Mercedes-Benz เปิดตัวรถเก๋งซีดานระดับหรูขนาดกลาง Mercedes-Benz E-Class (เมร์เซเดส-เบนซ์ อี-คลาสส์) รุ่นใหม่ล่าสุด นับเป็นรถรุ่นที่ 6 รหัสประจำตัว W214 ที่ออกแบบใหม่หมด
มิติตัวรถยาว/กว้าง/สูง 4,949/1,880/1,468-1,480 มม. ยาวขึ้น 14 มม. และกว้างขึ้น 55 มม. เมื่อเทียบกับรถรุ่นที่ 5 ในขณะที่ช่วงฐานล้อก็ขยายยาวขึ้น 22 มม. เป็น 2.961 ม. ส่วนค่าสัมประสิทธิ์แรงต้านอากาศ ลดจาก 0.25 เป็น 0.23
รูปทรงองค์เอวของตัวถังภายนอก มองไปแล้วนึกถึง EQE ซีดานไฟฟ้า 100% แต่ต่างกันตรงกระจังหน้าขนาดใหญ่ กับไฟหน้าที่มีรปทรงคล้ายฝักถั่ว และเมื่อมองจากด้านข้างตรงๆ ก็จะเห็นได้ชัดว่า ตัวถังของรถรุ่นใหม่นี้มีลักษณะอย่างที่เรียกกันว่า Cab-Backward (แคบ-แบควาร์ด) คือ มีห้องโดยสารอยู่ค่อนไปด้านหลังของตัวรถ
ในระยะแรกจะมีรถให้เลือกใช้รวม 6 โมเดล มีทั้งรถขับเคลื่อนล้อหลัง และรถขับเคลื่อนทุกล้อ แยกเป็นรถติดตั้งเครื่องยนต์สันดาปภายใน พร้อมระบบ Mild Hybrid หรือไฮบริดแบบอ่อน 17 กิโลวัตต์/23 แรงม้า จำนวน 3 โมเดล คือ
Mercedes-Benz E 200 (เบนซิน 1,999 ซีซี 150 กิโลวัตต์/204 แรงม้า ขับล้อหลัง)
Mercedes-Benz E 200 D (ดีเซล 1,993 ซีซี 145 กิโลวัตต์/197 แรงม้า ขับล้อหลัง)
Mercedes-Benz E 200 D 4matic (ดีเซล 1,993 ซีซี 145 กิโลวัตต์/197 แรงม้า ขับทุกล้อ)
และเป็นรถ Plug-In Hybrid หรือไฮบริดชนิดต้องมีการเสียบปลั๊กเพื่อชาร์จไฟ 3 โมเดล คือ
Mercedes-Benz E 300 E (230 กิโลวัตต์/313 แรงม้า ขับล้อหลัง)
Mercedes-Benz E 300 E 4matic (230 กิโลวัตต์/313 แรงม้า ขับทุกล้อ)
Mercedes-Benz E 400 E 4matic (280 กิโลวัตต์/381 แรงม้า ขับทุกล้อ)
ทุกโมเดลส่งกำลังสู่ล้อผ่านระบบเกียร์อัตโนมัติ 9G Tronic
Mercedes-Benz E-Class 2 รุ่นแรกที่จำหน่ายในบ้านเราเป็นรุ่นขับเคลื่อนล้อหลัง คือ
Mercedes-Benz E 220 d AMG Line (E 200 d) เครื่องยนต์ดีเซล เทอร์โบ 2.0 ลิตร กำลังสูงสุด 145 กิโลวัตต์/197 แรงม้า
และ Mercedes-Benz E 350 e AMG Dynamic (E 300 e) เครื่องยนต์เบนซิน เทอร์โบ 2.0 ลิตร Plug-In Hybrid หรือไฮบริดชนิดที่สามารถชาร์จไฟ กำลังสูงสุด 230 กิโลวัตต์/313 แรงม้า
เปรียบเทียบ E-Class รุ่นเดิมกับรุ่นใหม่ มีสมรรถนะที่ต่างกัน
E220d เครื่องยนต์ดีเซล เทอร์โบ ตัวใหม่ให้พละกำลังมากขึ้น จาก 143 kW/194 แรงม้า เป็น 145 kW/197 แรงม้า แรงบิดเพิ่มจาก 400 Nm ขึ้นเป็น 440 Nm แต่อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ใช้เวลาเพิ่มขึ้น 7.3 วินาที เป็น 7.6 วินาที
ส่วน E350e เครื่องยนต์เบนซิน เทอร์โบใหม่กลับ มมีกำลังสูงสุดลดจาก 155 kW/211 แรงม้า เหลือ 150 kW/ 204 แรงม้า แรงบิด 350 Nm ลดลงเช่นกัน เหลือ 320 Nm
มอเตอร์ใหม่ให้กำลัง 95 kW/127 แรงม้า มากกว่ามอเตอร์รุ่นเดิม แต่มีแรงบิด 440 Nm เท่ากัน
ผลรวมไฮบริด ลดจาก 320 แรงม้า เหลือ 313 แรงม้า แรงบิดลดลงมากจนน่าตก จาก 700 Nm เหลือเพียง 550 Nm ซึ่งเกิดจากความพยายามรักษาปริมาณไฟฟ้าในแบทเตอรี ความประหยัดที่แลกกับอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. จาก 5.8 วินาที เป็น 6.4 วินาที
งานนี้พอไฟหมด... ก็ต้องรอรอบ
แบทเตอรีเดิม 13.5 kWh (E300e) แบทเตอรีใหม่ 25.4 kWh (E350e) ทำให้ระยะทาง (เมื่อใช้ไฟฟ้าเพียงอย่างเดียว) เพิ่มจาก 50 กม. เป็น 100 กม.
แบทเตอรีใหญ่ขึ้นเท่าตัว แต่ขนาดห้องเก็บสัมภาระ 370 ลิตรเท่าเดิม และพื้นห้องสัมภาระที่ราบเรียบเป็นพื้นเดียวกัน
แบทเตอรีวางต่ำลงบวกกับน้ำหนักเพิ่ม เซทช่วงล่างมาดี ลงตัวกับระบบขับเคลื่อนล้อหลัง ขับแล้ว แทบไม่รู้สึกว่าแบกแบทเตอรีอยู่ด้านหลัง
E-Class รุ่นใหม่ผสมผสานความทันสมัยเข้ากับความหรูหรา รูปทรงที่ลื่นไหล และสร้างจุดเด่น เช่น กระจังหน้าแบบเรืองแสงระบบ DIGITAL LIGHT ในชุดไฟหน้า
ไฟท้าย LED ยาวจากซ้ายไปขวาผ่านแนวฝากระโปรงท้าย แบบสองส่วนไฟรูปดวงดาว 4 ดวงที่ส่องแสงในตอนกลางคืน
สตาร์ทและปิดลอครถได้อย่างง่ายดายเพียงแค่พกกุญแจรถไว้กับตัว มือจับประตูที่เรียบเนียนไปกับตัวรถที่รวมอยู่ใน KEYLESS-GO Package จะเลื่อนออกโดยอัตโนมัติทันทีที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียงกับรถและเลื่อนกลับอีกครั้งทันทีที่ลอครถ
MBUX Superscreen พร้อมกล้องเซลฟี่และกล้องวิดีโอ สวยงามและไฮเทคเป็นจุดเด่นภายในห้องโดยสาร และจอแสดงผลสำหรับผู้โดยสารด้านหน้าพร้อมโหมดความเป็นส่วนตัว ทำให้ E-Class กลายเป็นสถานที่บันเทิงเคลื่อนที่และห้องประชุมวิดีโอเคลื่อนที่
ระบบเสียงรอบทิศทาง Burmester 4D ระดับพรีเมียมคุณภาพเสียง Dolby Atmos ด้วยลำโพง 17 ตัว ระบบ Exciter เพิ่มเติม 4 ตัว คือตัวแปลงเสียงสั่นสะเทือนที่ติดตั้งอยู่ในพนักพิงหลังของเบาะที่นั่งคู่หน้า เบาะละตัว 2 ตัว ซึ่งสามารถสัมผัสเสียงเพลงผ่านหูและแรงสั่นด้านหลัง
Multicontour Seat Package พร้อมฟังก์ชันหน่วยความจำและฟังก์ชันนวดมีการควบคุมแยกต่างหากสำหรับผู้ขับขี่และผู้โดยสารด้านหน้า ระบบควบคุม ENERGIZING แบบ Comfortช่วยให้คุณสามารถเลือกโปรแกรมนวดที่แตกต่างกันสำหรับเพิ่มความลึกในการนวดที่ดีขึ้น
กระจกกันเสียงและใส่ฉนวนเพิ่มเติมในโครงตัวถัง ทำให้ภายในห้องโดยสารเงียบ
หลังจากได้ทดลองขับแล้ว รถเด่นรอบนี้ คือ
E 350 e ส่วนผสมลงตัวของเครื่องยนต์สันดาปและมอเตอร์ไฟฟ้า ระบบขับเคลื่อน Plug-in Hybrid ขับระบบไฟฟ้าระยะทางสูงถึง 100 กม. สามารถชาร์จพลังงานไฟฟ้าแบบกระแสตรง DC สูงสุด 55 kWh ใช้เวลาชาร์จจาก 0-100% เพียง 30 นาที
เครื่องยนต์เบนซิน เทอร์โบ 2.0 ลิตร 150 kW (204 แรงม้า) และมอเตอร์ไฟฟ้า
ราคา E-Class รุ่น Launch EDITION เป็นลอดแรกช่วงเปิดตัว 800 กว่าเกือบ 900 คัน และเป็นรถที่ใช้ทดลองในครั้งนี้
E 220 d AMG Line 3,990,000 บาท
E 350 e AMG Dynamic 4,250,000 บาท
ส่วนราคา E-Class รุ่น After Launch EDITION เป็นลอดหลัง จะสามารถส่งมอบได้ในไตรมาส 4 ปีนี้ (รถกำลังอยู่ในช่วงการประกอบ) มีราคา ดังนี้
E 220 d AMG Line 3,930,000 บาท
E 350 e AMG Dynamic 4,080,000 บาท
โดยรายละเอียดความแตกต่างของอุปกรณ์มีดังนี้
E 220 d AMG Line (Launch EDITION)
- MANUFAKTUR alpine grey solid
- Driving Assistance Package Plus
- Active Steering Assist
- Active Lane Keeping Assist
- PRE-SAFE® Impulse Side
- Active Blind Spot Assist
- Power closing door
E 220 d AMG Line (After Launch EDITION)
- Graphite grey metallic
- Centre airbag
- Blind Spot Assist
E 350 e AMG Dynamic (Launch EDITION)
- THERMOTRONIC automatic climate control
- Radiator grille, illuminated
- Head-up display
- MBUX Interior Assistant
- Driving Assistance Package Plus
- Active Steering Assist
- Active Lane Keeping Assist
- PRE-SAFE® Impulse Side
- Active Blind Spot Assist
- Power closing door
E 350 e AMG Dynamic (After Launch EDITION)
- THERMATIC automatic climate control
- Centre airbag
- Blind Spot Assist