ข้อมูลทั่วไป รุ่น Performance ไม่ต่างจากรุ่น MK1 เพียงแต่ด้านหลังเปลี่ยนเป็นกระบะที่รับแผ่นรองสินค้าขนาดมาตรฐานยุโรปได้, รับน้ำหนักบรรทุกได้ถึง 1,050 กก. และมีน้ำหนักลากจูงสูงสุด 3,500 กก.
Munro เลือกใช้มอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยว ให้กำลัง 375 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 71.3 กก.-ม. ถ่ายทอดกำลังสู่ชุดทรานส์เฟอร์ 2 อัตราทด พร้อมระบบลอคเฟืองขับกลาง มีอัตราเร่ง 0-96 กม./ชม. ใน 4.9 วินาที
ในเวอร์ชันกระบะจัดรุ่นเหมือนกับรุ่น Mk1 โดยมีรุ่นกำลังน้อยกว่า คือ Utility และ Range ที่ใช้มอเตอร์ไฟฟ้ากำลัง 295 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 61.2 กก.-ม. อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ใน 7.6 วินาที
แบทเตอรีในรุ่น Range และ Performance มีความจุใช้ได้จริงที่ 75.2 กิโลวัตต์ชั่วโมง รองรับกระแสชาร์จ 90 กิโลวัตต์ ชาร์จจาก 15-80 % ภายใน 36 นาที เมื่อชาร์จเต็มสามารถทำระยะเดินทางได้ระหว่าง 244-305 กม. ขึ้นอยู่กับสภาพเส้นทาง
ส่วนรุ่น Utility ใช้แบทเตอรีความจุ 56.3 กิโลวัตต์ชั่วโมง เหมือนกับรุ่น Mk1 มีระยะเดินทางได้ 180-226 กม. ด้วยแบทเตอรีความจุน้อยกว่า รองรับการชาร์จได้ 70 กิโลวัตต์ ชาร์จจาก 15-80 % ภายใน 36 นาที
Munro จะผลิต Mk1 รุ่นแรกจำนวนทั้งสิ้น 50 คัน (ทั้งพิคอัพ และรูปทรงมาตรฐาน) บริษัทตั้งเป้าจะทำยอดการผลิตให้ถึง 2,500 คันภายในปี 2570 ด้วยราคาที่ 49,995 ปอนด์ ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม (ประมาณ 2.25 ล้านบาท) และขณะนี้สั่งซื้อแล้ว 200 คันจากบริษัทต่างๆ และจะส่งรถให้ครบภายในเวลา 2 ปี 
