ระเบียงรถใหม่
All New Mercedes-Benz E-Class W214 อัดแน่นเทคโนโลยี S-Class
Mercedes-Benz E-Class เป็นรถยนต์หรูขนาดกลาง โดยชื่อ E-Class ย่อมาจาก Einspritzung-Class ซึ่งเป็นภาษาเยอรมัน แปลว่า รถยนต์เครื่องหัวฉีด เริ่มผลิตเมื่อปี 2478 ในช่วงแรกจะไม่ได้ใช้ชื่อ E-Class จนกระทั่งปี 2527 มีการเปลี่ยนแปลงระบบเครื่องยนต์เป็นแบบหัวฉีด ดังนั้นตั้งแต่ปี 2527 เป็นต้นมา จึงเรียกว่า E-Class อย่างเป็นทางการ
วันนี้ Mercedes-Benz ได้เปิดตัว E-Class เจเนอเรชันที่ 6 ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นรุ่นสุดท้ายของเครื่องยนต์สันดาป โดยเฉพาะรุ่นสุดท้ายของผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติเยอรมัน ก่อนจะเปลี่ยนเป็นพลังงานไฟฟ้าเพียงอย่างเดียว โดยมีขนาดมิติตัวถังที่ใหญ่ขึ้นกว่ารุ่นก่อนหน้า
All New Mercedes-Benz E-Class ได้รับการออกแบบใหม่ทั้งหมด เส้นสายภาษาการออกแบบ คล้ายกับ C-Class และ S-Class ที่เปิดตัวไปแล้วก่อนหน้านี้ ทำให้รถเก๋งซีดานจาก Mercedes-Benz 3 รุ่น มีรูปลักษณ์ที่คล้ายกันเหมือนกับ 3 ทศวรรษที่ผ่านมา แต่จุดที่แตกต่างออกมาแบบเด่นชัด คือ ไฟหน้าที่ได้รับการออกแบบให้มีเส้นสายต่างจากรุ่นอื่นๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ไฟท้ายที่แปลกตาด้วยดวงไฟ LED รูปดาวสามแฉก ทำให้เห็นความแตกต่างได้ชัดเจนจากพี่น้องของมัน
ตัวรถได้รับการออกแบบให้มีความทันสมัย โฉบเฉี่ยวมากกว่าเดิม ทำให้มีค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทาน cd เพียง 0.23 เท่านั้น โดยใช้พแลทฟอร์มเหล็ก ที่มีส่วนประกอบของอลูมิเนียมมากขึ้น ทำให้มีน้ำหนักเบา มีความแข็งแกร่งเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับ E-Class รุ่นเดิม
มิติตัวถังของ All New E-Class W214 มีความยาว 4,949 มม. กว้าง 1,880 มม. สูง 1,468 มม. และระยะฐานล้อ 2,961 มม. โดยมีขนาดใหญ่กว่าทุกมิติ เมื่อเทียบกับรุ่นเดิมที่มีความยาว 4,923 มม. กว้าง 1,852 มม. สูง 1,468 มม. และระยะฐานล้อ 2,939 มม. ทำให้พื้นที่ภายในห้องโดยสารมีหลังคาสูงขึ้น 5 มม. เนื้อที่ Legroom ส่วนหลังเพิ่มขึ้นอีก 17 มม. เพิ่มความกว้างห้องโดยสาร 25 มม. มีพื้นที่ห้องเก็บสัมภาระด้านท้าย 540 ลิตร พื้นที่เก็บสัมภาระจะลดลงเหลือ 370 ลิตร ในรุ่น Plug-in Hybrid เนื่องจากแบทเตอรีที่วางอยู่
ภายในห้องโดยสาร E-Class ใหม่ ได้รับการออกแบบใหม่ทั้งหมด มีฟังค์ชันดิจิทอลร่วมสมัยมากขึ้น เพิ่มความสะดวกสบาย และใช้วัสดุคุณภาพสูงขึ้น ทั้งหมดนี้เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของการผลักดัน Mercedes-Benz E-Class ใหม่ ให้มีความหรูหรามากขึ้น มีภาพลักษณ์ และตำแหน่งทางการตลาดที่สูงกว่าคู่แข่ง
การออกแบบภายในสุดล้ำอลังการ ที่ต่างจากพี่น้อง C-Class และ S-Class โดยคล้ายกันกับ Digital Glass Cockpit ของ EQS โดยมีจอภาพ 3 จอ ที่เป็นพื้นผิวกระจกขนาดใหญ่ของ MBUX Superscreen เรียงต่อกัน ส่วนหน้าของแผงหน้าปัดมีไฟตกแต่ง Active Ambient Lighting วิ่งเป็นแนวโค้ง สามารถเชื่อมต่อ iPhone และ Apple Watch ด้วย Digital Vehicle Key ทำให้ E-Class สามารถสตาร์ท และลอครถผ่านระบบ Keyless-Go Convenience
ขุมพลัง All New Mercedes-Benz E-Class W214 รุ่น E 200 ใช้เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ ขนาด 2.0 ลิตร เทอร์โบ ให้กำลังสูงสุด 204 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 320 นิวตันเมตร ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า Mild Hybrid 48V ที่ช่วยในการเร่งแซง และออกตัว EQ Boost 23 แรงม้า แรงบิดเพิ่มขึ้น 205 นิวตันเมตร จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 9 จังหวะ 9G-Tronic ขับเคลื่อนล้อหลัง ให้อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ภายใน 7.5 วินาที ความเร็วสูงสุด 240 กม./ชม. อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเฉลี่ย 13.7-15.6 กม./ลิตร
รุ่น Mercedes-Benz E 220 d 4 MATIC เครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบ ขนาด 2.0 ลิตร เทอร์โบ พละกำลังสูงสุด 197 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 440 นิวตันเมตร ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า Mild Hybrid 48V ที่ช่วยในการเร่งแซง และออกตัว EQ Boost 23 แรงม้า แรงบิดเพิ่มขึ้น 205 นิวตันเมตร จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 9 จังหวะ 9G-Tronic ขับเคลื่อนล้อหลัง และขับเคลื่อน 4 ล้อ 4MATIC อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ภายใน 7.6 วินาที ในรุ่นขับเคลื่อนล้อหลัง และ 7.8 วินาที ในรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ ความเร็วสูงสุด Top Speed 234 กม./ชม. ในรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ และ 238 กม./ชม. ในรุ่นขับเคลื่อนล้อหลัง ให้อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเฉลี่ย 18-20 กม./ลิตร
รุ่น Mercedes-Benz E 300 e Plug-in Hybrid 4MATIC เครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบ 4 สูบ ขนาด 2.0 ลิตร พละกำลังสูงสุด 204 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 320 นิวตันเมตร ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า กำลังสูงสุด 129 แรงม้า 440 นิวตันเมตร
ทำงานร่วมกัน ให้กำลังสูงสุด 313 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 550 นิวตันเมตร จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 9 จังหวะ 9G-Tronic มีให้เลือกทั้งขับเคลื่อนล้อหลัง และขับเคลื่อน 4 ล้อ แบทเตอรีความจุ 25.4 กิโลวัตต์ชั่วโมง วิ่งด้วยไฟฟ้าล้วนระยะทางสูงสุด 115 กม. (มาตรฐาน WLTP) อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ภายใน 6.4 วินาที ในรุ่นขับเคลื่อนล้อหลัง 6.5 วินาที ในรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ ความเร็วสูงสุด 234 กม./ชม. ในรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ และ 236 กม./ชม. ในรุ่นขับเคลื่อนล้อหลัง
รุ่น Mercedes-Benz E 400 e Plug-in Hybrid 4MATIC เครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบ 4 สูบ ขนาด 2.0 ลิตร ให้พละกำลังสูงสุด 252 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 400 นิวตันเมตร ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 129 แรงม้า 440 นิวตันเมตร
ทั้ง 2 ระบบทำงานร่วมกัน ให้กำลังสูงสุด 381 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 650 นิวตันเมตร จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 9 จังหวะ 9G-Tronic ขับเคลื่อน 4 ล้อ 4MATIC แบทเตอรีความจุ 25.4 กิโลวัตต์ชั่วโมง วิ่งด้วยไฟฟ้าล้วนระยะทางสูงสุด 109 กม. (มาตรฐาน WLTP) อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ภายใน 5.3 วินาที ความเร็วสูงสุด 250 กม./ชม.
โดยรุ่นระดับบน จะได้รับระบบกันสะเทือนแบบถุงลม Mercedes-Benz AirMatic เวอร์ชันปรับปรุงใหม่ ที่สามารถปรับความหนืดได้ตามสภาพพื้นถนน ตอบสนองเร็วขึ้น สามารถควบคุมระยะห่างจากพื้นคงที่ ไม่ว่าจะมีน้ำหนักบรรทุกเท่าไร สามารถปรับความสูงได้ 15 มม. เพิ่มระบบช่วยเลี้ยวล้อหลังได้ 4.5 องศา ช่วยลดวงเลี้ยวให้แคบลงอีก 90 ซม. มาพร้อมระบบกันสะเทือนหลังอิสระ มัลทิลิงค์ ทำให้การเข้าโค้งทำได้อย่างมั่นใจมากยิ่งขึ้น ระบบบังคับเลี้ยวพวงมาลัยไฟฟ้า น้ำหนักพวงมาลัยแปรผันตามความเร็ว มาพร้อมเทคโนโลยีขับเคลื่อนอัตโนมัติระดับ 4 เช่นเดียวกับ Mercedes S-Class แต่ใช้งานได้แค่บนถนนสายหลักของประเทศเยอรมนีเท่านั้น
เรื่องโดย : พรเทพ คงลาภอำนวย
คอลัมน์ Online : ระเบียงรถใหม่ (บก. ออนไลน์)
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/online/450231