำงานร่วมกับระบบส่งกำลังเกียร์ธรรมดา 6 จังหวะ อัตราทดชิด พร้อม LSD (Limited Slip Differential) พร้อมระบบ Rev-Matching Systems (เร่งรอบเครื่องยนต์ให้สัมพันธ์กับเกียร์ขณะเปลี่ยนเกียร์ลงต่ำ) และมีโหมดขับขี่ให้เลือกตามความต้องการ ทั้ง Comfort Mode ให้ความสะดวกสบายสูงสุด, Sport Mode สำหรับขับขี่ที่เน้นสมรรถนะของเครื่องยนต์เพิ่มขึ้น, Individual Mode เพื่อเลือกปรับระบบการทำงานของเครื่องยนต์ ระบบรองรับ และการตอบสนองของพวงมาลัยตามความต้องการของผู้ขับขี่ และปิดท้ายด้วย “โหมดพร้อมรบ” +R Mode เพื่อสมรรถนะขั้นสุดของเครื่องยนต์ พวงมาลัย ระบบรองรับ พร้อมเปลี่ยนหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่ในเชิงลึก รวมถึง Active Exhaust Valve จะเปิดเต็มที่เพื่อความเร้าใจสูงสุด
ระบบรองรับ
Adaptive Suspension น่าประทับใจ
ระบบรองรับด้านหน้าเป็นแบบอิสระ แมคเฟอร์สันสตรัท ด้านหลังเป็นแบบอิสระ มัลทิลิงค์ โดยเป็นแบบ Adaptive Suspension โดยจะปรับเปลี่ยนการทำงานตามโหมดการขับขี่ที่เลือกใช้ พวงมาลัยเพาเวอร์ผ่อนแรงด้วยไฟฟ้าแบบดูอัลพิเนียน หรือตัวหนอนคู่ (DP-EPS) ปรับเซทน้ำหนักลงตัวทุกช่วงความเร็ว ตอบสนองฉับไว สามารถบังคับควบคุมได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่วนเรื่องการหยุดมั่นใจด้วยจานเบรค 4 ล้อ ด้านหน้าใช้คาลิเพอร์ Brembo 4 พอท พร้อมจานเบรคแบบ 2 ชิ้น เพื่อประสิทธิภาพสูงสุดในการระบายความร้อน พร้อมระบบช่วยเหลือครบครัน อาทิ ระบบช่วยการทรงตัว VSA (Vehicle Stability Assist) และเทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะ Honda SENSING
สรุป
สมรรถนะร้อนแรง
ขับครั้งนี้เป็นการการทดลองขับในสนามปิด (สนามช้าง อินเตอร์เนชันแนล เซอร์กิท) โดยมีโควตาให้ขับคนละ 3 รอบสนาม สิ่งแรกที่สัมผัสได้ คือ ความกระชับของเบาะนั่ง ที่โอบกระชับให้ความมั่นใจขณะอยู่หลังพวงมาลัยหุ้มอัลคันทาราเย็บด้วยด้ายสีแดงจับกระชับมือ และมีน้ำหนักมากกว่ารถยนต์ Honda ทุกรุ่นที่ทำตลาดในปัจจุบัน
พละกำลังจากเครื่องยนต์ 4 สูบ 2.0 ลิตร VTEC Turbo ที่ให้ผลลัพธ์ออกมา 320 แรงม้า กับแรงบิดสูงสุด 42.8 กก.-ม. ที่มีให้ใช้ตั้งแต่ 2,600 รตน. ให้ความตื่นเต้น และรู้สึกเหมือนกับถูกกระตุ้นอยู่ตลอดเวลา โดยมันจะพาผู้ขับขี่พุ่งไปข้างหน้าอย่างต่อเนื่องเหมือนกับไม่มีจุดสิ้นสุด อาการเทอร์โบแลกที่เป็นปัญหาเดิมๆ ของเครื่องยนต์เทอร์โบยุคเก่าไม่มีให้สัมผัส ขุมพลังทำงานได้อย่างราบรื่นฉับไวทุกความเร็วรอบ เสียงการทำงานเครื่องยนต์ และท่อไอเสีย ไพเราะเสนาะโสต ผสานการทำงานของเสียงสังเคราะห์ในห้องโดยสาร ช่วยเพิ่มอรรถรสขณะขับขี่ในสนามได้น่าประทับใจ
การบังคับควบคุมตัวรถเป็นไปตามความต้องการของผู้ขับขี่ ไม่มีความรู้สึกเหมือนรถขับเคลื่อนล้อหน้าแรงม้าสูงที่เคยขับ ตัวรถมีความเป็นกลางสูง ไม่มีอาการอันเดอร์สเตียร์ และโอเวอร์สเตียร์ แม้แต่น้อย ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากระบบ VSA (Vehicle Stability Assist) ซึ่งใช้ซอฟท์แวร์ที่พัฒนามาสำหรับ Type R โดยเฉพาะ ซึ่งไม่มีการตัดกำลังจนทำให้เสียฟีลิงในการขับขี่เหมือนกับรถใช้งานทั่วไป คันเกียร์แบบ Short Shifter มีช่วงการทำงานสั้น กระชับ แม่นยำ ทำงานสอดผสานกับระบบ Rev-Matching System เช่นเดียวกับพวงมาลัยที่พูดได้ว่ามีการตอบสนองฉับไวระดับเดียวกับซูเพอร์คาร์ก็ไม่เกินความจริง การเปลี่ยนทิศทางให้ความรู้สึกยอดเยี่ยม ไม่ว่าจะเป็นการเข้าโค้งด้วยเกียร์ 3 หรือสูงกว่า ผู้ขับขี่สามารถรับรู้ความรู้สึกจากพื้นผิวทแรคผ่านมาจากยางทั้ง 4 เส้น จึงรู้สึกมั่นใจในการสื่อสารกับตัวรถ
สำหรับระบบรองรับแบบ Adaptive Suspension ในโหมดขับขี่ +R ถูกปรับเซทมาให้สามารถขับขี่ในสนามแข่งแบบเต็มรอบฟูลล์ไลน์ได้แบบเกินพอ ประกอบกับการใช้ล้ออัลลอยขนาด 9.5x19 นิ้ว ที่ล้อมรัดด้วยยางสำหรับรถสมรรถนะสูงอย่าง Michelin Pilot Sport 4S ขนาด 265/30 R19 (น่าจะใช้เป็นรถขับคลื่อนล้อหน้าที่ใช้ยางหน้ากว้างที่สุดในโลกจากโรงงาน) ทำให้การขับขี่ในสนามแข่ง ตัวรถมีการยึดเกาะสูงมาก เช่นเดียวกับระบบเบรคที่ไม่มีอาการเฟดให้สัมผัสแม้จะถูกใช้งานหนัก ท่ามกลางสภาพอากาศร้อนจัดก็ยัง “เอาอยู่” แบบไม่ต้องลุ้น
น่าเสียดายที่ Honda Civic Type R ที่น่าประทับใจคันนี้ ถูกจองครบโควตาเพียงไม่กี่วันหลังเปิดรับจองอย่างเป็นทางการ ผู้ที่สนใจยังพอมีโอกาส แต่ต้องดิ้นรนหา “คิวหลุด” แต่สำหรับผู้ที่ได้สิทธิ์รับรถต้องขอแสดงความยินดีด้วย เพราะดาดว่า FL5 จะเป็น Type R รุ่นสุดท้ายที่ยังคงใช้เครื่องยนต์สันดาปภายในล้วนๆ ก่อนจะมีมอเตอร์ไฟฟ้าเข้ามาเกี่ยวข้องตามยุคสมัย
ข้อมูลจำเพาะ Honda Civic Type R
ผู้จัดจำหน่าย บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด
โทร. 0-2341-7888
ยาว/กว้าง/สูง (มม.) 4,593/1,890/1,407
ช่วงล้อ หน้า/หลัง (มม.) 1,624/1,623
ฐานล้อ (มม.) 2,734
น้ำหนัก (กก.) 1,423
ความจุถังเชื้อเพลิง (ลิตร) 47
เครื่องยนต์
แบบ เบนซิน 4 สูบ 16 วาล์ว DOHC - แบบ เบนซิน 4 สูบ 16 วาล์ว DOHC VTEC Turbo
ความจุ (ซีซี) 1,996
กระบอกสูบ/ช่วงชัก (มม.) 86.0/85.9
อัตราส่วนกำลังอัด 9.8:1
กำลังสูงสุด (แรงม้า/รตน.) 320/6,500
แรงบิดสูงสุด (กก.-ม./รตน.) 42.8/2,600-4,000
ระบบจ่ายเชื้อเพลิง หัวฉีดมัลทิพอยท์ PGM-FI
ระบบถ่ายทอดกำลัง
เกียร์ (จังหวะ) ธรรมดา 6
ขับเคลื่อน (ล้อ) 2 หน้า
ระบบรองรับ
หน้า อิสระ แมคเฟอร์สันสตรัท เหล็กกันโคลง
หลัง อิสระ มัลทิลิงค์ เหล็กกันโคลง
ระบบบังคับเลี้ยว
แบบ ดูอัลพิเนียน พร้อมเพาเวอร์ผ่อนแรงแบบไฟฟ้า (DP-EPS)
ระบบห้ามล้อ
แบบ เอบีเอส อีบีดี
หน้า จาน พร้อมช่องระบายความร้อน
หลัง จาน
ราคา (บาท) 3,990,000 บทความแนะนำ

